สธ. 17 พ.ค. – กรมอนามัย ย้ำเปิดเทอมเพื่อพัฒนาการด้านปฏิสัมพันธ์ในเด็กสูงขึ้น หลังจากโควิดทำพัฒนาการถอย ชี้ติดเชื้อคลี่คลาย ย้ำต่อไปรับวัคซีนครบ ป่วยไม่มีอาการ ไม่จำเป็นต้องหยุดเรียน ห่วงเด็กเล็ก 5-11 ปี แนะรับวัคซีน และคนรอบข้างควรรับวัคซีนให้ครบ เพื่อป้องกันเด็ก
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า วันนี้เป็นวันเปิดภาคเรียนวันแรก ทำให้เด็ก ๆ และผู้ปกครองต่างตื่นตัว วัตถุประสงค์ของการเปิดเรียน เพื่อให้เด็กเกิดพัฒนาการทุกด้าน ทั้งด้านปฏิสัมพันธ์ การทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม ขณะเดียวกัน สถานการณ์ติดเชื้อโควิดเริ่มคลี่คลาย มีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคครอบคลุมมากขึ้น เหลือเพียงกลุ่มเด็กเล็ก อายุ 5-11 ปี ที่เป็นกลุ่มหลังที่เพิ่งได้รับวัคซีนไม่นาน ยังไม่ครอบคลุม ดังนั้น กลุ่มคนอื่นต้องช่วยกันป้องกันเด็กกลุ่มนี้ โดยมี 4 ตัวแปรสำคัญที่จะช่วยให้เด็กปลอดภัย 1. สถานที่สิ่งแวดล้อมต้องปลอดภัย ทั้งในโรงเรียนและระหว่างการเดินทางมาโรงเรียน 2. เด็กอายุ 5-11 ปี ต้องได้รับวัคซีน หากผู้ปกครองกังวลในเด็กที่มีโรคประจำตัวก็สามารถขอคำปรึกษาจากแพทย์ 3. คนรอบข้างที่ต้องได้รับวัคซีนครบ และ 4. โรงเรียนทุกแห่งต้องมีแผนเผชิญเหตุ เพื่อไม่ให้มีการปิดโรงเรียนอีกต่อไป เนื่องจากการปิดโรงเรียนที่ผ่านมาส่งผลต่อพัฒนาการของเด็ก ดังนั้น โรงเรียนต้องเอื้อประโยชน์ให้กับเด็กมากที่สุด หากติดเชื้อไม่มีอาการ หรือเป็นแค่กลุ่มเสี่ยง ได้รับวัคซีนครบ ให้สถานศึกษาจัดพื้นที่ให้กับเด็กได้เรียนได้ และไม่จำเป็นต้องมีการปิดโรงเรียน หรือปิดชั้นเรียนอีกต่อไป
นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า การเรียนการสอนที่จัดอาจเป็นในรูปแบบ School Isolation ในโรงเรียนประจำ หรือในโรงเรียนไป-กลับ จัดพื้นที่แยกเด็กต่างหาก หรืออาจเรียนแบบออนไลน์ แต่ขึ้นอยู่กับพื้นที่โรงเรียนและทางจังหวัดว่าจะสามารถจัดหาพื้นที่ที่มีความปลอดภัยได้หรือไม่ พร้อมย้ำว่าขณะนี้ไม่มีความจำเป็นต้องกักตัวเด็กที่เสี่ยงสูง หรือก่อนเข้าเรียนต้องมีการตรวจ ATK อีกต่อไป เพราะอาจสร้างบาดแผลทางใจให้กับเด็ก การใช้ ATK ตรวจต่อเมื่อมีอาการเท่านั้น ขณะเดียวกัน ในรถโรงเรียนที่ทางโรงเรียน ชุมชน และผู้ปกครอง ก็ต้องช่วยกันตรวจสอบให้มีการปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัย ส่วนการเรียนการสอนของเด็กเล็กอายุน้อย 5-11 ปี ยังไม่ได้รับวัคซีน เพื่อป้องกันการหย่อนมาตรการ ขอแนะนำให้ทางโรงเรียนเน้นการแบ่งกลุ่มเด็กในการดูแล เพื่อง่ายแก่การจัดการ เพราะหากมีการติดเชื้อเกิดขึ้นจะได้จัดการทีละกลุ่ม
นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ขณะนี้จากการประเมินโรงเรียนร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ พบว่ามีโรงเรียนผ่านเกณฑ์มาตรฐาน Thai Stop Covid 2 plus แล้ว 30,000 แห่ง จากโรงเรียนทั้งหมด 38,000 แห่ง ทั้งของรัฐ เอกชน และสังกัดอื่น ๆ ซึ่งคาดภายในเดือนพฤษภาคมจะประเมินครบทุกโรงเรียน.-สำนักข่าวไทย