กรุงเทพฯ 1 เม.ย.65 “บิ๊กอ๊อด”พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมดิคอล แอนด์ ฟู๊ดแลบ จำกัด และ รองศาสตราจารย์ ดร.อนุวัฒน์ จางวนิชเลิศ รักษาการแทนอธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการด้านห้องปฏิบัติตรวจวิเคราะห์ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
“บิ๊กอ๊อด”กล่าวว่า “บริษัท เมดิคอล แอนด์ ฟู๊ด แลบฯ มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ในการประกอบกิจการห้องปฏิบัติการ ตรวจวิเคราะห์ความปลอดภัยผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร อุตสาหกรรมอาหาร ตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์ ตรวจวิเคราะห์คุณภาพสิ่งแวดล้อม และวัตถุอันตราย”
“ปัจจุบันประชากรโลกให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพร่างกาย คนส่วนใหญ่หันมาดูแลใส่ใจสุขภาพ เพราะฉะนั้นการมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เพื่อต่อสู้กับโรคภัยที่มีการวิวัฒนาการ ทำให้เราจึงคิดว่าจะทำอย่างไรให้เรามีอุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัยที่สามารถวัดค่าสารปนเปื้อนในอาหาร จึงได้ทำการก่อตั้งแลบนี้ขึ้นมา ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวเนื่องกันหมดไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย อาหารการกิน ความปลอดภัยจากอาหาร การพักผ่อน ทุกสิ่งทุกอย่างต้องดำเนินชีวิตในจุดที่เหมาะสมจึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด”
“การที่เราจะได้สารอาหารที่จะบริโภคเข้าไปนั้น เราต้องทราบว่าร่างกายของเรานั้นมีองค์ประกอบอะไร แล้วควรบริโภคอะไร ในจำนวนที่เพียงพอจึงจะทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์ เพราะฉะนั้นการบริโภคที่ถูกต้องนั้น ไม่ใช่การบริโภคจำนวน ปริมาณ หรือสารอาหารที่เราอยากจะบริโภค เราต้องบริโภคให้ถูกต้อง แลบ ของเรามีอุปกรณ์เครื่องมือที่ถือว่า เป็น High Technology จากประเทศที่ได้รับการพัฒนา สหรัฐอเมริกา เยอรมัน มีความแม่นยำ ที่สำคัญคือใช้เวลาในการทำงาน น้อยและสั้นที่สุด นำมาวิเคราะห์ หรือมาตรวจสอบ คุณภาพอาหาร เพื่อทำให้ผู้บริโภคอาหารได้รับสารอาหารที่มีคุณภาพสะอาด ปลอดภัย”
สำหรับการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการครั้งนี้ จะก่อให้เกิดการสนับสนุน ส่งเสริม การศึกษา การวิจัยการให้คำปรึกษา ตลอดจนการพัฒนาบุคลากรด้านวิชาการและเทคโนโลยี และการฝึกงานของนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ให้มีความรู้ ความเชียวชาญ ด้านห้องปฏิบัติตรวจวิเคราะห์ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ และตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการทุกกลุ่ม ทั้งหน่วยงานราชการรัฐวิสาหกิจ องค์กรมหาชน และเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้อย่างไร้ขีดจำกัด ในอนาคตต่อไป”-สำนักข่าวไทย