ชัวร์ก่อนแชร์: ผลสำรวจวัคซีนโควิดจาก 99 ล้านคน พบผลข้างเคียงอันตรายหลายชนิด จริงหรือ?

30 มีนาคม 2566
แปลและเรียบเรียงบทความโดย : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

มีข้อมูลสร้างความเข้าใจผิดเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์และเว็บไซต์ในต่างประเทศ โดยอ้างว่าผลสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 99 ล้านราย พบอาการข้างเคียงจากผู้ฉีดวัคซีนโควิด-19 หลากหลายชนิด แสดงให้เป็นว่าวัคซีนโควิด-19 ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างเพียงพอก่อนได้รับการอนุมัติ


บทสรุป :

  1. อาการที่พบส่วนใหญ่เป็นอาการไม่พึงประสงค์ที่ได้รับการยืนยันมานานแล้ว
  2. พบโรคไขสันหลังอักเสบและโรคสมองอักเสบหลายตำแหน่งเฉียบพลันในผู้รับวัคซีนแอสตราเซนเนกามากกว่าคนทั่วไป แต่อยู่ในสัดส่วนที่น้อยมาก
  3. อาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีนโควิด-19 สามารถพบในผู้ป่วยโควิด-19 เช่นกัน และยังมีความเสี่ยงที่สูงกว่า

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

ข้อมูลที่กล่าวอ้าง นำมาจากรายงานของ Global Vaccine Data Network (GVDN) หน่วยงานตรวจสอบความปลอดภัยวัคซีน ที่เปิดเผยผลสำรวจอาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีนโควิด-19 จากกลุ่มตัวอย่างจำนวนกว่า 99 ล้านรายใน 8 ประเทศ โดยเผยแพร่เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2024


จุดประสงค์ของการสำรวจ คือการค้นหาอาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีนที่อาจไม่พบจากการสำรวจโดยประเทศใดประเทศหนึ่ง และช่วยให้การศึกษาความปลอดภัยของวัคซีนมีความชัดเจนยิ่งขึ้น

GVDN ได้สำรวจอาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีนโควิด-19 จำนวน 14 ชนิด อาทิ ไฟเซอร์, โมเดอร์นา, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน, แอสตราเซนเนกา, โนวาแวกซ์, ซิโนแวค และ สปุตนิก โดยติดตามอาการหลังจากฉีดวัคซีนไปแล้วเป็นเวลา 42 วัน

ผลสำรวจพบว่า การฉีดวัคซีนแอสตราเซนเนกาโดสแรก เพิ่มความเสี่ยงการเกิดอาการ Guillain-Barré syndrome หรือความผิดปกติของระบบประสาทส่วนปลายซึ่งส่งผลให้แขนขาอ่อนแรง และอาการลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำสมอง Cerebral Venous Sinus Thrombosis : CVST) ซึ่งพบมากกว่ากลุ่มตัวอย่างที่ไม่ฉีดวัคซีน

ส่วนอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและอาการเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ (Myocarditis และ Pericarditis) พบว่ามีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากกลุ่มที่รับวัคซีนทั้ง 3 ชนิด ทั้ง ไฟเซอร์ โมเดอร์นา และ แอสตราเซนเนกา

อย่างไรก็ดี อาการที่กล่าวถึงคืออาการไม่พึ่งประสงค์ซึ่งเป็นที่รับรู้มาหลายปีแล้ว และยืนยันว่ามีอัตราการพบผู้ป่วยที่น้อยมาก

การสำรวจยังพบอาการไม่พึงประสงค์เพิ่มอีก 2 ชนิด ได้แก่ อาการไขสันหลังอักเสบ (Transverse Myelitis : TM) และ โรคสมองอักเสบหลายตำแหน่งเฉียบพลัน (Acute Disseminated Encephalomyelitis : ADEM) โดยพบจากผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตราเซนเนกาและผู้รับวัคซีนโดสแรกของวัคซีนโมเดอร์นา โดยมีอัตราส่วนการพบผู้ป่วยที่ 1 รายจากการฉีดวัคซีนโมเดอร์นาจำนวน 1.75 ล้านโดส

โรคสมองอักเสบหลายตำแหน่งเฉียบพลันหรือ ADEM คือโรคที่ก่อให้เกิดการอักเสบที่สมองและเส้นประสาทไขสันหลัง มักพบในเด็กที่ป่วยจากโรคติดเชื้อ แม้จะมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 5% แต่ก็มีอัตราการหายป่วยโดยไม่มีอาการข้างเคียงที่ 50-75% และมีอัตราการรอดชีวิตที่ 70-90%

อย่างไรก็ดี งานวิจัยเพิ่มเติมที่เผยแพร่ทางวารสาร Vaccine เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2024 ซึ่งสำรวจอาการไขสันหลังอักเสบและโรคสมองอักเสบหลายตำแหน่งเฉียบพลันจากผู้รับวัคซีนโควิด-19 ในกลุ่มตัวอย่างของประเทศออสเตรเลียจำนวน 6.7 ล้านราย ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างอาการ ADEM และ TM กับผู้รับวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA แต่อย่างใด

แต่การสำรวจในออสเตรเลีย ยืนยันการพบความสัมพันธ์ของอาการไขสันหลังอักเสบและโรคสมองอักเสบหลายตำแหน่งเฉียบพลัน กับผู้รับวัคซีนแอสตราเซนเนกา

แม้จะพบความสัมพันธ์ระหว่างผู้รับวัคซีนโควิด-19 ชนิด Adenovirus Vector กับอาการอาการ ADEM และ TM แต่สัดส่วนการเกิดอาการดังกล่าวในผู้รับวัคซีนโควิด-19 ยังถือว่าน้อยมาก โดยสัดส่วนการพบผู้ป่วยอาการไขสันหลังอักเสบมีเพียง 1.82 ราย จากการรับวัคซีนจำนวน 1 ล้านโดส และพบผู้ป่วยโรคสมองอักเสบหลายตำแหน่งเฉียบพลันเพียง 0.78 ราย จากการรับวัคซีนจำนวน 1 ล้านโดส

แอนเดอร์ส เหวียด หัวหน้าศูนย์วิจัยด้านระบาดวิทยา สถาบัน Statens Serum Institut ประเทศเดนมาร์ก ซึ่งร่วมในการวิจัยครั้งนี้ ชี้แจงว่า ผลสำรวจยืนยันถึงความสำเร็จของวัคซีนโควิด-19 ด้านการป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ที่ร้ายแรงจากวัคซีนในสัดส่วนเพียงเล็กน้อย

เฮเลน เพตตูซิส แฮร์ริส รองศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยออกแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ และผู้อำนวยการร่วมของ GVDN กล่าวว่า ผลสำรวจช่วยยืนยันข้อมูลด้านอาการไม่พึงประสงค์เกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 และยังช่วยให้ค้นพบข้อมูลใหม่ ๆ ที่เกิดจากจำนวนกลุ่มตัวอย่างจำนวนมหาศาลและมีความหลากหลายในครั้งนี้

โดยย้ำว่าผลสำรวจไม่ได้เปิดเผยมุมที่น่ากลัวของวัคซีนโควิด-19 เพราะไม่พบข้อมูลที่เหนือกว่าสิ่งที่คาดการณ์ไว้ เพราะอาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีนโควิด-19 มีสัดส่วนที่น้อยมาก ๆ ซึ่งอาการเหล่านี้ก็พบในกลุ่มผู้ติดเชื้อโควิด-19 เช่นเดียวกัน แม้จะไม่มีวัคซีนใดมีความปลอดภัย 100% แต่สิ่งที่ยืนยันได้คืออาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีน มีโอกาสเกิดได้น้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ดังนั้นประโยชน์จากวัคซีนโควิด-19 ในการป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ก็ยังคงมีมากกว่าความเสี่ยงการเกิดอาการไม่พึงประสงค์เช่นเดิม

ส่วนสาเหตุสำคัญที่วัคซีนโควิด-19 ถูกพัฒนาในอัตราเร่งที่รวดเร็วอย่างไม่เคยมีมาก่อน ไม่ใช่เพราะวัคซีนได้รับการผ่อนผันด้านความปลอดภัยเหมือนวัคซีนอื่น ๆ แต่เป็นเพราะความจำเป็นของการผลิตวัคซีนโควิด-19 ส่งผลให้หน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งในแวดวงวิทยาศาสตร์และหน่วยงานภาครัฐ ร่วมมือกันพัฒนาให้วัคซีนโควิด-19 ถูกผลิตออกมาใช้งานได้ทันต่อสถานการณ์

ข้อมูลอ้างอิง :

https://healthfeedback.org/claimreview/global-covid-vaccine-safety-study-identified-already-known-risks-doesnt-show-risks-greater-than-benefits/
https://www.factcheck.org/2024/02/study-largely-confirms-known-rare-covid-19-vaccine-side-effects/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]