อุตรดิตถ์ 30 พ.ย. -นายกฯ เผยเตรียมลงพื้นที่ดูปัญหาฝุ่น PM 2.5 อีกครั้ง ช่วงวิกฤติปลาย ม.ค.-ต้น ก.พ. ย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญ ต้องลดปัญหาให้ครึ่งหนึ่ง ดึงกอ.รมน.ร่วมแก้ ชี้อากาศสะอาดเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานปชช.
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการลงพื้นที่ต่างจังหวัดติดต่อเป็นจำนวนหลายวันได้ทราบถึงปัญหาต่าง ๆ อย่างไรบ้าง ว่า อยากจะมารับฟังปัญหาเพื่อหาทางแก้ไข เมื่อวาน(29 พ.ย.) ได้ฟังปัญหาเรื่องฝุ่นละออง PM 2.5 ซึ่งมาจากการเผาป่า ปัญหาใหญ่ทุกปัญหาเกิดมาจากการที่เศรษฐกิจไม่ดี ทำให้เกษตรกรที่มีตอข้าวและซังข้าวโพดต้องเผาเพราะเห็นว่าเป็นวิธีกำจัดได้เร็วที่สุด ทำให้ปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นปีที่เลวร้ายที่สุดเรื่อง PM 2.5 แต่ปีนี้รัฐบาลจะมีผลักดันพระราชบัญญัติอากาศสะอาดเข้าสู่สภา
“เมื่อวานนี้ต้องขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ท่านรองนายก และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มาพบปะพูดคุยกับภาคเอกชน และทุกภาคส่วน แสดงถึงความพร้อมที่จะทำให้ปัญหา PM 2.5 ลดลงอย่างมีนัย เมื่อเช้าได้เจอกับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ คุยกันว่าเราจะต้องทำอะไรกันบ้างเมื่อกลับไป โดยเฉพาะฝ่ายทหารน่าจะช่วยได้มาก คาดว่าปลายเดือนมกราคมเข้าสู่ต้นเดือนกุมภาพันธ์จะเข้าช่วงวิกฤติจริง ๆ ผมจะมาลงพื้นที่อีกครั้ง เมื่อวานนี้คุยกันเรื่องทฤษฎี ปัญหานี้ต้องหมดไปเพราะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ของประชาชนคืออากาศสะอาด ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดเรื่องหนึ่งที่ต้องทำ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อถามถึงแนวทางที่จะรับซื้อตอข้าวโพด จะเป็น การแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหา เพราะต้องไปคุยกับหน่วยงานที่ต้องมารับซื้อ ยืนยันพยายามอย่างเต็มที่ที่จะลดให้ได้ครึ่งหนึ่งก่อน ส่วนต้นตอที่สำคัญอย่างหนึ่งคือต้นอ้อย ที่พูดกันมานานแล้วเรื่องการเผา ซึ่งโรงงานมักจะอ้างว่าไม่ได้เผา ปัญหานี้เกิดขึ้นจริง ต้องให้หน่วยงานลงพื้นที่มากยิ่งขึ้น โดยต้องพึ่งหน่วยงานความมั่นคงจากกอ.รมน. จะกลับไปพูดคุยกัน ต้องพยายามอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันต้องพูดคุยกับทางโรงงานน้ำตาลด้วย.- 313.-สำนักข่าวไทย