สปสช.เตรียมออกเกณฑ์ให้ท้องถิ่นยึดเป็นหลักจัดซื้อผ้าอ้อมแจกผู้ป่วย

สปสช. 24 พ.ค.- สปสช.จับมือกรมอนามัย เตรียมออกหลักเกณฑ์กำหนดคุณภาพและมาตรฐานราคาผ้าอ้อมและแผ่นรองซับ เพื่อให้ท้องถิ่นใช้เป็นหลักยึดในการจัดซื้อแจกผู้ป่วยติดเตียง-ผู้มีปัญหาการขับถ่าย ย้ำผู้ที่ขอจัดสรรงบประมาณจากกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่นได้ต้องเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยจัดบริการ แนะประชาชนหากรายชื่อตกหล่นให้แจ้งข้อมูลที่หน่วยบริการหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่นั้นๆ


นพ.อภิชาติ รอดสม รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงการเพิ่มสิทธิประโยชน์ผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับ ซึ่งคณะกรรมการ สปสช.เพิ่งอนุมัติไปเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2565 ว่าสิทธิประโยชน์นี้เป็นเรื่องของการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ดังนั้น คนไทยทุกสิทธิทุกเพศทุกวัยจะได้รับสิทธิประโยชน์นี้ โดยไม่จำกัดว่าต้องเป็นผู้ใช้สิทธิบัตรทองเท่านั้น โดยคุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับคือ 1.บุคคลที่มีภาวะติดบ้าน ติดเตียง และมีค่าคะแนนระดับความสามารถในการดำเนินกิจวัตรประจำวันตามดัชนีบาร์เธลเอดีแอล (Barthel ADL index) เท่ากับหรือน้อยกว่า 6 คะแนน ตามแผนการดูแลรายบุคคลระยะยาวด้านสาธารณสุข (Care Plan) ของหน่วยจัดบริการ 2.บุคคลที่มีภาวะปัญหาการกลั้นปัสสาวะอุจจาระไม่ได้ ตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์และผลประเมินของหน่วยจัดบริการ ซึ่งหลังจากที่ สปสช.ประกาศสิทธิประโยชน์นี้ก็ได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก มีการสอบถามวิธีว่าจะการขอรับสิทธิได้อย่างไร

นพ.อภิชาติ กล่าวอีกว่า แหล่งงบประมาณที่ใช้จัดซื้อผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับจะใช้เงินจากกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับพื้นที่ (กปท.) ซึ่งเป็นกองทุนที่ สปสช.สมทบเงินร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ต่างๆ เช่น อบต. อบจ. เทศบาล จัดตั้งกองทุนนี้ในพื้นที่ขึ้นมา ขณะนี้ครอบคลุมกว่า 99% ของประเทศแล้ว แต่ละปี กปท.ได้รับงบประมาณกว่า 4,000 ล้านบาท และมีงบที่เหลือจากการดำเนินงานตามปกติ ซึ่งยังไม่มีแผนงาน/โครงการ/กิจกรรม รองรับ ดังนั้นจึงสามารถนำงบประมาณคงเหลือมาใช้จัดซื้อผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับได้โดยไม่ต้องของบประมาณเพิ่มจากรัฐบาล


“เคยมีการศึกษาว่าถ้ารัฐช่วยอุดหนุนผ้าอ้อมและแผ่นรองซับจะช่วยประหยัดรายจ่ายครัวเรือนไปได้ประมาณ 20,000 บาท ยิ่งยุคนี้น้ำมันแพง ข้าวของแพง ก็ช่วยลดภาระประชาชนได้พอสมควร ปีนี้เนื่องจากผ่านไปครึ่งปีงบประมาณแล้ว ก็น่าจะใช้เงินจัดซื้อผ้าอ้อมและแผ่นรองซับประมาณ 200 ล้านบาท และปีต่อๆ ไป เต็มปีงบประมาณก็น่าจะใช้ประมาณ 400-500 ล้านบาท คิดเป็นเพียง 10% ของงบ กปท.ทั้งหมดเท่านั้น” นพ.อภิชาติ กล่าว

อย่างไรก็ดี ในส่วนของวิธีการขอรับผ้าอ้อมและแผ่นรองซับนั้น ผู้ป่วยติดเตียงหรือผู้มีปัญหาการขับถ่ายไม่สามารถขอรับด้วยตัวเองได้ ผู้ที่จะขอจัดสรรงบจาก กปท.ได้ต้องเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยจัดบริการ (หน่วยบริการ สถานบริการ ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ) จึงจะสามารถเขียนโครงการของบประมาณได้ แต่โดยปกติเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะมีการสำรวจจำนวนผู้ป่วยติดเตียง ผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง มีการจัดบริการดูแลแบบ Long term care (การดูแลสุขภาพระยะยาว) ผู้ป่วยแต่ละรายมี care plan (แผนการดูแลสุขภาพรายบุคคล) อยู่แล้ว ดังนั้น ผู้ที่อยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่อยู่แล้วจึงแทบไม่ต้องทำอะไร บุคลากรที่ดูแลเรื่อง Long term care ในแต่ละพื้นที่จะดำเนินการของบประมาณและจัดซื้อให้แก่ผู้ป่วยเอง

“ในพื้นที่ต่างจังหวัดไม่ค่อยมีปัญหา ส่วนมากก็จะรู้กันว่าบ้านไหนที่มีผู้ป่วยติดเตียง มีภาวะพึ่งพิง แต่ในพื้นที่ กทม.เนื่องจากมีประชากรจำนวนมาก มีการโยกย้ายถิ่น มีความซับซ้อนทางสังคมสูง ข้อมูลต่างๆ อาจจะตกหล่นบ้าง ดังนั้น แนะนำให้ผู้ป่วยหรือญาติไปแจ้งข้อมูลผู้ป่วยแก่ศูนย์บริการสาธารณสุขในแต่ละพื้นที่ก่อน” นพ.อภิชาติ กล่าว


อย่างไรก็ตาม อาจมีผู้ป่วยบางส่วนที่ไม่ได้อยู่ในการสำรวจของทีมสาธารณสุข เช่น ผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อหูรูดไม่สามารถกลั้นปัสสาวะ-อุจจาระได้ หรือผู้ป่วยติดเตียงที่ตกสำรวจ ก็สามารถเข้าไปแจ้งหน่วยบริการในพื้นที่ เช่น รพ.สต. โรงพยาบาล ศูนย์บริการสาธารณสุข ให้เพิ่มรายชื่อเข้าไปในฐานข้อมูลและขอรับการจัดบริการได้

นพ.อภิชาติ กล่าวต่อไปว่า สิทธิประโยชน์นี้จะเป็นการจัดการพื้นที่ใครพื้นที่มัน ไม่สามารถขอรับสิทธิข้ามพื้นที่ได้ เช่น ตำบล A ไม่ได้ทำโครงการขอจัดสรรงบประมาณเพื่อจัดซื้อผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับ ประชาชนในพื้นที่เลยไปขอใช้สิทธิจากตำบล B แบบนี้ไม่ได้ ซึ่งในกรณีที่ กปท.ในพื้นที่ตำบลนั้นๆ ไม่ได้ทำโครงการสนับสนุนผ้าอ้อมแก่ผู้ป่วย ข้อแนะนำคือให้ผู้ป่วยรวมกลุ่มกันและเข้าไปพูดคุยกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นๆ เพื่อชักจูงให้เขียนโครงการของบประมาณ หรือแจ้งข้อมูลมาที่ สปสช.เขตพื้นที่หรือ สปสช.ส่วนกลาง เพื่อที่ สปสช.จะได้ประสานงานโน้มน้าวให้พื้นที่นั้นๆ นำงบประมาณของ กปท. มาใช้ ทั้งนี้ ส่วนตัวคิดว่าสิทธิประโยชน์นี้เป็นประโยชน์กับสังคม ดังนั้น ไม่น่าจะมีท้องถิ่นไหนที่ไม่ทำโครงการ เว้นแต่จะมีปัญหาเช่นเป็นตำบลขนาดเล็กไม่มีงบประมาณ เป็นต้น

“ตอนนี้ สปสช. กำลังอยู่ระหว่างหารือกับกรมอนามัยเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการ มาตรฐานคุณภาพและราคาที่เหมาะสมของผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับ รวมทั้งเจรจาต่อรองราคากับผู้ผลิตในภาพใหญ่ของทั้งประเทศ เพื่อให้ได้ราคาต้นทุนที่ต่ำลงมาอีก หลังจากนี้อีกไม่นาน เราจะทำหนังสือแจ้งไปยังท้องถิ่นต่างๆ เพื่อให้ทางท้องถิ่นยึดหลักเกณฑ์นี้เป็นหลักในการจัดสรรงบประมาณและการจัดซื้อ นอกจากนี้ เรายังเปิดช่องให้สามารถใช้ผ้าอ้อมทางเลือก เช่น เป็นผ้าอ้อมที่วิสาหกิจชุมชนผลิตขึ้นมาก็ได้ แต่ต้องมีมาตรฐานคุณภาพตามที่กรมอนามัยกำหนด และที่สำคัญคือการแจกผ้าอ้อมและแผ่นรองซับเป็นเพียงการสนับสนุนส่วนหนึ่ง หัวใจสำคัญคือเราต้องการให้มีการจัดบริการดูแลแบบองค์รวมแก่ผู้ป่วยติดเตียง ผู้มีภาวะพึ่งพิงในพื้นที่ โดยที่ผ้าอ้อมและแผ่นรองซับเป็นเพียงส่วนเสริมให้ดูแลได้มีคุณภาพมากขึ้น” นพ.อภิชาติ กล่าว

ทั้งนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน สปสช. 1330 หรือช่องทางระบบออนไลน์ทั้งไลน์ สปสช. ไลน์ไอดี @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6 และ Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ https://www.facebook.com/NHSO.Thailand.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]

ข่าวแนะนำ

วิเคราะห์แนวทางดำเนินคดีกัมพูชา

10 ส.ค. – ฟังการวิเคราะห์ปมดำเนินคดีกัมพูชา กับ รศ.ดร. ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์ประจำสาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากหลักฐานที่มีชัดเจน กระสุนกัมพูชายิงตกฝั่งไทย เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินพลเรือน และมีกระสุนที่ต้องเก็บกู้มากกว่า 800 นัด ขณะที่หลังการเจรจา GBC ผ่านไป พบกัมพูชายังเสริมกำลังทหารต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย

ชาวบ้านศรีสะเกษสุดช้ำ บ้านเรือนถูกกัมพูชายิงถล่มเหลือแต่ซาก

ศรีสะเกษ 10 ส.ค. – ชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กลับจากศูนย์อพยพเจอสภาพบ้านเหลือแต่ซาก หลังถูกลูกปืนใหญ่กัมพูชายิงถล่ม ขณะที่พบหัวจรวด BM-21 กลางทุ่งนา อีก 2 จุด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายเรียบร้อย ปลัดอำเภอน้ำยืน เน้นย้ำหากชาวบ้านพบหลุมลึก-ปากหลุมแคบ ให้รีบแจ้งทันที ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นนาทีกระสุนโจมตีของกัมพูชายิงตกใส่บ้านเรือนประชาชนอย่างรุนแรงจนฝุ่นฟุ้งกระจาย จากภาพจะเห็นว่ามีรถอีแต๋นคันหนึ่งวิ่งผ่านจุดที่กระสุนพุ่งตกลงมาเพียงเสี้ยววินาที เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ วันนี้ นายกุลนที อายุ 45 ปี เดินทางกลับมาบ้าน หลังอพยพออกจากพื้นที่ไปกว่า 2 สัปดาห์ ในช่วงเหตุปะทะแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทันทีที่เห็นบ้าน นายกุลนทีถึงกับน้ำตาคลอ เพราะบ้านเสียหายอย่างหนัก ทั้งโครงสร้างไม้และปูนได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ประตู หน้าต่าง กระจก และหลังคาถูกกระสุนถล่มจนแทบไม่เหลือสภาพเดิม […]

มทภ.2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด

10 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ จากการตรวจสอบพบเป็นทุ่นใหม่ ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยภายหลังการรับมอบสิ่งของช่วยเหลือทหารและเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดน จากภาครัฐและเอกชน ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเจ้าหน้าที่ทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ เมื่อวานว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นทุ่นใหม่ที่ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานเพื่อป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ก่อนที่จะถอนกำลังออกไป ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง จึงสั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความระมัดระวัง พร้อมใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักร เช่น รถไถ รถตักในการเคลียร์เส้นทางและค้นหาทุ่นระเบิดบุคคล เพื่อป้องกันไม่ให้กำลังพลได้รับอันตรายซ้ำ สำหรับพื้นที่แนวปะทะที่มีการวางกำลังของทหารกัมพูชายังถือว่าไม่ปลอดภัยสำหรับทหาร เนื่องจากมีการวางระเบิดไว้มาก ส่วนพื้นที่ชาวบ้านซึ่งอยู่นอกแนวชายแดนลึกเข้ามา ไม่น่าเป็นห่วงจากทุ่นระเบิดบุคคล แต่ยังมีความเสี่ยงจากจรวดที่ยิงเข้ามาแล้วไม่ระเบิด หากประชาชนพบเห็นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ห้ามเข้าไปจับ ดึง หรือเก็บเอง อย่างไรก็ตาม พื้นที่ส่วนใหญ่ เช่น ภูมะเขือ อานม้า ซำแปร และตาเมือนธม ไทยสามารถครอบครองได้ […]

นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องชาติมากถึง 75%

กทม. 10 ส.ค.-นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องผลประโยชน์ชาติ จากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา มากถึง 75% แนะเปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายจริงจัง รวมทั้งเห็นว่าไม่ควรรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาทุกคน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เกี่ยวกับความไว้วางใจและความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า -กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 75.73 ระบุว่า ไว้วางใจมาก รองลงมา ร้อยละ 19.31 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 3.66 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 1.07 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย และร้อยละ 0.23 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ -กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.76 […]