ชัวร์ก่อนแชร์: ผลสำรวจวัคซีนโควิดจาก 99 ล้านคน พบผลข้างเคียงอันตรายหลายชนิด จริงหรือ?

30 มีนาคม 2566
แปลและเรียบเรียงบทความโดย : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

มีข้อมูลสร้างความเข้าใจผิดเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์และเว็บไซต์ในต่างประเทศ โดยอ้างว่าผลสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 99 ล้านราย พบอาการข้างเคียงจากผู้ฉีดวัคซีนโควิด-19 หลากหลายชนิด แสดงให้เป็นว่าวัคซีนโควิด-19 ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างเพียงพอก่อนได้รับการอนุมัติ


บทสรุป :

  1. อาการที่พบส่วนใหญ่เป็นอาการไม่พึงประสงค์ที่ได้รับการยืนยันมานานแล้ว
  2. พบโรคไขสันหลังอักเสบและโรคสมองอักเสบหลายตำแหน่งเฉียบพลันในผู้รับวัคซีนแอสตราเซนเนกามากกว่าคนทั่วไป แต่อยู่ในสัดส่วนที่น้อยมาก
  3. อาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีนโควิด-19 สามารถพบในผู้ป่วยโควิด-19 เช่นกัน และยังมีความเสี่ยงที่สูงกว่า

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

ข้อมูลที่กล่าวอ้าง นำมาจากรายงานของ Global Vaccine Data Network (GVDN) หน่วยงานตรวจสอบความปลอดภัยวัคซีน ที่เปิดเผยผลสำรวจอาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีนโควิด-19 จากกลุ่มตัวอย่างจำนวนกว่า 99 ล้านรายใน 8 ประเทศ โดยเผยแพร่เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2024


จุดประสงค์ของการสำรวจ คือการค้นหาอาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีนที่อาจไม่พบจากการสำรวจโดยประเทศใดประเทศหนึ่ง และช่วยให้การศึกษาความปลอดภัยของวัคซีนมีความชัดเจนยิ่งขึ้น

GVDN ได้สำรวจอาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีนโควิด-19 จำนวน 14 ชนิด อาทิ ไฟเซอร์, โมเดอร์นา, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน, แอสตราเซนเนกา, โนวาแวกซ์, ซิโนแวค และ สปุตนิก โดยติดตามอาการหลังจากฉีดวัคซีนไปแล้วเป็นเวลา 42 วัน

ผลสำรวจพบว่า การฉีดวัคซีนแอสตราเซนเนกาโดสแรก เพิ่มความเสี่ยงการเกิดอาการ Guillain-Barré syndrome หรือความผิดปกติของระบบประสาทส่วนปลายซึ่งส่งผลให้แขนขาอ่อนแรง และอาการลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำสมอง Cerebral Venous Sinus Thrombosis : CVST) ซึ่งพบมากกว่ากลุ่มตัวอย่างที่ไม่ฉีดวัคซีน

ส่วนอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและอาการเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ (Myocarditis และ Pericarditis) พบว่ามีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากกลุ่มที่รับวัคซีนทั้ง 3 ชนิด ทั้ง ไฟเซอร์ โมเดอร์นา และ แอสตราเซนเนกา

อย่างไรก็ดี อาการที่กล่าวถึงคืออาการไม่พึ่งประสงค์ซึ่งเป็นที่รับรู้มาหลายปีแล้ว และยืนยันว่ามีอัตราการพบผู้ป่วยที่น้อยมาก

การสำรวจยังพบอาการไม่พึงประสงค์เพิ่มอีก 2 ชนิด ได้แก่ อาการไขสันหลังอักเสบ (Transverse Myelitis : TM) และ โรคสมองอักเสบหลายตำแหน่งเฉียบพลัน (Acute Disseminated Encephalomyelitis : ADEM) โดยพบจากผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตราเซนเนกาและผู้รับวัคซีนโดสแรกของวัคซีนโมเดอร์นา โดยมีอัตราส่วนการพบผู้ป่วยที่ 1 รายจากการฉีดวัคซีนโมเดอร์นาจำนวน 1.75 ล้านโดส

โรคสมองอักเสบหลายตำแหน่งเฉียบพลันหรือ ADEM คือโรคที่ก่อให้เกิดการอักเสบที่สมองและเส้นประสาทไขสันหลัง มักพบในเด็กที่ป่วยจากโรคติดเชื้อ แม้จะมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 5% แต่ก็มีอัตราการหายป่วยโดยไม่มีอาการข้างเคียงที่ 50-75% และมีอัตราการรอดชีวิตที่ 70-90%

อย่างไรก็ดี งานวิจัยเพิ่มเติมที่เผยแพร่ทางวารสาร Vaccine เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2024 ซึ่งสำรวจอาการไขสันหลังอักเสบและโรคสมองอักเสบหลายตำแหน่งเฉียบพลันจากผู้รับวัคซีนโควิด-19 ในกลุ่มตัวอย่างของประเทศออสเตรเลียจำนวน 6.7 ล้านราย ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างอาการ ADEM และ TM กับผู้รับวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA แต่อย่างใด

แต่การสำรวจในออสเตรเลีย ยืนยันการพบความสัมพันธ์ของอาการไขสันหลังอักเสบและโรคสมองอักเสบหลายตำแหน่งเฉียบพลัน กับผู้รับวัคซีนแอสตราเซนเนกา

แม้จะพบความสัมพันธ์ระหว่างผู้รับวัคซีนโควิด-19 ชนิด Adenovirus Vector กับอาการอาการ ADEM และ TM แต่สัดส่วนการเกิดอาการดังกล่าวในผู้รับวัคซีนโควิด-19 ยังถือว่าน้อยมาก โดยสัดส่วนการพบผู้ป่วยอาการไขสันหลังอักเสบมีเพียง 1.82 ราย จากการรับวัคซีนจำนวน 1 ล้านโดส และพบผู้ป่วยโรคสมองอักเสบหลายตำแหน่งเฉียบพลันเพียง 0.78 ราย จากการรับวัคซีนจำนวน 1 ล้านโดส

แอนเดอร์ส เหวียด หัวหน้าศูนย์วิจัยด้านระบาดวิทยา สถาบัน Statens Serum Institut ประเทศเดนมาร์ก ซึ่งร่วมในการวิจัยครั้งนี้ ชี้แจงว่า ผลสำรวจยืนยันถึงความสำเร็จของวัคซีนโควิด-19 ด้านการป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ที่ร้ายแรงจากวัคซีนในสัดส่วนเพียงเล็กน้อย

เฮเลน เพตตูซิส แฮร์ริส รองศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยออกแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ และผู้อำนวยการร่วมของ GVDN กล่าวว่า ผลสำรวจช่วยยืนยันข้อมูลด้านอาการไม่พึงประสงค์เกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 และยังช่วยให้ค้นพบข้อมูลใหม่ ๆ ที่เกิดจากจำนวนกลุ่มตัวอย่างจำนวนมหาศาลและมีความหลากหลายในครั้งนี้

โดยย้ำว่าผลสำรวจไม่ได้เปิดเผยมุมที่น่ากลัวของวัคซีนโควิด-19 เพราะไม่พบข้อมูลที่เหนือกว่าสิ่งที่คาดการณ์ไว้ เพราะอาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีนโควิด-19 มีสัดส่วนที่น้อยมาก ๆ ซึ่งอาการเหล่านี้ก็พบในกลุ่มผู้ติดเชื้อโควิด-19 เช่นเดียวกัน แม้จะไม่มีวัคซีนใดมีความปลอดภัย 100% แต่สิ่งที่ยืนยันได้คืออาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีน มีโอกาสเกิดได้น้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ดังนั้นประโยชน์จากวัคซีนโควิด-19 ในการป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ก็ยังคงมีมากกว่าความเสี่ยงการเกิดอาการไม่พึงประสงค์เช่นเดิม

ส่วนสาเหตุสำคัญที่วัคซีนโควิด-19 ถูกพัฒนาในอัตราเร่งที่รวดเร็วอย่างไม่เคยมีมาก่อน ไม่ใช่เพราะวัคซีนได้รับการผ่อนผันด้านความปลอดภัยเหมือนวัคซีนอื่น ๆ แต่เป็นเพราะความจำเป็นของการผลิตวัคซีนโควิด-19 ส่งผลให้หน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งในแวดวงวิทยาศาสตร์และหน่วยงานภาครัฐ ร่วมมือกันพัฒนาให้วัคซีนโควิด-19 ถูกผลิตออกมาใช้งานได้ทันต่อสถานการณ์

ข้อมูลอ้างอิง :

https://healthfeedback.org/claimreview/global-covid-vaccine-safety-study-identified-already-known-risks-doesnt-show-risks-greater-than-benefits/
https://www.factcheck.org/2024/02/study-largely-confirms-known-rare-covid-19-vaccine-side-effects/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง-ตกหนักบางแห่ง

กทม. 3 มิ.ย.- กรมอุตุฯ เตือนมรสุมพัดปกคลุมประเทศไทย ส่งผลให้ยังมีฝนฟ้าคะนองและตกหนักบางแห่ง ทะเลอันดามันคลื่นสูง 2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” ปัดขัดแย้งกองทัพ ปมปิดด่าน

2 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ปัดขัดแย้งกองทัพ ปมปิดด่าน ลั่นมีเอกภาพ แจงรัฐบาลเชื่อมั่นท่าที 2 ประเทศลดความรุนแรงได้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม โพสต์ข้อความชี้แจงทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าเรียน สื่อมวลชน ทุกท่าน ตามที่มีข่าวกระจายกันในแวดวงสื่อสังคมออนไลน์ เรื่องความขัดแย้งระหว่างฝ่ายการเมืองกับฝ่ายทหาร ในการจัดการปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดต่อปัญหาการจัดการระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการปิดด่านชายแดน ผมขอยืนยันว่า ผมกับกองทัพได้หารือร่วมกันหลายครั้ง และเห็นตรงกันว่าสถานการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลทั้งสองประเทศต่างพยายามหาทางออกในการคลี่คลายวิกฤติ โดยยึดผลประโยชน์ประชาชนและอธิปไตยของชาติเป็นสำคัญ เราจึงกำหนดขอบเขตในการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และพยายามลดเงื่อนไขที่จะระงับยับยั้งมิให้เหตุการณ์ความขัดแย้งขยายตัวมากไปกว่านี้ สำหรับเรื่องการปิดชายแดนขณะนี้ รัฐบาลเห็นว่าท่าทีและการแสดงออกของทั้งสองประเทศ ยังเป็นการแสดงออกที่สามารถลดระดับความรุนแรงได้ เพราะการปิดด่านชายแดนแม้ไม่ใช่เรื่องการสู้รบทางตรง แต่กลับจะเกิดปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ที่จะกระทบกับวิถีชีวิตประชาชน ทำให้สถานการณ์ยากต่อการคลี่คลาย แต่ขณะเดียวกัน กองทัพก็ตั้งอยู่ในความระมัดระวังและไม่ได้ละเลยในการปกป้องตนเองและอธิปไตยเหนือดินแดน ขณะนี้รัฐบาล ร่วมกับกำลังเหล่าทัพและกระทรวงต่างประเทศ กำลังใช้กลไก JBC เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาตามขั้นตอนอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้เกิดเวทีถกเถียงตามข้อเท็จจริงตามกฎหมาย ผมจึงขอเรียนชี้แจงยืนยันว่า รัฐบาลและกองทัพมีความเป็นเอกภาพ และมีพันธะสัญญาที่มั่นคงในการรักษาความสงบสุขให้ประชาชนได้รับประโยชน์ และความปลอดภัยมากที่สุด ขอให้มั่นใจว่าเราจะหลีกเลี่ยงการยกระดับความขัดแย้งที่จะนำไปสู่ความสูญเสียทั้งสองฝ่ายในทุกด้าน ที่ผ่านมา เราร่วมกันใช้ความพยายามอย่างยิ่ง ทั้งการประชุม หารือ […]

แผ่นดินไหวเชียงใหม่ ขนาด 4.5 รอยเลื่อนแม่ทาขยับ

เชียงใหม่ 2 มิ.ย.- ระทึก! แผ่นดินไหว ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ขนาด 4.5 ลึก 1 กม. ประชาชนแจ้งรู้สึกสั่นไหว 4 จังหวัด สาเหตุเกิดจากกลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง แผ่นดินไหวที่ ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ฉบับที่ 1/2568 กอง​เฝ้า​ระวัง​แผ่นดินไหว​ กรม​อุตุนิยม​วิทยา​รายงาน​ว่า​ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2568 เวลา 14.07 น. เกิดแผ่นดินไหว จุดศูนย์กลางอยู่บริเวณ ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ขนาด 4.5 ความลึก 1 กิโลเมตร ได้รับแจ้งรู้สึกสั่นไหวบริเวณ จังหวัดเชียงใหม่ พะเยา ลำปาง และแม่ฮ่องสอน โดยสาเหตุเกิดจากกลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ สั่งการอำเภอพร้าว และอำเภอใกล้เคียง ลงพื้นที่ตรวจสอบผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือน เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตและความเสียหาย […]

ศาลออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหา ปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง

2 มิ.ย.- ศาลออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหา ปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง ย่านท่าเรือคลองเตย ส่วนคนขับรถชน รปภ. เสียชีวิต โดนฆ่าคนตาย เพิ่มอีก 1 ข้อหา 13.00 น. ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา การดำเนินคดี 6 ทรชนผู้ก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้าของกลางของกรมศุลกากรและก่อเหตุถอยรถตู้พุ่งชนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเสียชีวิต โดย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้ข้อมูลว่า ศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับทั้ง 6 คนถูกดำเนินคดีในข้อหา 4 ข้อหา ในแก่ ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือให้พ้นการจับกุม ร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน โดยใช้กำลังประทุษร้าย และกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และซ่องโจร ขณะที่นายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ ถูกดำเนินคดีเพิ่มอีกหนึ่งข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดของตนหรือหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนกระทำไว้ ทั้งนี้ หลังศาลอนุมัติออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว […]