ชลบุรี 11 ก.พ.- ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 6 แจงกรณีญาติร้องเรียนบัตร ATM ของผู้ป่วยที่เสียชีวิตในโรงพยาบาลบางละมุงหาย และมีการถอนเงินสดออกไป 4,500 บาท ได้สั่งการให้ตรวจสอบเร่งด่วน พบเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยเหลือคนไข้ลักลอบนำบัตร ATM ไปกดเงินจริง ขณะนี้ดำเนินการทางวินัยแล้ว ส่วนทางคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (11 กุมภาพันธ์ 2565) นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 6 เปิดเผยความคืบหน้า กรณีญาติผู้ป่วยที่รักษาตัวในโรงพยาบาลบางละมุง จ.ชลบุรี ตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ป่วยหลังเสียชีวิตพบบัตร ATM หายไปและมีการนำไปถอนเงินออกไป 4,500 บาท ว่า ผู้ป่วยรายดังกล่าวเป็นชายไทยอายุ 62 ปี ป่วยโรคไตเรื้อรัง เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลบางละมุง เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 ช่วงแรกรู้สึกตัวดี มีอาการเหนื่อยเล็กน้อย ต่อมาวันที่ 28 มกราคม 2565 มีอาการเหนื่อยมากขึ้น จึงย้ายมาที่หอแยกโรค (Isolated ward) ได้รับการฟอกไต 4 ครั้ง แต่อาการทรุดลงและเสียชีวิตในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 11.50 น. โรงพยาบาลได้แจ้งให้ญาติมารับศพและทรัพย์สินที่ติดตัวระหว่างป่วยคืน ซึ่งในเวลาต่อมา บุตรสาวของผู้เสียชีวิตได้โทรศัพท์มาแจ้งว่า บัตร ATM และเงินสดในกระเป๋าหายไป โดยมี SMS ของธนาคารแจ้งมาที่โทรศัพท์ผู้เสียชีวิตว่ามีการกดเงินสดโดยใช้บัตร ATM เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นเงิน 4,500 บาท ทั้งนี้ โรงพยาบาลได้รับเรื่องและจะสอบสวนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่อไป ส่วนญาติได้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจเพื่อเดินเรื่องตรวจสอบกล้องวงจรปิดของทางธนาคาร
นพ.ณรงค์ กล่าวต่อว่า หลังทราบเรื่องได้กำชับให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง จากบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล ล่าสุดได้รับรายงานว่า พบผู้กระทำความผิดแล้ว เป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุข (พกส.) ของโรงพยาบาล ตำแหน่งผู้ช่วยเหลือคนไข้ ได้รับสารภาพว่า เป็นคนนำบัตร ATM ของผู้ป่วยซึ่งขณะนั้นไม่รู้สึกตัวไปกดเงินสดเป็นจำนวน 4,500 บาทจริง โรงพยาบาลบางละมุงจึงดำเนินการทางวินัยอย่างเด็ดขาด ส่วนในทางคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป พร้อมกันนี้ ได้นำกรณีที่เกิดขึ้นมาเป็นบทเรียน ชี้แจงและกำชับบุคลากรทุกหน่วย ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต รักษาภาพลักษณ์ที่ดีของวิชาชีพและขององค์กร และปรับปรุงระบบดูแลความปลอดภัยในทรัพย์สินของผู้ป่วย
และญาติให้รัดกุมมากขึ้น .-สำนักข่าวไทย