จุฬาฯ-กรมสุขภาพจิต พัฒนาแอปฯ คัดกรองผู้ป่วยซึมเศร้า

รพ.จุฬาฯ 20 มิ.ย.- จุฬาฯ ร่วมกับ กรมสุขภาพจิต พัฒนาแอปฯ คัดกรองซึมเศร้าจากมือถือผ่านโปรแกรมหมอพร้อม ทั้งตอบคำถาม ประเมินสีหน้า น้ำเสียง คัดกรองส่งต่อผู้ป่วยถึงมือกรมสุขภาพจิต กระจายดูแลทันทีทั้ง 13 เขตสุขภาพ โดยโปรแกรมมีความแม่นยำ 75%


รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมด้วย พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต, รศ.พญ.โสฬพันธ์ เหมรัญช์โรจน์ ผช.คณบดีด้านนวัตกรรมการศึกษาและสารสนเทศ คณะแพทยศาสตร์ และ รศ.ดร.พีรพล เวทีกูล อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดตัวนวัตกรรม DMIND Application สำหรับคัดกรองผู้ป่วยซึมเศร้า และส่งต่อข้อมูลให้กรมสุขภาพ เพื่อช่วยเหลือดูแลอย่างรวดเร็ว โดยโปรแกรมดังกล่าวเป็นการคัดกรองผ่านระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่เชื่อมต่อกับแอปฯ หมอพร้อม เพียงกดเลือกเมนูตรวจสุขภาพใจ จากนั้นระบบจะสอบถามคัดกรองเบื้องต้น และเข้าใจ การสอบถามผ่าน AI แบบโต้ตอบและรับฟัง ประเมินความเสี่ยงผ่าน การแสดงออกทางสีหน้า น้ำเสียง ซึ่งเป็นเสมือนการตอบคำถามกับนักจิตวิทยาแบบตัวต่อตัว โดยมีความแม่นยำอยู่ที่ 75% ทั้งนี้ ความแม่นยำยังขึ้นอยู่กับระบบสัญญาณโทรศัพท์และเสียงของผู้รับการประเมิน หากชัดเจนก็สามารถประเมินได้อย่างแม่นยำถูกต้อง

รศ.นพ.ฉันชาย กล่าวว่า สำหรับการประเมินผู้ป่วยจากระบบ DMIND นี้ จะแบ่งผู้ป่วยออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มปกติ เป็นระดับสีเขียว 2.กลุ่มปานกลาง เป็นระดับสีเหลือง และ 3.กลุ่มรุนแรง ระดับสีแดง สำหรับผู้ป่วยสีเขียว ไม่มีปัญหา แต่กลุ่มสีเหลืองก็จะมีการประสานศูนย์สุขภาพจิตทั้ง 13 เขตสุขภาพ ให้ดำเนินการติดตามเคสต่อ ส่วนกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงรุนแรงหรือสีแดง จะมีทีมงานสายด่วนสุขภาพจิต 1323 โทรศัพท์ไปพูดคุยทันที


รศ.พญ.โสฬพันธ์ กล่าวว่าระบบการประเมินซึมเศร้านี้ เป็นการพัฒนาระบบต่อเนื่องมาตลอด 3 ปี ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ตั้งแต่ ปี 2020 และสำเร็จในปี 2022 และได้มีการประเมินในผู้ป่วยบางส่วนแล้ว โดยมีผู้ป่วยสมัครใจเปิดหน้ารับการประเมิน 400 คน พบว่ามีผู้ที่เข้าข่ายผู้ป่วยระบบสีแดง 82 คน และระบบข้อมูลของผู้ป่วยจะถูกขึ้นในคลาวด์ และส่งต่อให้กรมสุขภาพจิตรับช่วงต่อ หากมีอาการรุนแรงในเกณฑ์สีแดงก็มีสายด่วนของกรมสุขภาพจิตรับไปดูแลทันที โดยมีผู้ป่วยบางคนใช้เวลาผู้คุยกับ AI นานถึง 5-7 นาที ซึ่งจุดหมายสำคัญของการรักษาซึมเศร้า คือการรับฟังผู้ป่วยให้มากที่สุด

พญ.อัมพร กล่าวว่าสถานการณ์ภาวะซึมเศร้าที่พบในไทย ขณะนี้ส่อแววเพิ่มอัตราการสูงขึ้นถึง 8 ต่อแสนประชากร ทั้งนี้มาจากโควิดที่ส่งต่อตั้งแต่เศรษฐกิจและรายได้ แม้ตอนนี้จะผ่านพ้นแต่ยังคงต้องเฝ้าระวังต่อเนื่องไปอีก 1 ปี พร้อมยอมรับที่ผ่านมาสายด่วน 1323 มีปัญหาเรื่องความหนาแน่ในการให้บริการ แม้เพิ่มคู่สายก็ยังไม่เพียงพอ หนำซ้ำยังโดนพวกป่วนแกล้งโทรมา ทำให้ผู้เข้ารับบริการจริงเกิดอุปสรรค.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย