บางกะปิ 25 พ.ค.- “ชัชชาติ” ลงพื้นที่แยกลำสาลี-บางกะปิ จุดวิกฤติรถติดเหตุมีงานก่อสร้างรถไฟฟ้า ย้ำจะต้องเร่งรัดการก่อสร้างบนถนนไม่ให้ล่าช้า พร้อมเดินหน้าประสานทุกหน่วยหากบางงานเกินอำนาจผู้ว่า เน้นประโยชน์คนกทม.เป็นที่ตั้ง
ที่แยกลำสาลี เขตบางกะปิ-นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ โดยมีตัวแทนส.ก.ในพื้นที่ เขตบางกะปิ เขตคันนายาว และเขตสะพานสูง ซึ่งทั้ง3 เขตนี้ เป็นส.ก.ที่มาจากพรรคเพื่อไทย บริเวณแยกลำสาลี เป็นถนนสี่แยกจุดตัดถนนศรีนครินทร์ กับถนนรามคำแหง ในพื้นที่เขตบางกะปิ โดยแยกลำสาลีเป็นทางแยกถือว่าที่มีการจราจรติดขัดและคับคั่งที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
นายชัชชาติ ระบุว่า วันนี้ลงพื้นที่ดูหน้างานจริง จุดนี้ มีการก่อสร้างสำคัญ3 จุด คือรถไฟฟ้าสายสีส้ม สายสีเหลือง และสร้างสะพานข้ามแยกจากลาดพร้าวไปสุขาภิบาล1 ที่ผ่านมาพบว่า มีปัญหา เรื่องการคืนพื้นผิว ทำให้จราจรติดขัด ส่วนที่กทม.ดูแลคือสะพานข้ามแยก ที่มีสองสัญญา คือสัญญาส่วนต้นลาดพร้าวถึงกึ่งกลางสะพานทำโดยรฟม. จากกึ่งกลางสะพานไปทางนิด้า ถ. สุขาภิบาล1 ทำโดยกทม.โดยสัญญาส่วนนี้ทำไปแล้วประมาณ 65% ซึ่งตามสัญญาควรจะเปิดใช้งานได้ มกราคม ปี66 แต่จนถึงวันนี้ยังดำเนินการเป็นไปได้ช้า
ส่วนอีกหลายปัญหา ที่อยู่นอกเหนืออำนาจผู้ว่าฯ ที่มีร้องเรียนมาในจุดนี้ เช่น สายสื่อสารระโยงระยาง ตนรับจะไปพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยว ข้อง เช่นการไฟฟ้าฯ กสทช. และอื่นๆเพื่อให้ช่วยแก้ไข ย้ำว่ากทม.จะดีขึ้นได้ ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ตนไม่สามารถทำงานได้เพียงคนเดียว แต่เชื่อมั่นว่า ทุกคนอยากจะเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น
ส่วนประเด็นที่มีคนออกมาวิพากษ์วิจารย์ว่า 200 นโยบาย ทำได้จริงหรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า น้อมรับทุกคำวิจารณ์ หากติเตียนในสิ่งที่สร้างสรรค์ และยินดีที่จะให้ตรวจสอบ เชื่อเสมอว่าที่ตนและทีมทำนโยบายออกมาและสื่อสาร ไปอย่างละเอียด เป็นข้อดีกว่า และที่ประชาชนเสนอแนะเข้าในเว็บไซต์ของตน ซึ่งหากข้อไหนที่ทีมงานร่วมวิเคราะห์และมองว่าจะแก้ไขได้แบบเป็นรูปธรรม ก็เพิ่มเข้าไป ทำให้จนถึงปัจจุบัน มีถึง214 นโยบายแล้ว ที่ดูเยอะเพราะบางเรื่องไม่ใช่เรื่องใหญ่ บางนโยบายแก้ไขเพียงเล็กน้อยแต่สร้างความสุขใหญ่ให้คนกรุงได้ก็มี
โดยการลงพื้นที่วันนี้ มีประชาชนมาดักรอขอถ่ายรูปและให้กำลังใจ และมีช่วงหนึ่ง ที่มีพนักงานรักษาความสะอาดของกทม.ได้เดินเข้ามาพูดคุย และขอให้ผู้ว่าฯคนใหม่ ช่วยดูเรื่องของสวัสดิการโดยเฉพาะในส่วนของลูกจ้างทำความสะอาดของกทม.ที่ไม่ได้รับการบรรจุ แม้จะทำงานมานานหลายปี และค่าตอบแทนที่ไม่ได้รับการปรับขึ้นมานานจนไม่พอกับค่าครองชีพในปัจจุบัน โดยว่าที่ผู้ว่าฯ รับไปช่วยดูแล
ส่วนเรื่องการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว นายชัชชาติ กล่าวว่า เนื่องจากตอนนี้ ยังไม่เห็นข้อมูลเอกสารทั้งหมด แต่พูดโดยต้องยึดหลักการ เรื่องแรก การโอนหนี้นั้น ต้องดูว่ากระบวนการครบถ้วนหรือยัง คิดว่าสภากทม.ต้องรับรู้ เพราะเป็นหนี้ก้อนใหญ่ เรายังไม่รู้ว่าใครถูกใครผิด สองคือ สัญญาจ้างเดินรถ ที่จ้างระยะยาวที่ไม่ได้ผ่านพ.ร.บ.ร่วมทุน โดยเรื่องการต่อสัญญาสัมปทานไป โดยที่ไม่ได้ใช้พรบ.ร่วมทุน จะมีการพิจารณาที่ถี่ถ้วน ชัดเจน ต้องทำให้ถูกต้อง
ส่วนเรื่องการลดราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวลงมาได้จริงหรือไม่นั้น นายชัชชาติกล่าวว่า ยกตัวอย่างปัจจุบัน 59 บาท มี44 บาทส่วนไข่แดง กับอีก15 บาทที่เป็นส่วนต่อขยาย ซึ่งตรงนี้กทม.รับผิดชอบ ต้องดูว่า15 บาทนี้จะปรับลงได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนสัญญาที่จะต่อ ช่วงถึงปี 2572 นั้น ต้องดูรายละเอียดว่า ต้นทุน กำไร ขาดทุน หากมีกำไรอยู่ก็อาจจะคืนให้ได้ในส่วนที่ต่อขยายไปก็อาจเก็บลดราคาลงได้ แต่ถ้าขาดทุนก็ต้องไปดูอีกที โดยหลักการคือ ต้องไปดูตัวเลขที่แท้จริงก่อน แต่ควรจะต้องลดราคาค่าโดยสารลงมาให้ได้มากที่สุดเพื่อประโยชน์ประชาชน-สำนักข่าวไทย