กรุงเทพฯ 7 ก.ย. – เร่งผันน้ำเขื่อนเจ้าพระยา หลังรับน้ำจากภาคเหนือและภาคกลางตอนบน แจ้ง 7 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ใกล้ชิด
ช่วงนี้มีฝนตกชุกหนาแน่นทางตอนบนของประเทศ ทำให้มีน้ำไหลหลากลงสู่แม่น้ำสายหลัก ทั้งปิง วัง ยม น่าน ก่อนลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาที่ จ.นครสวรรค์ โดยกรมชลประทานคาดการณ์ว่าจะมีปริมาณน้ำไหลผ่านสูงสุดในวันที่ 9 กันยายนนี้ อยู่ที่ประมาณ 1,046 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ก่อนจะไหลลงสู่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท
ล่าสุดวันนี้ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านสถานี C2 จ.นครสวรรค์ มีจำนวน 983 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 47 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาที่ อ.เมืองชัยนาท มีระดับสูงขึ้นอยู่ที่ระดับ 16.50 เมตร (ระดับน้ำทะเลปานกลาง) กรมชลประทานได้บริหารจัดการน้ำด้วยการผันน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเข้าคลองชลประทานฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก รวมกัน 468 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จำนวน 700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 67 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนที่ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท สูงขึ้นจากเมื่อวาน 32 เซนติเมตร อยู่ที่ระดับ 9.37 เมตร (ระดับน้ำทะเลปานกลาง) ซึ่งถือว่าเป็นสถานการณ์น้ำที่ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ
แต่เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ สำนักงานชลประทานที่ 12 จ.ชัยนาท ได้มีหนังสือแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด 7 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา ประกอบด้วย อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา และลพบุรี ให้เฝ้าระวัง สถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำ รวมทั้งให้ชลประทานในพื้นที่บริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ข้อมูลเปรียบเทียบการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ในช่วงเดือนเดียวกันของปี 2554 ซึ่งเป็นปีที่เกิดน้ำท่วมหนัก โดยวันนี้ (7 ก.ย.) มีการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา อยู่ที่ 700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2554 มีการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาสูงถึง 3,721 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที.-สำนักข่าวไทย