Plandemic ปฐมบทสารคดีลวงโลก เบื้องหลังไวรัสโควิด-19

20 เมษายน 2567
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


เมื่อปี 2020 ขณะที่ไวรัสโควิด-19 กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลก เกิดปรากฏการณ์บนโลกออนไลน์ที่มีการแชร์คลิปและข้อมูลจากสารคดีขนาดสั้นเรื่อง Plandemic กันอย่างแพร่หลาย แต่กลายเป็นว่า เนื้อหาเหล่านั้นกลับเต็มไปด้วยข้อมูลเท็จเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 และการโจมตีนโยบายรับมือกับการแพร่ระบาดอย่างไม่ถูกต้อง กลายเป็นต้นทางแห่งความเข้าใจผิดเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงเผยแพร่ทางโลกไซเบอร์จนถึงทุกวันนี้

Plandemic เป็นชุดสารคดีไตรภาคที่พยายามอ้างว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นสิ่งที่มีการวางแผนล่วงหน้า โดยสารคดีตัวปฐมบทได้แก่ Plandemic : The Hidden Agenda Behind Covid-19 สารคดีความยาว 26 นาที เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2020


รูปแบบของ Plandemic 1 เน้นเนื้อหาจากบทสัมภาษณ์ระหว่าง มิกกี วิลลิส อดีตนายแบบและนักแสดงที่ผันตัวมาเป็นนักสร้างสารคดีแนวทฤษฎีสมคบคิด และ จูดี ไมโควิตส์ นักวิจัยผู้มีแนวคิดต่อต้านวัคซีน

Fact Checker หลายสำนักได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำกล่าวอ้างของ จูดี ไมโควิตส์ ในหลายประเด็น แบ่งเป็นหัวข้อสำคัญ ๆ ดังนี้

  1. จูดี ไมโควิตส์ ถูกจำคุกเพื่อปิดปาก – ไม่จริง

ในช่วงต้นของสารคดี จูดี ไมโควิตส์ อ้างว่า เธอถูกเจ้าหน้าที่จับกุมและจำคุกโดยไม่มีข้อหา เพื่อเป็นการปิดปากไม่ให้เธอเปิดโปงแผนลับที่วงการแพทย์พยายามปกปิด โดยอ้างว่าเป็นฝีมือของ แอนโทนี เฟาซี อดีตผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NIAID)


แต่แท้จริงแล้ว จูดี ไมโควิตส์ เคยถูกจำคุกเป็นเวลา 5 วันเมื่อปี 2011 ในข้อหาขโมยคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ข้อมูลคอมพิวเตอร์ และทรัพย์สินอื่น ๆ จากสถาบัน Whittemore Peterson Institute for Neuro-Immune Disease ในรัฐเนวาดา โดยก่อนหน้านี้ สถาบันได้ไล่เธอออก หลังพบว่าเธอทำการดัดแปลงผลวิจัยที่อ้างว่ามีความสัมพันธ์ระหว่างเชื้อรีโทรไวรัสกับโรคล้าเรื้อรัง (Chronic Fatigue Syndrome : CFS) จนวารสารการแพทย์ Science สั่งถอนงานวิจัยในเวลาต่อมา

  1. ไวรัสโควิด-19 พัฒนาจากไวรัสโรคซาร์สในเวลาเพียงทศวรรษเดียว – ไม่จริง

แม้ไวรัส SARS-CoV-2 ซึ่งก่อให้เกิดโรคโควิด-19 จะมีชื่อที่คล้ายกับไวรัส SARS-CoV-1 ที่ก่อให้เกิดโรคซาร์ส แต่ไวรัส SARS-CoV-2 ไม่ได้พัฒนามาจากไวรัส SARS-CoV-1 ตามที่ จูดี ไมโควิตส์ กล่าวอ้าง เนื่องจากมีพันธุกรรมที่คล้ายกันเพียง 79% โดยการสำรวจพบว่าไวรัสโควิด-19 น่าจะมีที่มาจากไวรัสโคโรนาในค้างคาว ซึ่งมีความคล้ายคลึงทางพันธุกรรมกว่า 90%

  1. ไวรัสโควิด-19 เกิดจากการตัดต่อพันธุกรรม – ไม่จริง

จากการตรวจสอบโครงสร้างพันธุกรรมของไวรัสโควิด-19 ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ไม่พบหลักฐานว่าไวรัสโควิด-19 การเกิดจากการตัดต่อพันธุกรรมโดยฝีมือมนุษย์ และน่าจะเป็นไวรัสที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

แนวคิดต้นกำเนิดไวรัสโควิด-19 ที่แวดวงวิทยาศาสตร์ให้การยอมรับ คือ 1. เกิดการระบาดหลังการติดเชื้อจากสัตว์สู่คน 2. ไวรัสที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติ หลุดออกจากห้องปฏิบัติการระหว่างการทดลอง

  1. การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ทำให้เสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 – ไม่จริง

จูดี ไมโควิตส์ อ้างว่า สาเหตุที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมากในประเทศอิตาลี มีสาเหตุจากการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เนื่องจากวัคซีนไข้หวัดใหญ่มีส่วนประกอบของไวรัสโคโรนา และมีงานวิจัยพบว่า การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มากกว่าคนไม่ฉีดวัคซีน 36%

อย่างไรก็ดี วัคซีนไข้หวัดใหญ่ทั้งชนิดเชื้อเป็นและเชื้อตาย จะใช้ไวรัส Influenza A หรือ B ในการผลิตวัคซีน แต่ไม่มีการใช้ไวรัสโคโรนาในการผลิตตามที่กล่าวอ้าง

ส่วนงานวิจัยที่อ้างว่าการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ทำให้เสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 นำมาจากงานวิจัยที่เผยแพร่ช่วงต้นปี 2019 เพื่อเปรียบเทียบความเสี่ยงติดเชื้อไวรัสระบบทางเดินหายใจชนิดต่าง ๆ ระหว่างผู้ได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่และผู้ไม่ฉีดวัคซีน

ผลวิจัยพบว่า ขณะที่ผู้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่น้อยกว่าคนไม่ฉีดวัคซีน แต่กลับติดเชื้อไวรัสโคโรนามากกว่าคนไม่ฉีดวัคซีน โดยมีสัดส่วน odds ratios ที่ 1.36

อย่างไรก็ดี การสำรวจดังกล่าวทำขึ้นช่วงปี 2017-2018 หรือ 2 ปีก่อนการระบาดของไวรัสโควิด-19 และไวรัสโคโรนาที่กล่าวถึงคือไวรัสโคโรนา 4 สายพันธุ์ที่แพร่ระบาดตามฤดูกาล ดังนั้นงานวิจัยที่กล่าวอ้างจึงไม่เกี่ยวข้องกับไวรัสโควิด-19 แต่อย่างใด

  1. ยา Hydroxychloroquine รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ได้ดี – ไม่จริง

แม้มีงานวิจัยเพื่อพิสูจน์สรรพคุณของ Hydroxychloroquine ยารักษาโรคมาลาเรียเพื่อใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 แต่การทดลองจนถึงปัจจุบันไม่พบหลักฐานว่า Hydroxychloroquine มีประโยชน์ต่อการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 แต่อย่างใด

  1. การสวมหน้ากากทำให้ไวรัสในร่างกายกลับมากำเริบ – ไม่จริง

ในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) แนะนำให้ประชาชนสวมหน้ากากในที่สาธารณะ เพราะอาจต้องใช้เวลานานถึง 14 วัน ก่อนที่ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะแสดงอาการ ดังนั้นจุดประสงค์หลักของการสวมหน้ากาก คือการป้องกันการแพร่เชื้อโรคต่อชุมชนโดยไม่ตั้งใจ

ริชาร์ด เพลเทียร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ภาควิชาอนามัยสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์-แอมเฮิร์สต์ ชี้แจงว่า การสวมหน้ากากไม่ได้ส่งผลต่อการทำงานของไวรัสในร่างกาย เป็นแค่การป้องกันเชื้อโรคจากละอองเสมหะเข้าสู่ปากและรูจมูก เป็นข้อมูลวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานที่ใคร ๆ ก็ควรรู้ รวมถึงตัว ดร.จูดี ไมโควิตส์ เช่นกัน

การระบาดของ Plandemic

แม้จะเต็มไปด้วยข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง แต่การเผยแพร่ Plandemic : The Hidden Agenda Behind Covid-19 เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2020 ก็ได้รับความสนใจจากสาธารณชนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการสนับสนุนจากกลุ่มเผยแพร่ทฤษฎีสมคบคิดทั้ง QAnon และ อเล็กซ์ โจนส์

ชื่อของ จูดี ไมโควิตส์ กลายเป็นหนึ่งในชื่อที่ถูกค้นหาทาง Google มากที่สุดติดต่อกัน 2 วัน และส่งผลให้คำว่า Plandemic กลายเป็นคำที่ถูกใช้บน X (Twitter) เพิ่มขึ้นกว่า 155%

เนื่องจากมีข้อกล่าวอ้างที่ต้องตรวจสอบหลายประการ กว่าแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์จะลบ Plandemic ออกไปจากระบบได้ สารคดีสุดอื้อฉาวก็ทำยอดวิวรวมกันหลายสิบล้านวิวแล้ว และยังคงหลงเหลือบนโลกไซเบอร์ในรูปแบบคลิปวิดีโอสั้นและข้อความที่อ้างมาจากสารคดี

สาเหตุที่สารคดีฉาวเป็นที่นิยม

แม้บุคลากรในวงการวิทยาศาสตร์ การแพทย์ และสาธารณสุข จะร่วมกันประณามการสร้างสารคดี Plandemic ในข้อหาเป็นภัยสังคม แต่สาเหตุที่สารคดีเป็นที่นิยม ได้รับการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารว่า สารคดีสร้างความน่าเชื่อถือด้วยการผลิตวิดีโอให้มีคุณภาพระดับมืออาชีพ ทั้งการถ่ายภาพ การตัดต่อ ดนตรีประกอบ ซึ่งส่งผลต่อการยอมรับผู้ชมทั้งสิ้น

การที่สารคดีออกมาในช่วงที่วงการวิทยาศาสตร์ยังไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับที่มาของไวรัส และเป็นช่วงที่สาธารณชนต้องการคำตอบที่ชัดเจน รวมถึงความต้องการหาคนรับผิดชอบ คำตอบที่ชัดเจนใน Plandemic คือสิ่งที่ผู้คนในสังคมเฝ้ารอ แม้จะไม่มีเรื่องที่พิสูจน์ได้เลยก็ตาม

ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่า ผู้ผลิตสารคดี Plandemic ใช้เทคนิคการโน้มน้าวใจหลายวิธี โดยเฉพาะเทคนิคที่เรียกว่า Gish Gallop หรือการนำเสนอข้อมูลต่อเนื่องเป็นชุด ๆ เพื่อให้ผู้ฟังไม่มีเวลาทันวิเคราะห์ว่า ข้อกล่าวอ้างแต่ละเรื่องมีความถูกต้องหรือสมเหตุผลหรือไม่

นอกจากนี้ การปิดกั้นการนำเสนอสารคดี Plandemic ทางสื่อกระแสหลัก ท่ามกลางความสงสัยของผู้คนกลับไปกระตุ้นให้เกิดปรากฎการณ์ที่เรียกว่า Streisand Effect หรือการเกิดความสนใจต่อสิ่งที่เจตนาจะไม่ให้เป็นที่สนใจ จนเรื่องดังกล่าวกลายเป็นที่สนใจของสาธารณชนในเวลาต่อมา

ปัจจัยทั้งหมด นำไปสู่ความโด่งดังของ Plandemic สารคดีที่เผยแพร่ข่าวปลอมข้อมูลเท็จเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 ที่สร้างความเข้าใจผิดในสังคมจนถึงวันนี้

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.politifact.com/article/2020/may/08/fact-checking-plandemic-documentary-full-false-con/
https://en.wikipedia.org/wiki/Plandemic
https://en.wikipedia.org/wiki/Gish_gallop
https://en.wikipedia.org/wiki/Streisand_effect

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

‘ฮุน เซน’ ไลฟ์สดกล่าวถึงปัญหาไทย-กัมพูชา

พนมเปญ 27 มิ.ย. – วันนี้นายฮุนเซน ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กแต่เช้า พูดถึงเรื่องปัญหาความขัดแย้งไทยกับกัมพูชา สรุปประเด็นได้ดังนี้ 7. ประเด็นอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร นายฮุน เซนกล่าวว่า เมื่อตอนที่เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณที่ประเทศไทย เห็นกับตาว่า เวลานายทักษิณจะถ่ายรูปด้วยกัน ต้องหยิบปลอกคอทางการแพทย์มาสวมก่อน พอถ่ายรูปเสร็จก็ถอดออก แล้วไปกินข้าวด้วยกันเป็นปกติ 8.นายฮุน เซนระบุว่า กัมพูชาจะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติดูหมิ่นกองทัพหรือผู้นำกองทัพ และนายฮุน เซน ถือว่าการกระทำของนางสาวแพทองธาร ต่อแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ถือเป็นการหมิ่นเบื้องสูง.-810.-สำนักข่าวไทย

เช็กโผ ครม.ล่าสุด นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม

ทำเนียบฯ 27 มิ.ย. – คืบหน้า ครม.ใหม่ นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม โยก “สุดาวรรณ” นั่ง รมว.อว. ขณะที่ หลานชาย สุริยะ “พงศ์กวิน” นั่ง รมว.แรงงาน ความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ชุดใหม่ ล่าสุดมีรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว โดยโผ ครม.ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะไปดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ […]

เร่งหาทอง 38 บาท หลังคนร้ายจบชีวิต หนีความผิด

ชลบุรี 27 มิ.ย. – คนร้ายบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี โดดคอนโด หนีความผิด หลังก่อเหตุ 2 ชม. ค้นบ้านเจอเอกสารทวงหนี้จำนวนมาก ตำรวจเร่งหาที่ซ่อนทอง ช่วงสายวานนี้ ประมาณ 09.30 น. เกิดเหตุคนร้าย เป็นชาย สวมเสื้อแขนยาวสวมหมวกใส่แมสก์ปิดบังใบหน้า เข้ามาใช้ปืนจี้พนักงานก่อเหตุชิงทอง ห้างทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาบ้านสวน อำเภอเมืองชลบุรี ได้ทองรูปพรรณไปทั้งหมดรวม 38 บาท ซึ่งขณะหลบหนี ดาบตำรวจสมปอง ฟองดา ผบ.หมู่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 เห็นเหตุการณ์พอดี พยายามกระโดดขวางและเข้าชาร์จตัวผู้ก่อเหตุ จังหวะนั้นผู้ก่อเหตุ ได้ยิงเพื่อเปิดทางหนึ่งนัด กระสุนโดนหมวกกันน็อกดาบตำรวจสมปอง จนเป็นรู และสามารถแย่งปืนมาได้ แต่ไม่สามารถจับตัวได้ คนร้ายวิ่งหนีออกจากห้างไปอย่างรวดเร็วตำรวจในพื้นที่เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามเส้นทางหลบหนี แต่ผ่านไปเพียง 2 ชั่วโมง ประมาณ 11.30 น. ตำรวจ สภ.ดอนหัวฬ่อ ได้รับแจ้งคนตกจากคอนโดมีเนียม จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกู้ภัย […]

พบระเบิดอีกที่หาดสุรินทร์

ภูเก็ต 27 มิ.ย.-พบระเบิดอีก 1 ชุดที่หาดสุรินทร์ จ.ภูเก็ต ชุด EOD เข้าทำลายแล้ว เร่งค้นหาว่ามีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ หลังคนร้ายรับสารภาพวางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด ภายหลังจากตำรวจจับผู้ต้องหาลอบวางระเบิดสถานที่ท่องเที่ยวทั้งที่จังหวัดภูเก็ตและกระบี่ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ยังได้วางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด คือที่บริเวณหาดสุรินทร์ ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ใกล้กับสถานที่กำลังก่อสร้าง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุด EOD ตำรวจภูธรภาค 8 ชุดสืบสวนภาค 8 ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล เจ้าหน้าที่ อบต.เชิงทะเล และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหาดสุรินทร์ พร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือสแกนหาวัตถุต้องสงสัย และเครื่องตรวจจับโลหะ และตรวจพบวัตถุต้องสงสัย 1 ชุด ถูกฝังไว้ใต้ต้นไม้ ใกล้ห้องน้ำ บริเวณที่กำลังมีการปรับปรุงภูมิทัศน์หาดสุรินทร์ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง และเจ้าหน้าที่ EOD ใช้ยุทธวิธีในการทำลาย อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาว่าจะมีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ เพราะจากคำสารภาพของผู้ต้องหา ระบุว่า มีการนำวัตถุต้องสงสัยมาวางไว้ […]

ข่าวแนะนำ

ตชด.ลาดตระเวนเข้ม 24 ชม. แนวชายแดนไทย-กัมพูชา

สระแก้ว 29 มิ.ย. – ชุดควบคุมตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 ลาดตระเวน ตั้งบังเกอร์ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.โคกสูง เฝ้าระวังพื้นที่ตลอด 24 ชม. หลังมีรายงานกลุ่มชาวกัมพูชาลักลอบเข้ามาใช้พื้นที่ปลูกพืช-สร้างสิ่งปลูกสร้าง ละเมิดข้อตกลง MOU 43 วันนี้ ชุดควบคุมตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 (ตชด.12) จัดกำลังลาดตระเวนแนวชายแดนในพื้นที่เปราะบาง 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโคกสูง และอำเภออรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลังจากมีกรณีข้อพิพาท ระหว่างไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในจุดที่ยังเป็นพื้นที่ข้อพิพาทจากแนวเขตตาม MOU ปี 2543 ซึ่งห้ามทั้งสองประเทศสร้างสิ่งปลูกสร้างถาวรใดๆ ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ตชด.12 ในการตรวจจุดแนวชายแดน โดยเริ่มจากแนวตะเข็บรอยต่อบริเวณอำเภอโคกสูง ซึ่งติดกับ จ.บันเตียเมียนเจย ของกัมพูชา ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นแนวเขตพื้นที่ที่เรียกว่าดินต่อดิน ซึ่งเป็นแนวกั้นธรรมชาติอย่างชัดเจน ซึ่งจะแตกต่างจากแนวชายแดน อำเภออรัญประเทศ ที่มีคลองธรรมชาติ ซึ่งแนวคลองลึกและจะมีแนวลวดหนามกั้นชัดเจนตลอดทั้งเส้นทาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ เผยว่า บริเวณ อ.โคกสูง มีรายงานว่ากลุ่มชาวกัมพูชา ลักลอบเข้ามาใช้พื้นที่ปลูกพืชหรือสร้างสิ่งปลูกสร้างเล็กๆ ซึ่งละเมิดข้อตกลง […]

น้องสาว ผกก.โจ้ วอนตำรวจช่วยไขปริศนาการตายของพี่ชาย

กทม. 29 มิ.ย.-น้องสาวอดีตผู้กำกับโจ้ วอนตำรวจช่วยไขปริศนาการเสียชีวิตของพี่ชาย และเร่งทำคดี เพื่อให้ครอบครัวได้รับความเป็นธรรม หลังผ่านมา 4 เดือน คดียังไม่คืบ ส่วนบรรยากาศงานฌาปนกิจวันนี้ เป็นไปด้วยความโศกเศร้า เวลา 15.30 น. พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีฌาปนกิจศพ นายธิติสรรค์ อุทธนผล หรือผู้กำกับโจ้ ที่วัดพระศรีมหาธาตุวรลักษณ์มหาวิหาร หลังเก็บศพมานานกว่า 4 เดือน บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างโศกเศร้าของบุคคลในครอบครัว ขณะที่เพื่อนร่วมรุ่น ตลอดจนอดีตผู้บังคับบัญชาอย่างพลตำรวจโทสมหมาย กองวิสัยสุข อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดหรือ ป.ส. และผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าที่สนิทสนม ได้เดินทางมาร่วมในพิธีฌาปนกิจวันนี้ด้วย ขณะที่ นางสาวศรัญญา อุทธนผล อายุ 34 ปี น้องสาวของผู้กำกับโจ้ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในคดีดังกล่าวว่า หลังจากตนพร้อมแฟนสาวของผู้กำกับโจ้ เดินทางยื่นคำร้องขอให้ DSI รับคดีการเสียชีวิตของพี่ชายเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากติดใจสาเหตุการการตายของพี่ชาย จนถึงขณะนี้นาน 4 เดือนแล้ว คดียังไม่คืบหน้า ซึ่งล่าสุดวันนี้ พ.ต.อ.ทวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม […]

คปท.แถลงยืนข้างกองทัพปกป้องอธิปไตย ไม่ใช่หนุนรัฐประหาร

กทม. 29 มิ.ย.- คปท. แถลงยืนข้างกองทัพปกป้องอธิปไตย ไม่ใช่สนับสนุนรัฐประหาร และไม่คิดสนับสนุนรัฐประหารแน่นอน นัดหารือใหญ่ 1 ก.ค.นี้ ยกระดับขับไล่นายกฯ-พรรคร่วม เวลา 14.00 น. นายพิชิต ไชยมงคล พร้อมแกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. ร่วมแถลงจุดยืน ภายหลังการชุมนุมใหญ่เมื่อวานนี้ แต่ปรากฏว่าการปราศรัยของแกนนำบนเวทีบางคนกลับมีเนื้อหาที่เปิดทางให้กับการรัฐประหาร ทำให้ในวันนี้นายพิชิต ต้องออกมาแถลงการณ์ด่วน ชี้แจงว่า พรรคฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลกำลังกล่าวหาประชาชนที่ออกมาชุมนุมว่าสนับสนุนรัฐประหาร ทั้งที่ควรจะกดดันให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้ยืนยันว่าแนวทางของ คปท. ไม่เคยเรียกร้องให้เกิดการรัฐประหารจากกองทัพใดๆ ทั้งสิ้น แต่เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีรับผิดชอบต่อคำพูด และให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว และการที่ คปท. ยืนเคียงข้างกองทัพปกป้องอธิปไตยของชาติ ก็ไม่ได้มีความหมายถึงการรัฐประหารแต่อย่างใด ส่วนแนวทางการเคลื่อนไหวหลังจากนี้ แกนนำ คปท. จะประชุมร่วมกับแกนนำทุกของคน “รวมพลังแผ่นดิน” ในวันอังคารที่ 1 กรกฎาคมนี้ ว่าจะมีการยกระดับการชุมนุมเป็นไปในทิศทางใด ซึ่งจะเป็นการยกระดับกิจกรรมหลังวันที่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นไป เพื่อทำกิจกรรมให้เข้มข้นขึ้น อาจจะยังไม่ถึงขั้นปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล แต่พื้นที่การชุมนุมก็คงจะใกล้ทำเนียบรัฐบาลมากขึ้น และไม่ใช้พื้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิแล้ว […]

เพลิงไหม้หอพักพยาบาล รพ.ศิริราช

กทม. 29 มิ.ย. – เพลิงไหม้ภายในหอพักพยาบาล รพ.ศิริราช เจ้าหน้าที่คุมเพลิงได้แล้ว ช่วยผู้ติดค้างออกมาได้อย่างปลอดภัย วันที่ 29 มิถุนายน 2568 เวลา 12.30 น. รับแจ้งจากศูนย์วิทยุร่วมไทร เหตุเพลิงไหม้ภายในหอพักพยาบาล (แปดไร่) โรงพยาบาลศิริราช ถนนรถไฟ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัยบางขุนนนท์ สปภ.กทม. ถึงที่เกิดเหตุ พบกลุ่มควันจำนวนมากบริเวณชั้นใต้ดิน จึงทำการตรวจสอบและอพยพผู้ที่ติดค้างด้านบนลงมา เวลา 12.55 น. พบจุดต้นเพลิงบริเวณชั้นใต้ดิน เจ้าหน้าที่ดำเนินการใช้น้ำทำการดับ มีผู้ติดค้างภายในลิฟต์ชั้นที่ 12 เจ้าหน้าที่และช่างลิฟต์ประจำอาคาร ได้ทำการช่วยเหลือออกมาได้อย่างปลอดภัย เวลา 13.04 น. เพลิงสงบ .-สำนักข่าวไทย