“สาธิต”ห่วงฝุ่นจิ๋วพุ่งสูงช่วงปลายปี

สธ.15 ธ.ค.-รมช.สาธารณสุข ห่วงสถานการณ์ฝุ่นPM 2.5 มีแนวโน้มสูงขึ้นช่วงปลายปี คาดอาจรุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา ออก 9 ข้อสั่งการรองรับเฝ้าระวังแจ้งเตือนสถานการณ์ เฝ้าระวังผลกระทบสุขภาพ 4 กลุ่มโรค เปิดคลินิกมลพิษ และห้องปลอดฝุ่นรองรับ รวมถึงเปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินเมื่อเข้าสู่ระยะวิกฤต


เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2564 นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน การประชุมการเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก ร่วมกับ นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย และ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค โดยมีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดและผู้อำนวยการโรงพยาบาลทั่วประเทศเข้าร่วมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์

นายสาธิต กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหาฝุ่น PM 2.5 จากการติดตามสถานการณ์พบว่า แนวโน้มค่าฝุ่น PM 2.5 เริ่มสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ขณะนี้ค่าฝุ่นเข้าใกล้ค่ามาตรฐาน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ที่จะเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพแล้ว แต่บางช่วงเวลาบางพื้นที่เริ่มสูงเกินค่ามาตรฐาน ขณะนี้พบ 10 จังหวัด ได้แก่ กทม. สมุทรสาคร สมุทรปราการ นครปฐม สมุทรสงคราม สระบุรี สุพรรณบุรี พิษณุโลก พิจิตร และนครพนม สูงสุดอยู่ที่ ต.ลาดใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2564 คือ 69 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร


ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าช่วงปลายปี 2564 ถึงต้นปี 2565 สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 อาจจะมีความรุนแรงมากกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากความกดอากาศสูง ทำให้สภาพอากาศนิ่งจนเกิดการสะสมของฝุ่นได้ง่าย ร่วมกับกิจกรรมต่างๆ ที่ก่อให้เกิดฝุ่น ทั้งการเดินทางและขนส่ง โรงงานอุตสาหกรรม การจัดการทางการเกษตร รวมถึงไฟป่า สำหรับพื้นที่ กทม.คาดว่าค่าฝุ่น PM 2.5 จะเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม เป็นต้นไป โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพกลาง กรุงเทพตะวันออก และกรุงธนเหนือ ซึ่งมีการจราจรหนาแน่น
นายสาธิตกล่าวต่อว่า ตนมีข้อสั่งการถึงผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด ขอให้เตรียมการเฝ้าระวังดูแลและป้องกันผลกระทบสุขภาพประชาชนจากฝุ่น PM2.5 ดังนี้

1.เฝ้าระวังและแจ้งเตือนสถานการณ์ สื่อสารข้อมูลผลกระทบ การปฏิบัติตน การดูแลสุขภาพในรูปแบบต่าง ๆ ตามความเหมาะสมกับบริบทพื้นที่ เพื่อยกระดับความรอบรู้สุขภาพ

2.เตรียมความพร้อมในการดูแลและป้องกันความเสี่ยงต่อสุขภาพ โดยสำรวจและจัดทำทะเบียนกลุ่มเสี่ยงจาก PM 2.5 ในพื้นที่ตนเอง ให้ทีม 3 หมอติดตามดูแลกลุ่มเสี่ยงเป็นพิเศษ คือ ผู้ป่วยโรคหอบหืด ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และเด็กเล็ก เตรียมพร้อมจัดบริการสาธารณสุข โดยให้โรงพยาบาลเปิดคลินิกมลพิษ ให้คำปรึกษาและการรักษา พร้อมสนับสนุนอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลซึ่งขณะนี้มีการเปิดคลินิกมลพิษออนไลน์แล้ว 49 แห่งทั่วประเทศ และจัดเตรียมห้องปลอดฝุ่นในสถานบริการสาธารณสุข สถานที่มีกลุ่มเสี่ยง คือ ศูนย์เด็กเล็ก สถานที่ดูแลผู้สุงอายุ หรือบ้านเรือนประชาชน


3.เตรียมความพร้อมเปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขทุกระดับ โดยเปิดระดับจังหวัดเมื่อค่าฝุ่นสูงเกิน 75 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ต่อเนื่อง 3 วัน เปิดระดับเขตสุขภาพ เมื่อเปิดศูนย์ระดับจังหวัดมากกว่า 2 จังหวัด เปิดระดับกรมเมื่อเปิดระดับเขตสุขภาพมากกว่า 2 เขตสุขภาพ และเปิดระดับกระทรวงเมื่อเปิดมากกว่า 3 เขตสุขภาพ โดยให้มีการรายงานสถานการณ์ทุกวัน

4.เฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะ 4 กลุ่มโรค ได้แก่ โรคระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบผิวหนัง และระบบตา และรายงานผู้ป่วยที่มารับการรักษาในสถานพยาบาลอย่างต่อเนื่อง เมื่อมีเหตุการณ์ผู้ป่วยโรคหัวใจและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังเข้ารับการรักษาในห้องฉุกเฉินมากกว่าปกติให้รายงานทันที รวมถึงเฝ้าระวังอาการและพฤติกรรมในการป้องกันตนเองจากการสัมผัสฝุ่นผ่าน Line Official Account “ONE4U” หรือเว็บแอปพลิเคชัน 4health เนื่องจากมีบางส่วนที่ได้รับผลกระทบทางสุขภาพ แต่ไม่ได้ไปโรงพยาบาล ช่วยให้จังหวัดมีข้อมูลในการวางแผนแก้ไขปัญหาในพื้นที่

5.รายงานสถานการณ์ทุกสัปดาห์ ตลอดช่วงเวลาการเฝ้าระวัง ในกรณีสถานการณ์วิกฤต (สีแดง) ให้รายงานไปยังเขตสุขภาพและกองสาธารณสุขฉุกเฉิน

6.จัดทำหน่วยงานสาธารณสุขให้เป็นต้นแบบองค์กรลดฝุ่น โดยจัดกิจกรรมองค์กรปลอดฝุ่นในสำนักงานและสถานบริการสาธารณสุขในจังหวัด

7.สร้างความรู้ ความเข้าใจแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการใช้ พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 เป็นเครื่องมือสนับสนุนการลดฝุ่นจากแหล่งกำเนิดในพื้นที่ และจัดการเหตุรำคาญจากฝุ่นละออง

8.ให้บูรณาการการดำเนินงานกับหน่วยงานในพื้นที่อย่างเข้มข้น เพื่อดูแสุขภาพประชาชน อย่างมีประสิทธิภาพ และเร่งสื่อสารความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน ทั้งการป้องกันสุขภาพ และการมีส่วนร่วมในการลดฝุ่นละอองต่อไป

และ 9.ให้สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัดสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียเรื่องการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ฝุ่นที่คาดว่าจะรุนแรงมากขึ้นโดยขอให้ทุกจังหวัดดำเนินการทันที.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ พล.ท.บุญสิน เป็นทหารราชองครักษ์พิเศษ

กทม. 27 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายทหาร-นายตำรวจ เป็นราชองครักษ์พิเศษ 38 นาย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 อยู่ในลำดับที่ 20 เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ จำนวน 38 นาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2560 มาตรา 6 มาตรา 7 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติราชองครักษ์ พุทธศักราช 2480 มาตรา 4 มาตรา 5 และมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัตินายตำรวจราชสำนัก พ.ศ. 2495 และข้อ 6 ของระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการแต่งตั้งราชองครักษ์ พ.ศ.2559 .-313.-สำนักข่าวไทย

ไฟไหม้ จยย. ลามวอดทั้งลานจอด

กทม. 27 ก.ย.-วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟไหม้รถจักรยานยนต์ที่ลานจอด ก่อนลุกลามระเบิดวอดรถจักรยานยนต์ 29 คัน รถยนต์ 3 คัน และจักรยาน 3 คัน วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟเริ่มลุกไหม้รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ด้านในสุด ก่อนจะลุกลามมาคันข้างๆ และระเบิด จนควันปกคลุมไปทั่ว แล้วไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ทำให้รถจักรยายนต์ที่จอดอยู่เสียหายถึง 29 คัน รถยนต์ 2 คัน รถกระบะ 1 คัน และจักรยานอีก 3 คัน เหตุการณ์เกิดขึ้นเวลาประมาณ 01.40 น. เช้าวันนี้ (27 กย.68) ที่ลานจอดรถ ของพี.อาร์.เค แมนชั่น ใกล้ปากซอยสุขสวัสดิ์ 17 เเขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งเข้าช่วยเหลือฉีดน้ำสกัดท่ามกลางเปวดพลิงที่และกำลังลุกลามต่อเนื่องไปยังลานจอดรถยนต์ด้านในอาคาร โดยใช้เวลานานกว่า 20 นาที จึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ซึ่งรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่เสียหายทั้งหมด เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุ ต้องรอให้เจ้าหน้าส่วนเกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาเปิดฉากยิงป่วน 2 พื้นที่ ปราสาทตาควาย-ช่องบก

26 ก.ย. – กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยแล้ว 2 จุด บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ และเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี เวลาประมาณ 16.40 น. รับแจ้งจากหน่วยทหารในพื้นที่ ระบุว่า บริเวณเนิน 350 พื้นที่ประสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ได้ยินเสียงระเบิด 1 ครั้ง และพื้นที่ “จุ๊บอั่งกุย” ได้ยินเสียงปืนเล็ก 5-6 นัด คาดว่าเป็นการก่อเหตุยั่วยุจากทางฝั่งกัมพูชา ล่าสุดเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมจากหน่วยทหารในพื้นที่ ขณะที่บริเวณเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่า ไทยถูกกัมพูชายิงระเบิดใส่จริง ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบ เก็บหลักฐานไปประท้วง พร้อมขอให้ประชาชนช่วยรักษาความลับราชการ ไม่เผยแพร่ภาพพิกัดยุทโธปกรณ์ของทหาร.-สำนักข่าวไทย

กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกช่วยงานประธานรัฐสภา

กทม 26 ก.ย.- กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกไปช่วยงานประธานรัฐสภา ชี้นโยบายชัด ปลัดอำเภอใหม่ต้องปฏิบัติงานในพื้นที่จริง เพื่อสั่งสมประสบการณ์ นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมการปกครอง ทำหนังที่ มท 302.13481 ถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เรื่องขอยืมตัวข้าราชการช่วยราชการ โดย อ้างถึง หนังสือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ด่วนที่สุด ที่ สผ001.02/479 ลงวันที่ 25 กันยายน 2568 โดยมีรายละเอียดว่า ตามหนังสือที่อ้างถึง สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งว่า มีความประสงค์ขอยืมตัวข้าราชการสังกัดกรมการปกครองราย ร้อยตำรวจเอกหญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก ตำแหน่ง นักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการ ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมการปกครอง มาช่วยราชการที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในส่วนงานของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย อีกหน้าที่หนึ่ง โดยไม่ขาดจากตำแหน่งหน้าที่เดิม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่1ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป นั้น กรมการปกครอง ขอเรียนว่า […]

ข่าวแนะนำ

น้ำปิงล้นตลิ่ง

ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เรียกประชุมด่วนทุกหน่วยงาน เตรียมรับมือน้ำ หลังน้ำปิงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

เชียงใหม่ 27 ก.ย. – ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เรียกประชุมทุกหน่วยงาน ติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมรับมืออุทกภัย หลังระดับน้ำปิงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดสูงถึง 4.15 เมตร ในคืนนี้ ประเมินเบื้องต้นยังสามารถบริหารจัดการได้ และสั่งทุกหน่วยเตรียมพร้อมเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง ค่ำวันนี้ (27 ก.ย. 68) ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ สำนักงานชลประทานที่ 1 (SWOC1) อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายศิวะ ธมิกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เรียกประชุมด่วนทุกหน่วยงาน ติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมรับมือระดับน้ำในแม่น้ำปิงหลังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ตอนบนของจังหวัด ส่งผลให้ให้มวลน้ำจำนวนมากจะไหลลงมาผ่านตัวเมืองที่เป็นย่านเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงเวลา 22.00-24.00 น. คืนนี้ ชลประทานเชียงใหม่คาดการณ์ว่าระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม 3.9 เมตร เป็น 4.0-4.15 เมตร และจะส่งผลให้น้ำปริ่มและเอ่อล้นตลิ่งเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการสถานการณ์ได้ เนื่องจากมีการเสริมคันกันน้ำทั้งสองฝั่งแม่น้ำปิง ซึ่งสามารถรองรับน้ำได้สูงถึง 4.2 เมตร สำหรับสถานการณ์ฝนในพื้นที่อำเภอต่างๆ โดยเฉพาะที่อำเภอแม่แตง ทางอำเภอได้รายงานว่าตลอดทั้งวันยังมีฝนตกในพื้นที่ […]

การรถไฟฯ แจ้งน้ำท่วมทำ “ทางรถไฟขาด” สั่งปรับแผนเดินรถ

27 ก.ย. – การรถไฟแห่งประเทศไทย ประกาศแจ้งเหตุน้ำท่วมหนัก “ทางรถไฟขาด” ที่บ้านเหลื่อม จ.นครราชสีมา สั่งปรับแผนเดินรถ ขณะนี้ได้สั่งการและดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ พร้อมปรับแผนการเดินรถเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ดังนี้ 1.ขบวนรถด่วนที่ 75/76 กรุงเทพอภิวัฒน์ – หนองคาย – กรุงเทพอภิวัฒน์2.ขบวนรถสินค้าที่ 553 มาบตาพุด – บัวใหญ่3.ขบวนรถสินค้าที่ 532 สำราญ – บางละมุงให้เปลี่ยนการเดินขบวนรถในเส้นทางชุมทางแก่งคอย – นครราชสีมา – ชุมทางบัวใหญ่ – หนองคาย 4.ขบวนรถท้องถิ่นที่ 439 ชุมทางแก่งคอย – ชุมทางบัวใหญ่ เดินถึงสถานีบ้านเหลื่อม5.ขบวนรถท้องถิ่นที่ 434 ชุมทางบัวใหญ่ – ชุมทางแก่งคอยรอสถานการณ์น้ำที่สถานีชุมทางบัวใหญ่ จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่สามารถประมาณการเวลาในการเปิดทางได้ เนื่องจากระดับน้ำยังคงท่วมสูงและยังไม่มีแนวโน้มลดลง ทั้งนี้ การรถไฟฯ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมให้ทราบ เมื่อมีความคืบหน้าในการเปิดเส้นทางเดินรถ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้.-513-สำนักข่าวไทย

กองทัพภาคที่ 2 ซัดเขมรใช้แผนยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่า

อุบลราชธานี 27 ก.ย.-กองทัพภาคที่2 ซัดเขมรใช้แผนยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่า ย้ำรู้ทันแผนโฆษณาชวนเชื่อต่อนานาชาติ เมื่อเวลา 14.40 น. วันที่ 27 ก.ย. 68 ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 27 ก.ย. ณ เวลา 14.00 น. ว่าสถานการณ์โดยรวมเมื่อเวลา 12.02 น. ฝ่ายกัมพูชาได้พยายามสร้างสถานการณ์ความตึงเครียด ขึ้นอีกครั้งบริเวณพื้นที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี โดยใช้อาวุธสงครามยิงเข้ามายังพื้นที่ ของฝ่ายไทยจากบริเวณเนิน 677 มายังเนิน 600 และ เนิน 527 พร้อมทั้งใช้อาวุธปืนเล็กยิงปะทะเป็นระยะ ก่อนที่สถานการณ์จะยุติลง ทั้งนี้ การปะทะจำกัดวงอยู่เฉพาะบริเวณดังกล่าว แต่ทั้งสองฝ่ายยังคงตรึงกำลังควบคุมพื้นที่อย่างใกล้ชิด ต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ฝ่ายไทยได้รับแจ้งจากกัมพูชา ว่า คณะสังเกตการณ์ระหว่างประเทศ (IOT) ของกัมพูชา จะเดินทางเข้าพื้นที่ช่องอานม้า กองทัพภาคที่ 2 ประเมินว่าเป็นความพยายามของกัมพูชา ในการสร้างเงื่อนไขและยั่วยุให้เกิดสถานการณ์ เพื่อให้สอดคล้องกับช่วงเวลาที่คณะ IOT […]

นายกฯ ลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมอยุธยาฯ

พระนครศรีอยุธยา 27 ก.ย.-นายกฯ ลงพื้นที่พระนครศรีอยุธยา ตรวจน้ำท่วม เร่งเยียวยาแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน เดินหน้าบูรณาการหน่วยงานใช้งบแสนล้านบาท พัฒนาระบบชลประทานและการจัดการน้ำ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ สส.ของพรรค ให้การต้อนรับ และในโอกาสนี้ นายทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ สส.พรรคประชาชน เขต1 ที่มาร่วมงานด้วย ทันทีที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางมาถึงบริเวณวัดโคกหิรัญ มีประชาชนมารอให้การต้อนรับ มอบดอกกุหลาบให้กำลังใจ พร้อมร้องเพลง มาร์ช อสม.ต้อนรับนายกรัฐมนตรี พร้อมกับถ่ายรูปเซลฟี่ อย่างเป็นกันเอง ก่อนที่จะรับฟังการรายงานสถานการณ์น้ำในพื้นที่จากผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยผู้ว่าราชการจังหวัดยืนยันว่า พื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ไม่ใช่พื้นที่ทุ่งรับน้ำ พื้นที่มีโฉนดที่ดินทั้งหมด ไม่ใช่ที่สาธารณะ หรือแก้มลิง พร้อมขอให้มีการพิจารณาจ่ายเงินเยียวยาเพื่อบรรเทาปัญหาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เนื่องจากไม่ได้รับความสะดวกในการประกอบอาชีพ นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณที่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น มาในสถานะนายกรัฐมนตรี ถือว่าสามารถที่จะมาตอบสนองความต้องการของประชาชนในทุกๆ มิติ รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่ทำงานร่วมกันเป็นทีมเดียวกัน กับพรรคร่วมรัฐบาล เป้าหมายคือประโยชน์สูงสุดของประชาชน นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ทราบดีอยู่แล้วว่าจังหวัดพระนครศรีอยุธยาแห่งนี้ มีน้ำท่วมทุกปี น้ำท่วมซ้ำซาก […]