แนะหลังหยุดยาวสังเกตอาการ หากเสี่ยง ตรวจ ATK ทันที

กทม. 16 ก.ค.- กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะประชาชนที่เดินทางไกล ท่องเที่ยว หรือกลับภูมิลำเนา ช่วงวันหยุดยาว ต้องหมั่นสังเกตอาการตนเอง หากพบว่ามีความเสี่ยงให้ตรวจ ATK ทันที ก่อนเริ่มกลับเข้าทำงาน


นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า การเดินทางกลับหลังช่วงวันหยุดยาว ขอความร่วมมือประชาชนที่มีการท่องเที่ยว เดินทางไกลข้ามต่างจังหวัด หรือกลับภูมิลำเนา ให้หมั่นสังเกตอาการตนเอง หากมีอาการไอ เจ็บคอ ไข้ ปวดกล้ามเนื้อ มีน้ำมูก ปวดศีรษะ หายใจลำบาก หรือไปยังพื้นที่เสี่ยง โดยไม่ได้มีการป้องกันที่ดีพอ ให้ตรวจ ATK ก่อนเดินทางกลับเข้าทำงาน โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ นานเกิน 4 ชั่วโมง หรือไปในสถานที่ที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก หากมีอาการเข้าข่ายว่าจะติดโควิด-19 สามารถเข้าสู่กระบวนการของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดยขอรับชุดตรวจ ATK ที่ร้านขายยาใกล้บ้านที่เข้าร่วมโครงการผ่านแอปเป๋าตัง หรือใช้บัตรประชาชนไปรับ เพื่อตรวจยืนยันได้ทันที แต่หากตรวจ ATK แล้วขึ้น 2 ขีด คือ ผลเป็นบวกว่าติดเชื้อโควิด-19 กลุ่มที่มีอาการไม่มากหรือกลุ่มสีเขียว ให้เข้ารักษาที่แผนกผู้ป่วยนอกที่หน่วยบริการประจําตามสิทธิ หรือหน่วยบริการปฐมภูมิในพื้นที่ตามนโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่ ซึ่งจะได้รับการดูแลรักษาตามแนวทางเจอแจกจบของกระทรวงสาธารณสุข โดยให้กักตัว 5 วัน แบบ Home Isolation และอีก 5 วัน ให้สังเกตอาการ ซึ่งสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ต้องคงมาตรการ สวมหน้ากากอนามัยป้องกันเมื่อออกจากบ้าน

“ทั้งนี้ เมื่อกลับเข้าทำงาน กลุ่มวัยทำงานยังคงต้องปฏิบัติตนเพื่ออยู่ที่ทำงานอย่างปลอดภัยจากโควิด-19 โดยก่อนเข้าทำงานให้ประเมินตนเองผ่านระบบ “ไทยเซฟไทย” หรือแอปพลิเคชันอื่น ๆ หากพบว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง ให้แจ้งหัวหน้างาน และปฏิบัติตามมาตรการของหน่วยงานที่กำหนดไว้ พร้อมทั้งขอให้ปฏิบัติตามหลัก UP (Universal Prevention) อย่างเคร่งครัด ได้แก่ 1) สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่ร่วมกับบุคคลอื่นในสถานที่ทำงาน 2) ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ 3) หมั่นทำความสะอาดของใช้ส่วนตัว เช่น โทรศัพท์ โต๊ะทำงาน 4) ไม่ใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ จาน ชาม ช้อน ส้อม เป็นต้น และ 5) เว้นระยะห่างกับผู้ร่วมงานอย่างเหมาะสม ส่วนสถานที่ทำงานต้องปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข โดยจัดให้มีเจลแอลกอฮอล์ไว้บริการในบริเวณต่าง ๆ อย่างเพียงพอ เช่น ทางเข้า-ออก หน้าลิฟต์ ห้องอาหาร ห้องน้ำ มีการกำหนดและตรวจสอบการทำความสะอาดบริเวณพื้นที่ส่วนกลาง สำนักงาน อุปกรณ์ เครื่องใช้ ทุกรอบการปฏิบัติงาน มีภาชนะรองรับขยะประเภทต่าง ๆ อยู่ในสภาพดี และกำหนดจุดรวบรวม เพื่อรอการนำไปกำจัดอย่างถูกต้อง รวมทั้งทำความสะอาดระบบระบายอากาศอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขอนามัยที่ดี” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สุดยื้อ! ด.ช.5 ขวบ น้ำหนัก 50 กก. อาหารติดคอดับ

เจ้าหน้าที่กู้ภัยพยายามปั๊มหัวใจเด็กชายวัย 5 ขวบ น้ำหนัก 50 กิโลกรัม อาหารติดคอ แต่สุดยื้อ เสียชีวิต ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัว

เจอร่างใต้ตึกถล่ม

เจออีก 4 ร่างใต้ซากตึกถล่มโซน C จ่อนำเครนยักษ์เปิดพื้นที่

กู้ภัยเจอ 4 ร่างผู้สูญหายตึกถล่ม โซน C รอส่งนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ เตรียมนำเครนเข้ายกแผ่นปูนขนาดใหญ่ เปิดพื้นที่มากขึ้น

“ไฮโซกำมะลอ” กระโดดชั้น 3 สน.โคกคราม

“ไฮโซเก๊” โลก 2 ใบ เครียดปีนตึก หลังถูก “คะน้า” ดาราสาว ออกมาแฉกลางรายการดัง จนตำรวจต้องเข้าเกลี้ยกล่อมพาไปโรงพัก แต่ยังวิ่งหนีการควบคุม กระโดดลงมาจากชั้น 3 สน.โครกคราม บาดเจ็บ

ปิดฉาก “มอเตอร์โชว์” ครั้งที่ 46 ยอดจองพุ่ง 7.9 หมื่นคัน โต 44.8%

ยอดจองรถยนต์ในงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46” รวมทุกเซกเมนต์โตพุ่ง 44.8% หรือคิดเป็น 79,941 คัน โดยเป็น EV 65% ส่งผลให้ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยในปีนี้ยังคงอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ยอดผู้เข้าชมงานทั้งสิ้น 1.6 ล้านคน

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ควงหัวหน้าพรรคร่วม แถลงเลื่อน “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์”

นายกฯ ควงหัวหน้าพรรคร่วม แถลงเห็นตรงกันเลื่อนพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ออกไปก่อน หลังมีเรื่องด่วนกว่า ต้องจัดลำดับความสำคัญ แต่ไม่ถอนการพิจารณาในสภา บอกการเมืองบิดเป็นกาสิโน ลั่นผู้นำสไตล์ “แพทองธาร” พรรคร่วมต้องเห็นด้วยอย่างเต็มใจ

“คะน้า” แจ้งความเอาผิดไฮโซเก๊ หลอกจ่ายค่าแชมเปญ

“คะน้า” ดาราสาว แจ้งความตำรวจไซเบอร์ ดำเนินคดีกับอดีตแฟนหนุ่ม ข้อหาฉ้อโกง หลังหลอกให้จ่ายค่าแชมเปญ 98,000 บาท เพื่อเป็นของขวัญ

ตึกสตง.ถล่ม

เข้าสู่วันที่ 12 นำออกได้อีก 4 ร่าง ภารกิจค้นหาผู้สูญหายตึก สตง.ถล่ม

หลังดีเอสไอรับคดีตึก สตง.ถล่ม เป็นคดีพิเศษ วันนี้ (8 เม.ย.) กรรมการคดีพิเศษได้ลงพื้นที่สังเกตการณ์และหารือแรงงานที่เกี่ยวข้องกับพยานหลักฐาน เพื่อใช้ในคดีกับผู้ที่เข้าข่ายกระทำความผิด ขณะที่ กทม. ยืนยันใช้แผนเดิมในการรื้อถอนอาคาร โดยวันนี้จะพยายามตัดยอดส่วนบนให้ได้ 5 เมตร เพื่อหาร่างผู้ติดอยู่ในโซน B และ C