Plandemic ปฐมบทสารคดีลวงโลก เบื้องหลังไวรัสโควิด-19

20 เมษายน 2567
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


เมื่อปี 2020 ขณะที่ไวรัสโควิด-19 กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลก เกิดปรากฏการณ์บนโลกออนไลน์ที่มีการแชร์คลิปและข้อมูลจากสารคดีขนาดสั้นเรื่อง Plandemic กันอย่างแพร่หลาย แต่กลายเป็นว่า เนื้อหาเหล่านั้นกลับเต็มไปด้วยข้อมูลเท็จเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 และการโจมตีนโยบายรับมือกับการแพร่ระบาดอย่างไม่ถูกต้อง กลายเป็นต้นทางแห่งความเข้าใจผิดเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงเผยแพร่ทางโลกไซเบอร์จนถึงทุกวันนี้

Plandemic เป็นชุดสารคดีไตรภาคที่พยายามอ้างว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นสิ่งที่มีการวางแผนล่วงหน้า โดยสารคดีตัวปฐมบทได้แก่ Plandemic : The Hidden Agenda Behind Covid-19 สารคดีความยาว 26 นาที เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2020


รูปแบบของ Plandemic 1 เน้นเนื้อหาจากบทสัมภาษณ์ระหว่าง มิกกี วิลลิส อดีตนายแบบและนักแสดงที่ผันตัวมาเป็นนักสร้างสารคดีแนวทฤษฎีสมคบคิด และ จูดี ไมโควิตส์ นักวิจัยผู้มีแนวคิดต่อต้านวัคซีน

Fact Checker หลายสำนักได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำกล่าวอ้างของ จูดี ไมโควิตส์ ในหลายประเด็น แบ่งเป็นหัวข้อสำคัญ ๆ ดังนี้

  1. จูดี ไมโควิตส์ ถูกจำคุกเพื่อปิดปาก – ไม่จริง

ในช่วงต้นของสารคดี จูดี ไมโควิตส์ อ้างว่า เธอถูกเจ้าหน้าที่จับกุมและจำคุกโดยไม่มีข้อหา เพื่อเป็นการปิดปากไม่ให้เธอเปิดโปงแผนลับที่วงการแพทย์พยายามปกปิด โดยอ้างว่าเป็นฝีมือของ แอนโทนี เฟาซี อดีตผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NIAID)


แต่แท้จริงแล้ว จูดี ไมโควิตส์ เคยถูกจำคุกเป็นเวลา 5 วันเมื่อปี 2011 ในข้อหาขโมยคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ข้อมูลคอมพิวเตอร์ และทรัพย์สินอื่น ๆ จากสถาบัน Whittemore Peterson Institute for Neuro-Immune Disease ในรัฐเนวาดา โดยก่อนหน้านี้ สถาบันได้ไล่เธอออก หลังพบว่าเธอทำการดัดแปลงผลวิจัยที่อ้างว่ามีความสัมพันธ์ระหว่างเชื้อรีโทรไวรัสกับโรคล้าเรื้อรัง (Chronic Fatigue Syndrome : CFS) จนวารสารการแพทย์ Science สั่งถอนงานวิจัยในเวลาต่อมา

  1. ไวรัสโควิด-19 พัฒนาจากไวรัสโรคซาร์สในเวลาเพียงทศวรรษเดียว – ไม่จริง

แม้ไวรัส SARS-CoV-2 ซึ่งก่อให้เกิดโรคโควิด-19 จะมีชื่อที่คล้ายกับไวรัส SARS-CoV-1 ที่ก่อให้เกิดโรคซาร์ส แต่ไวรัส SARS-CoV-2 ไม่ได้พัฒนามาจากไวรัส SARS-CoV-1 ตามที่ จูดี ไมโควิตส์ กล่าวอ้าง เนื่องจากมีพันธุกรรมที่คล้ายกันเพียง 79% โดยการสำรวจพบว่าไวรัสโควิด-19 น่าจะมีที่มาจากไวรัสโคโรนาในค้างคาว ซึ่งมีความคล้ายคลึงทางพันธุกรรมกว่า 90%

  1. ไวรัสโควิด-19 เกิดจากการตัดต่อพันธุกรรม – ไม่จริง

จากการตรวจสอบโครงสร้างพันธุกรรมของไวรัสโควิด-19 ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ไม่พบหลักฐานว่าไวรัสโควิด-19 การเกิดจากการตัดต่อพันธุกรรมโดยฝีมือมนุษย์ และน่าจะเป็นไวรัสที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

แนวคิดต้นกำเนิดไวรัสโควิด-19 ที่แวดวงวิทยาศาสตร์ให้การยอมรับ คือ 1. เกิดการระบาดหลังการติดเชื้อจากสัตว์สู่คน 2. ไวรัสที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติ หลุดออกจากห้องปฏิบัติการระหว่างการทดลอง

  1. การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ทำให้เสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 – ไม่จริง

จูดี ไมโควิตส์ อ้างว่า สาเหตุที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมากในประเทศอิตาลี มีสาเหตุจากการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เนื่องจากวัคซีนไข้หวัดใหญ่มีส่วนประกอบของไวรัสโคโรนา และมีงานวิจัยพบว่า การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มากกว่าคนไม่ฉีดวัคซีน 36%

อย่างไรก็ดี วัคซีนไข้หวัดใหญ่ทั้งชนิดเชื้อเป็นและเชื้อตาย จะใช้ไวรัส Influenza A หรือ B ในการผลิตวัคซีน แต่ไม่มีการใช้ไวรัสโคโรนาในการผลิตตามที่กล่าวอ้าง

ส่วนงานวิจัยที่อ้างว่าการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ทำให้เสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 นำมาจากงานวิจัยที่เผยแพร่ช่วงต้นปี 2019 เพื่อเปรียบเทียบความเสี่ยงติดเชื้อไวรัสระบบทางเดินหายใจชนิดต่าง ๆ ระหว่างผู้ได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่และผู้ไม่ฉีดวัคซีน

ผลวิจัยพบว่า ขณะที่ผู้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่น้อยกว่าคนไม่ฉีดวัคซีน แต่กลับติดเชื้อไวรัสโคโรนามากกว่าคนไม่ฉีดวัคซีน โดยมีสัดส่วน odds ratios ที่ 1.36

อย่างไรก็ดี การสำรวจดังกล่าวทำขึ้นช่วงปี 2017-2018 หรือ 2 ปีก่อนการระบาดของไวรัสโควิด-19 และไวรัสโคโรนาที่กล่าวถึงคือไวรัสโคโรนา 4 สายพันธุ์ที่แพร่ระบาดตามฤดูกาล ดังนั้นงานวิจัยที่กล่าวอ้างจึงไม่เกี่ยวข้องกับไวรัสโควิด-19 แต่อย่างใด

  1. ยา Hydroxychloroquine รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ได้ดี – ไม่จริง

แม้มีงานวิจัยเพื่อพิสูจน์สรรพคุณของ Hydroxychloroquine ยารักษาโรคมาลาเรียเพื่อใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 แต่การทดลองจนถึงปัจจุบันไม่พบหลักฐานว่า Hydroxychloroquine มีประโยชน์ต่อการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 แต่อย่างใด

  1. การสวมหน้ากากทำให้ไวรัสในร่างกายกลับมากำเริบ – ไม่จริง

ในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) แนะนำให้ประชาชนสวมหน้ากากในที่สาธารณะ เพราะอาจต้องใช้เวลานานถึง 14 วัน ก่อนที่ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะแสดงอาการ ดังนั้นจุดประสงค์หลักของการสวมหน้ากาก คือการป้องกันการแพร่เชื้อโรคต่อชุมชนโดยไม่ตั้งใจ

ริชาร์ด เพลเทียร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ภาควิชาอนามัยสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์-แอมเฮิร์สต์ ชี้แจงว่า การสวมหน้ากากไม่ได้ส่งผลต่อการทำงานของไวรัสในร่างกาย เป็นแค่การป้องกันเชื้อโรคจากละอองเสมหะเข้าสู่ปากและรูจมูก เป็นข้อมูลวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานที่ใคร ๆ ก็ควรรู้ รวมถึงตัว ดร.จูดี ไมโควิตส์ เช่นกัน

การระบาดของ Plandemic

แม้จะเต็มไปด้วยข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง แต่การเผยแพร่ Plandemic : The Hidden Agenda Behind Covid-19 เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2020 ก็ได้รับความสนใจจากสาธารณชนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการสนับสนุนจากกลุ่มเผยแพร่ทฤษฎีสมคบคิดทั้ง QAnon และ อเล็กซ์ โจนส์

ชื่อของ จูดี ไมโควิตส์ กลายเป็นหนึ่งในชื่อที่ถูกค้นหาทาง Google มากที่สุดติดต่อกัน 2 วัน และส่งผลให้คำว่า Plandemic กลายเป็นคำที่ถูกใช้บน X (Twitter) เพิ่มขึ้นกว่า 155%

เนื่องจากมีข้อกล่าวอ้างที่ต้องตรวจสอบหลายประการ กว่าแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์จะลบ Plandemic ออกไปจากระบบได้ สารคดีสุดอื้อฉาวก็ทำยอดวิวรวมกันหลายสิบล้านวิวแล้ว และยังคงหลงเหลือบนโลกไซเบอร์ในรูปแบบคลิปวิดีโอสั้นและข้อความที่อ้างมาจากสารคดี

สาเหตุที่สารคดีฉาวเป็นที่นิยม

แม้บุคลากรในวงการวิทยาศาสตร์ การแพทย์ และสาธารณสุข จะร่วมกันประณามการสร้างสารคดี Plandemic ในข้อหาเป็นภัยสังคม แต่สาเหตุที่สารคดีเป็นที่นิยม ได้รับการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารว่า สารคดีสร้างความน่าเชื่อถือด้วยการผลิตวิดีโอให้มีคุณภาพระดับมืออาชีพ ทั้งการถ่ายภาพ การตัดต่อ ดนตรีประกอบ ซึ่งส่งผลต่อการยอมรับผู้ชมทั้งสิ้น

การที่สารคดีออกมาในช่วงที่วงการวิทยาศาสตร์ยังไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับที่มาของไวรัส และเป็นช่วงที่สาธารณชนต้องการคำตอบที่ชัดเจน รวมถึงความต้องการหาคนรับผิดชอบ คำตอบที่ชัดเจนใน Plandemic คือสิ่งที่ผู้คนในสังคมเฝ้ารอ แม้จะไม่มีเรื่องที่พิสูจน์ได้เลยก็ตาม

ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่า ผู้ผลิตสารคดี Plandemic ใช้เทคนิคการโน้มน้าวใจหลายวิธี โดยเฉพาะเทคนิคที่เรียกว่า Gish Gallop หรือการนำเสนอข้อมูลต่อเนื่องเป็นชุด ๆ เพื่อให้ผู้ฟังไม่มีเวลาทันวิเคราะห์ว่า ข้อกล่าวอ้างแต่ละเรื่องมีความถูกต้องหรือสมเหตุผลหรือไม่

นอกจากนี้ การปิดกั้นการนำเสนอสารคดี Plandemic ทางสื่อกระแสหลัก ท่ามกลางความสงสัยของผู้คนกลับไปกระตุ้นให้เกิดปรากฎการณ์ที่เรียกว่า Streisand Effect หรือการเกิดความสนใจต่อสิ่งที่เจตนาจะไม่ให้เป็นที่สนใจ จนเรื่องดังกล่าวกลายเป็นที่สนใจของสาธารณชนในเวลาต่อมา

ปัจจัยทั้งหมด นำไปสู่ความโด่งดังของ Plandemic สารคดีที่เผยแพร่ข่าวปลอมข้อมูลเท็จเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 ที่สร้างความเข้าใจผิดในสังคมจนถึงวันนี้

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.politifact.com/article/2020/may/08/fact-checking-plandemic-documentary-full-false-con/
https://en.wikipedia.org/wiki/Plandemic
https://en.wikipedia.org/wiki/Gish_gallop
https://en.wikipedia.org/wiki/Streisand_effect

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

เปิดแนวต้านน้ำหล่มสัก ผลักดันแผนแก้น้ำท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 22 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก ที่เพชรบูรณ์ จะลดลงแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะย่านการค้าเก่าแก่ที่เจอน้ำท่วม 2 รอบในช่วง 3 สัปดาห์ เรียกว่ายังไม่ทันได้ฟื้นฟูความเสียหายจากน้ำท่วมรอบแรกเสร็จ ต้องมาเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ขณะที่หลายคนกังวลและต้องเตรียมรับมือกับพายุที่คาดว่าจะเข้ามาในช่วงปลายสัปดาห์นี้ พร้อมเรียกร้องให้เร่งป้องกันและหาแนวทาง แก้ปัญหาระยะยาว ไม่ให้หล่มสักกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก .-สำนักข่าวไทย

ฝนถล่มเชียงใหม่ ประกาศปิดน้ำตกแม่สา ส่วนวัดผาลาด เตือนน้ำป่าหลาก

เชียงใหม่ 22 ก.ย.-ฝนถล่มเชียงใหม่ อุทยานฯ ดอยสุเทพ-ปุย ประกาศปิดน้ำตกแม่สา อ.แม่ริม ชั่วคราว หลังน้ำป่าไหลหลาก ส่วนวัดผาลาด แจ้งเตือนชาวบ้านรับมือน้ำป่าหลากลงน้ำตกผาลาด ช่วงบ่ายวันนี้ ( 22 กันยายน) เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ เพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้โพสต์ข้อความประกาศปิดน้ำตกแม่สา ในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เนื่องจากเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากลงมาจนน้ำมีสีน้ำตาลขุ่น กระแสน้ำไหลแรงและเชี่ยวกราก โดยจะปิดน้ำตกแม่สาตั้งแต่วันนี้จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ขณะที่พระมหาสง่า ไชยวงค์ เจ้าอาวาสวัดผาลาด ก็ได้โพสต์คลิปภาพวิดีโอ พร้อมข้อความ “มวลน้ำจากยอดดอยกำลังผ่านวัดผาลาด ญาติโยมด้านล่างช่วงนี้ก็เฝ้าไว้เน้อ” ซึ่งทางวัดผาลาดจะมีการแจ้งเตือนชาวบ้านที่อยู่ใกล้ทางน้ำไหลน้ำตกผาลาด และบริเวณเชิงดอยสุเทพในตัวเมืองเชียงใหม่ ให้เฝ้าระวังน้ำป่าที่ไหลผ่านวัดลงสู่ด้านล่างทุกครั้ง สำหรับวัดผาลาดตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ และมีน้ำตกผาลาดไหลผ่านพื้นที่วัดช่วงที่เกิดฝนตกหนัก จะมีน้ำป่าไหลหลากจากบนดอยสุเทพผ่านน้ำตกผาลาด ก่อนจะไหลลงสู่พื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่.-สำนักข่าวไทย

กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ชี้ JBC รับรองแล้ว

กทม. 22 ก.ย.- กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน ชี้ JBC รับรองแล้ว สอดคล้อง MOU 2543 พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยถึงประเด็นหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 ในพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้วว่า หลักเขตแดนที่ 42 ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว (บ้านไปรจัน) ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และหลักเขตแดนที่ 43 ตั้งอยู่ที่บ้านโนนหมากมุ่น ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยการกำหนดแนวเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเส้นตรงจากหลักเขตแดนที่ 41 มายังหลักเขตแดนที่ 42 และต่อเนื่องไปยังหลักเขตแดนที่ 43 จากนั้นแนวเขตแดนจะไปตามคลองระลมระสือจนถึงหลักเขตแดนที่ 44 สำหรับกระบวนการสำรวจ ชุดสำรวจร่วมไทย–กัมพูชาได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ 1 ของ TOR คือ การสำรวจสภาพ และที่ตั้งของหลักเขตแดนทั้งหมด 74 หลัก ตั้งแต่ปี พ.ศ. […]

ทีมทนายวัดนาป่าพง หอบเอกสารเข้าพบกองปราบ

22 ก.ย.- ทีมทนายวัดนาป่าพง หอบเอกสารเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบ ขณะที่สีกาเยอรมนีเตรียมนั่งเครื่องเข้าพบตำรวจ 2 ต.ค.นี้ หลังจากที่นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี พร้อมทีมทนายความ ได้มีการตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงประเด็นที่ น.ส.ทองใหม่ ขวัญหมื่น หรือ ทนายอุ้ม ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากสีกาจากประเทศเยอรมนี เข้ามาร้องเรียนที่กองบังคับการปราบปราม กล่าวหาว่า พระคึกฤทธิ์ ยักยอกเงินวัด ก่อนนำมาฟอกกับมูลนิธิพุทธวจนที่ประเทศเยอรมนีนั้น ความเคลื่อนไหวล่าสุดวันนี้ (22 ก.ย.68) เวลา 10.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม กองกำกับการ 2 นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี และทีมทนายความ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยนำเอกสารเป็นพยานหลักฐานเกี่ยวกับเส้นเงิน เงินบริจาคภายในวัด มามอบให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อชี้แจงในประเด็นต่างๆ โดยใช้เวลาในการชี้แจงกับพนักงานสอบสวนไม่ถึง 1 ชั่วโมง ก่อนจะเดินทางกลับทันที และไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด หลังจากนั้นทีมข่าวได้ติดต่อไปที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดนาป่าพง โดยเฉพาะเงินที่เปิดรับบริจาคทั่วประเทศ หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีความผิดจริง […]