ชัวร์ก่อนแชร์: ผลสำรวจวัคซีนโควิดจาก 99 ล้านคน พบผลข้างเคียงอันตรายหลายชนิด จริงหรือ?

30 มีนาคม 2566
แปลและเรียบเรียงบทความโดย : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

มีข้อมูลสร้างความเข้าใจผิดเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์และเว็บไซต์ในต่างประเทศ โดยอ้างว่าผลสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 99 ล้านราย พบอาการข้างเคียงจากผู้ฉีดวัคซีนโควิด-19 หลากหลายชนิด แสดงให้เป็นว่าวัคซีนโควิด-19 ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างเพียงพอก่อนได้รับการอนุมัติ


บทสรุป :

  1. อาการที่พบส่วนใหญ่เป็นอาการไม่พึงประสงค์ที่ได้รับการยืนยันมานานแล้ว
  2. พบโรคไขสันหลังอักเสบและโรคสมองอักเสบหลายตำแหน่งเฉียบพลันในผู้รับวัคซีนแอสตราเซนเนกามากกว่าคนทั่วไป แต่อยู่ในสัดส่วนที่น้อยมาก
  3. อาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีนโควิด-19 สามารถพบในผู้ป่วยโควิด-19 เช่นกัน และยังมีความเสี่ยงที่สูงกว่า

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

ข้อมูลที่กล่าวอ้าง นำมาจากรายงานของ Global Vaccine Data Network (GVDN) หน่วยงานตรวจสอบความปลอดภัยวัคซีน ที่เปิดเผยผลสำรวจอาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีนโควิด-19 จากกลุ่มตัวอย่างจำนวนกว่า 99 ล้านรายใน 8 ประเทศ โดยเผยแพร่เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2024


จุดประสงค์ของการสำรวจ คือการค้นหาอาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีนที่อาจไม่พบจากการสำรวจโดยประเทศใดประเทศหนึ่ง และช่วยให้การศึกษาความปลอดภัยของวัคซีนมีความชัดเจนยิ่งขึ้น

GVDN ได้สำรวจอาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีนโควิด-19 จำนวน 14 ชนิด อาทิ ไฟเซอร์, โมเดอร์นา, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน, แอสตราเซนเนกา, โนวาแวกซ์, ซิโนแวค และ สปุตนิก โดยติดตามอาการหลังจากฉีดวัคซีนไปแล้วเป็นเวลา 42 วัน

ผลสำรวจพบว่า การฉีดวัคซีนแอสตราเซนเนกาโดสแรก เพิ่มความเสี่ยงการเกิดอาการ Guillain-Barré syndrome หรือความผิดปกติของระบบประสาทส่วนปลายซึ่งส่งผลให้แขนขาอ่อนแรง และอาการลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำสมอง Cerebral Venous Sinus Thrombosis : CVST) ซึ่งพบมากกว่ากลุ่มตัวอย่างที่ไม่ฉีดวัคซีน

ส่วนอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและอาการเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ (Myocarditis และ Pericarditis) พบว่ามีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากกลุ่มที่รับวัคซีนทั้ง 3 ชนิด ทั้ง ไฟเซอร์ โมเดอร์นา และ แอสตราเซนเนกา

อย่างไรก็ดี อาการที่กล่าวถึงคืออาการไม่พึ่งประสงค์ซึ่งเป็นที่รับรู้มาหลายปีแล้ว และยืนยันว่ามีอัตราการพบผู้ป่วยที่น้อยมาก

การสำรวจยังพบอาการไม่พึงประสงค์เพิ่มอีก 2 ชนิด ได้แก่ อาการไขสันหลังอักเสบ (Transverse Myelitis : TM) และ โรคสมองอักเสบหลายตำแหน่งเฉียบพลัน (Acute Disseminated Encephalomyelitis : ADEM) โดยพบจากผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตราเซนเนกาและผู้รับวัคซีนโดสแรกของวัคซีนโมเดอร์นา โดยมีอัตราส่วนการพบผู้ป่วยที่ 1 รายจากการฉีดวัคซีนโมเดอร์นาจำนวน 1.75 ล้านโดส

โรคสมองอักเสบหลายตำแหน่งเฉียบพลันหรือ ADEM คือโรคที่ก่อให้เกิดการอักเสบที่สมองและเส้นประสาทไขสันหลัง มักพบในเด็กที่ป่วยจากโรคติดเชื้อ แม้จะมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 5% แต่ก็มีอัตราการหายป่วยโดยไม่มีอาการข้างเคียงที่ 50-75% และมีอัตราการรอดชีวิตที่ 70-90%

อย่างไรก็ดี งานวิจัยเพิ่มเติมที่เผยแพร่ทางวารสาร Vaccine เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2024 ซึ่งสำรวจอาการไขสันหลังอักเสบและโรคสมองอักเสบหลายตำแหน่งเฉียบพลันจากผู้รับวัคซีนโควิด-19 ในกลุ่มตัวอย่างของประเทศออสเตรเลียจำนวน 6.7 ล้านราย ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างอาการ ADEM และ TM กับผู้รับวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA แต่อย่างใด

แต่การสำรวจในออสเตรเลีย ยืนยันการพบความสัมพันธ์ของอาการไขสันหลังอักเสบและโรคสมองอักเสบหลายตำแหน่งเฉียบพลัน กับผู้รับวัคซีนแอสตราเซนเนกา

แม้จะพบความสัมพันธ์ระหว่างผู้รับวัคซีนโควิด-19 ชนิด Adenovirus Vector กับอาการอาการ ADEM และ TM แต่สัดส่วนการเกิดอาการดังกล่าวในผู้รับวัคซีนโควิด-19 ยังถือว่าน้อยมาก โดยสัดส่วนการพบผู้ป่วยอาการไขสันหลังอักเสบมีเพียง 1.82 ราย จากการรับวัคซีนจำนวน 1 ล้านโดส และพบผู้ป่วยโรคสมองอักเสบหลายตำแหน่งเฉียบพลันเพียง 0.78 ราย จากการรับวัคซีนจำนวน 1 ล้านโดส

แอนเดอร์ส เหวียด หัวหน้าศูนย์วิจัยด้านระบาดวิทยา สถาบัน Statens Serum Institut ประเทศเดนมาร์ก ซึ่งร่วมในการวิจัยครั้งนี้ ชี้แจงว่า ผลสำรวจยืนยันถึงความสำเร็จของวัคซีนโควิด-19 ด้านการป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ที่ร้ายแรงจากวัคซีนในสัดส่วนเพียงเล็กน้อย

เฮเลน เพตตูซิส แฮร์ริส รองศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยออกแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ และผู้อำนวยการร่วมของ GVDN กล่าวว่า ผลสำรวจช่วยยืนยันข้อมูลด้านอาการไม่พึงประสงค์เกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 และยังช่วยให้ค้นพบข้อมูลใหม่ ๆ ที่เกิดจากจำนวนกลุ่มตัวอย่างจำนวนมหาศาลและมีความหลากหลายในครั้งนี้

โดยย้ำว่าผลสำรวจไม่ได้เปิดเผยมุมที่น่ากลัวของวัคซีนโควิด-19 เพราะไม่พบข้อมูลที่เหนือกว่าสิ่งที่คาดการณ์ไว้ เพราะอาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีนโควิด-19 มีสัดส่วนที่น้อยมาก ๆ ซึ่งอาการเหล่านี้ก็พบในกลุ่มผู้ติดเชื้อโควิด-19 เช่นเดียวกัน แม้จะไม่มีวัคซีนใดมีความปลอดภัย 100% แต่สิ่งที่ยืนยันได้คืออาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีน มีโอกาสเกิดได้น้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ดังนั้นประโยชน์จากวัคซีนโควิด-19 ในการป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ก็ยังคงมีมากกว่าความเสี่ยงการเกิดอาการไม่พึงประสงค์เช่นเดิม

ส่วนสาเหตุสำคัญที่วัคซีนโควิด-19 ถูกพัฒนาในอัตราเร่งที่รวดเร็วอย่างไม่เคยมีมาก่อน ไม่ใช่เพราะวัคซีนได้รับการผ่อนผันด้านความปลอดภัยเหมือนวัคซีนอื่น ๆ แต่เป็นเพราะความจำเป็นของการผลิตวัคซีนโควิด-19 ส่งผลให้หน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งในแวดวงวิทยาศาสตร์และหน่วยงานภาครัฐ ร่วมมือกันพัฒนาให้วัคซีนโควิด-19 ถูกผลิตออกมาใช้งานได้ทันต่อสถานการณ์

ข้อมูลอ้างอิง :

https://healthfeedback.org/claimreview/global-covid-vaccine-safety-study-identified-already-known-risks-doesnt-show-risks-greater-than-benefits/
https://www.factcheck.org/2024/02/study-largely-confirms-known-rare-covid-19-vaccine-side-effects/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ศาลให้ประกัน “เจ๋ง ดอกจิก-ศรีสุวรรณ” เงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ

กรุงเทพฯ 17 ก.ย. – ศาลให้ประกันตัว “เจ๋ง ดอกจิก-ศรีสุวรรณ” หลักทรัพย์คนละ 6 แสนบาท เงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ขณะเจ้าตัวเตรียมยื่นอุทธรณ์สู้คดีต่อ เชื่อศาลจะให้ความยุติธรรม ด้านอธิบดีกรมการข้าว มองเป็นกรรมของแต่ละคน ไม่ได้รู้สึกอะไร ให้เป็นตามเวรกรรม นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก เปิดเผยภายหลังฟังคำตัดสินว่า ตนเองเคารพคำตัดสินของศาล ซึ่งประเด็นที่จะเป็นแนวทางการต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ คือประเด็นที่ศาลมองว่าตนเองเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้ถูกลงโทษจำคุก 6 ปี แต่ส่วนตัวมองว่าตนเองไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะการแต่งตั้งของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นการแต่งตั้งเฉพาะตัว ซึ่งศาลยังไม่ได้ดูในรายละเอียด เพราะการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น เงินเดือน ซึ่งที่ผ่านมาตนเองไม่ได้ใส่ใจเกี่ยวกับตำแหน่งดังกล่าว แต่ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกกังวลใจกับคำตัดสิน เพราะมองว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ขณะเดียวกันจะมีการต่อสู้ในประเด็นการเชื่อมโยงจำเลยทั้งหมดในชั้นอุทธรณ์ โดยจะชี้แจงว่าตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีความเชื่อมโยงกับจำเลยอีก 4 คน เนื่องจากไม่เคยได้รับผลประโยชน์อะไรจากจำเลยทั้งหมด และเชื่อว่าคำตัดสินในศาลชั้นสูงจะให้ความยุติธรรมกับตัวเอง คำพิพากษาในวันนี้ศาลได้นำโทษคดีคาร์ม็อบ 2 คดี ในพื้นที่เมืองพัทยา และกรุงเทพมหานครเมื่อปี พ.ศ. 2564 […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ผู้ว่าฯ สระแก้ว ข้ามไปหารือผู้ว่าฯ บันเตียเมียนเจย ชาวกัมพูชารุกล้ำอธิปไตย

สระแก้ว 17 ก.ย.-ผู้ว่าฯ สระแก้ว เดินทางข้ามไปหารือ ผู้ว่าฯ บันเตียเมียนเจย แก้ปัญหาชาวกัมพูชารุกล้ำอธิปไตยของไทย “บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว” บอกว่า ถ้าไม่มั่นใจ ก็ไม่ไป ก่อนเวลาประมาณ 10.00 น. นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พร้อมผู้เกี่ยวข้อง ได้เดินทางจากฝั่งคลองลึกอรัญประเทศของไทย ข้ามไปบริเวณปอยเปต ของกัมพูชา เพื่อหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย ที่ตรวจคนเข้าเมืองกัมพูชา ปอยเปต เพื่อแก้ปัญหาชาวกัมพูชารุกล้ำอธิปไตยของไทย ในจุดหลังเส้นสีแดงบริเวณบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งไม่ใช่พื้นที่ข้อพิพาท แต่เป็นอธิปไตยของไทย โดยมี อุม เรีย ไต ผู้ ว่าราชการจังหวัดมันเตรียมเวนเจ มารอต้อนรับที่กลางสะพานมีการทักทายกันอย่างเป็นกันเอง โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ยังได้ทักทายกับพลโทเป็กวันนา หัวหัวหน้าสำนักงานประสานงานชายแดนกัมพูชา- ไทย ความสัมพันธ์ที่ดีในช่วงที่ผ่านมาว่า พลโทเป๊กวันนา ก็เคยข้ามมารักษาพยาบาลที่ฝั่งไทย โดยก่อนเดินทางไปร่วมประชุม ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ให้สัมภาษณ์สั้นๆ ว่าถ้าไม่มั่นใจก็ไม่เดินทางไปเจรจาเพราะการหารือที่ขึ้นเป็นไปตามข้อตกลงของจากการประชุม คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชา หรือ GBC.-สำนักข่าวไทย

ไม่รอด! ศาลสั่งจำคุก “เจ๋ง ดอกจิก-ศรีสุวรรณ” กับพวก ร่วมกันรีดทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว

17 ก.ย. – ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางนัดฟังคำพิพากษา กรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา กับเจ๋ง ดอกจิก พร้อมพวกรวม 5 คน ร่วมกันเรียกรับทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว ด้าน “ศรีสุวรรณ” เผยมั่นใจและเชื่อมั่นในคำพิพากษาว่าศาลจะให้กลับไปทำหน้าที่เหมือนเดิม ล่าสุดศาลพิพากษาคุก “เจ๋ง ดอกจิก” 6 ปี ด้าน “ศรีสุวรรณ” พร้อมพวกโดนด้วยคนละ 4 ปี นายศรีสุวรรณ จรรยา นักร้องเรียน, นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมพวกรวม 5 คน เดินทางเข้ารับฟังคำพิพากษาในข้อหาเรียกรับทรัพย์สินจากอธิบดีกรมการข้าว ก่อนขึ้นฟังคำพิพากษานายศรีสุวรรณ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า คดีนี้เป็นคดีการเมืองที่ผู้มีอำนาจต้องการเตะตัดขา เพราะไม่ต้องการให้ทำหน้าที่ตรวจสอบนักการเมืองและข้าราชการระดับสูง เพราะสิ่งที่ทำมานับ 10 ปี เป็นที่หวาดผวาของนักการเมืองและข้าราชการจำนวนมาก เรื่องร้องเรียนนำไปสู่การยุบพรรคการเมืองหลายพรรค จบอนาคตการเมืองของนักการเมืองดังหลายคน จึงเป็นที่มาของการหาเหตุให้ต้องคดี โดยใช้เทคนิควิธีการ ซึ่งในภาษากฎหมายเรียกว่าล่อให้กระทำความผิด โดยการเอาถุงเงินไปแขวนหน้าบ้าน หากพฤติกรรมแบบนี้ถือเป็นความผิด อนาคตอาจนำไปใช้กันทั่วประเทศและก่อให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายต่อประชาชน นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า […]