สธ. เผยแนวโน้มโควิดไทยลดลง การจัดซื้อวัคซีนทุกตัวโปร่งใส ไม่มีเงินทอน

กรุงเทพฯ 4 ก.ย.-ก.สาธารณสุข เผยแนวโน้มสถานการณ์โควิด-19 ไทยลดลง โดยเฉพาะภาคเหนือและอีสาน แต่ยังต้องเฝ้าระวัง ใช้มาตรการป้องกันสูงสุดตลอดเวลาและเร่งฉีดวัคซีน พบเมื่อวานฉีดได้สูงสุด 9.2 แสนโดส


วันนี้ (4 กันยายน 2564) ที่ กรมควบคุมโรค จ.นนทบุรี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และ นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด 19 และประสิทธิผลวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย โดยนายแพทย์โอภาสกล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยติดเชื้อเพิ่มขึ้น 15,942 ราย เสียชีวิต 257 ราย แนวโน้มอยู่ในช่วงลดลง โดยเฉพาะภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ยังต้องจัดระบบเฝ้าระวัง สอบสวนโรค ค้นหาผู้ป่วย ติดตามคนจากพื้นที่เสี่ยง ประชาชนเข้มมาตรการป้องกันส่วนบุคคลสูงสุดทุกที่ทุกเวลา แม้จะมีการผ่อนคลายเปิดกิจการกิจกรรมเพื่อขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจ และขอให้ไปรับวัคซีนตามที่กำหนดจะช่วยควบคุมสถานการณ์ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งวันที่ 3 กันยายน ฉีดวัคซีนได้ 925,627 โดส ถือว่าสูงที่สุด สะสม 35.2 ล้านโดส เป็นเข็มแรก 24.9 ล้านคน คิดเป็น 34% ของประชากร โดยกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ฉีดแล้ว 47.5% หลายจังหวัดเกือบถึงเป้าหมาย 70%

“กระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่า การจัดซื้อจัดหาวัคซีนทุกชนิดมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล มีความโปร่งใสและไม่มีเรื่องเงินทอน เนื่องจากการส่งวัคซีนของจีนทุกครั้งต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลกลางจีน ซึ่งให้ความสำคัญเรื่องคอร์รัปชัน เช่นเดียวกับไฟเซอร์และแอสตร้าเซนเนก้าที่เป็นบริษัทระดับโลก หากมีเรื่องเงินทอนจริงคงไม่นิ่งเฉย และขออย่าด้อยค่าวัคซีนจนหลายคนกลัวไม่ไปฉีดโดยเฉพาะผู้สูงอายุ ทำให้หลายคนต้องเสียชีวิตก่อนรับวัคซีน ยืนยันว่าการฉีดวัคซีนที่ผ่านมายังไม่มีรายใดเสียชีวิตจากวัคซีนโดยตรง ขอให้ไปรับวัคซีนตามที่กำหนด” นายแพทย์โอภาสกล่าว


นายแพทย์โอภาส กล่าวต่อว่า การเจรจาจัดหาวัคซีนทุกตัวดำเนินการตั้งแต่ยังวิจัยไม่สำเร็จ การลงนามในสัญญาจึงไม่ใช่สัญญาตามแบบปกติ แต่ทั้งหมดทำตามกฎหมาย มีการปรึกษาสำนักงานอัยการสูงสุด และผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเพื่อขอใช้งบในการซื้อทุกครั้ง ส่วนเรื่องราคาวัคซีนที่ประเทศไทยจัดซื้อมานั้น วัคซีนซิโนแวค ซื้อครั้งแรกในราคา 17 เหรียญต่อโดส แต่เมื่อมีการซื้อจำนวนมากต่อเนื่องราคาจึงลงมาอยู่ที่ราว 9 เหรียญ เมื่อเทียบกับวัคซีนเชื้อตายเหมือนกัน ราคาถูกกว่า 50% วัคซีนไฟเซอร์ก็ซื้อได้ถูกกว่า 50% เมื่อเทียบกับอีกบริษัท ส่วนวัคซีนแอสตราเซเนการาคาถูกกว่าวัคซีนทุกชนิดที่จัดหาได้ในประเทศ

ด้าน นายแพทย์โสภณ กล่าวว่า โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ที่รับนักท่องเที่ยวเข้ามาในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ข้อมูลถึงวันที่ 2 กันยายน 2564 มีนักท่องเที่ยวเข้ามา 27,216 คน ซึ่งทั้งหมดต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 ยกเว้นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่มากับผู้ปกครอง มีการตรวจหาเชื้อตั้งแต่วันแรกที่มาถึงและตรวจซ้ำอีก 2 ครั้ง พบผู้ติดเชื้อ 85 ราย คิดเป็น 0.31% ส่วนใหญ่ตรวจพบเชื้อใน 7 วันแรก ไม่มีอาการหรืออาการน้อย คนที่มีอาการรับการรักษาจนหายแล้ว 20 ราย ผู้ที่ติดเชื้อมีประวัติรับวัคซีนโควิดในทุกตัวที่ประเทศไทยกำหนด แสดงว่าไม่ว่าจะเป็นวัคซีนชนิดใด ฉีดแล้วก็มีโอกาสติดเชื้อได้ ทั้งโควิชิลด์ แอสตราเซเนกา ซิโนแวค จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ไฟเซอร์ ซิโนฟาร์ม และโมเดอร์นา แต่ไม่มีใครป่วยรุนแรง และไม่เกิดปัญหาการแพร่เชื้อคนในพื้นที่และไม่กระทบระบบบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข แม้ในภูเก็ตจะมีการติดเชื้อในพื้นที่ แต่ยังอยู่ในขีดความสามารถดูแลผู้ติดเชื้อได้ในทุกระดับอาการมากกว่า 28%

ส่วนคนเสียชีวิตจากโควิดใน จ.ภูเก็ต ช่วงเดือนกรฎาคม-สิงหาคม ที่ผ่านมา มี 12 ราย พบว่า 11 ราย ไม่ได้ฉีดวัคซีน ส่วนใหญ่เป็นสูงอายุและมีโรคประจำตัว อีก 1 ราย รับวัคซีนแอสตราเซเนกา 1 เข็ม จะเห็นว่าคนภูเก็ตที่ส่วนใหญ่ฉีดซิโนแวค 2 เข็ม ไม่มีผู้เสียชีวิตเลย ซึ่งเป็นการยืนยันถึงประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนแวคจากโครงการภูเก็ตแซนด์บอกซ์ ว่ามีความปลอดภัยค่อนข้างสูง ป้องกันป่วยรุนแรงและเสียชีวิต นอกจากนี้ ยังมีรายงานการศึกษาพบว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพป้องกันการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้ 90.5%ในสมุทรสาครช่วงเดือนมีนาคมที่เป็นสายพันธุ์จี และ 90.7% ใน กทม.และปริมณฑลช่วงเมษายน-พฤษาคม ที่เป็นสายพันธุ์อัลฟา และบุคลากรทางการแพทย์ จ.เชียงราย ช่วงมิถุนายนที่เป็นสายพันธุ์อัลฟา 82.8% ต่อมามีการระบาดของสายพันธุ์เดลตา ทำให้ปรับเป็นการฉีดวัคซีนสูตรไขว้ซิโนแวค ตามด้วยแอสตราเซเนกาห่างกัน 3 สัปดาห์ ตั้งแต่กรกฎาคม เป็นต้นมา ฉีดสูตรนี้แล้วมากกว่า 2.5 ล้านคน มีผู้ติดโควิดเสียชีวิต 1 ราย อัตราเสียชีวิตถือว่าต่ำมาก (เท่ากับ 0.4 รายต่อล้านคน) เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน ซึ่งพบว่า 1 ล้านคน เสียชีวิตจากโควิด 132 คน ดังนั้น จากข้อมูลซิโนแวค 2 เข็ม ในภูเก็ตและสูตรไขว้ซิโนแวค-แอสตราเซเนกา จึงสรุปได้ว่าวัคซีนนี้มีประโยชน์อย่างมากในระยะนี้ที่มีการระบาดของสายพันธุ์เดลตา


นายแพทย์โสภณกล่าวต่อว่า ส่วนแผนการจัดหาวัคซีนนั้น คาดว่าภายในสิ้นเดือนกันยายนมีวัคซีนมากกว่า 15 ล้านโดส จากซิโนแวค 6 ล้านโดส แอสตร้าเซเนกา 7.3 ล้านโดส ซึ่งอาจได้มากถึง 8 ล้านโดส และไฟเซอร์ 2 ล้านโดส ส่วนตุลาคมมีวัคซีนแอสตราเซเนกา เพิ่มเป็น 10 ล้านโดส ไฟเซอร์ 8 ล้านโดส และซิโนแวค 6 ล้านโดส รวมเป็น 24 ล้านโดส ขณะที่เดือนพฤศจิกายนและธันวาคม มีเดือนละ 23 ล้านโดส เป็นแอสตราเซเนกา เดือนละ 13 ล้านโดส และไฟเซอร์ เดือนละ 10 ล้านโดส จึงเป็นที่มาของการไม่ได้สั่งเพิ่มซิโนแวคในช่วงนั้น แต่สถานการณ์มีความไม่แน่นอน เช่น การส่งมอบวัคซีน หรือความจำเป็นของการฉีดวัคซีนในเด็กเมื่อมีผลการศึกษาแล้ว ซึ่งวัคซีนเชื้อตายยังเป็นวัคซีนที่ปลอดภัยที่สุดเมื่อเทียบผลข้างเคียงและประโยชน์ที่ได้รับ ก็มีโอกาสที่จะต้องสั่งเข้ามาเพิ่มตามความจำเป็นและเหมาะสมกับสถานการณ์ โดยบริหารจัดการวัคซีนให้สอดคล้องกับจำนวนที่ได้รับในแต่ละเดือน เพื่อให้การฉีดเป็นไปอย่างต่อเนื่อง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” ลั่นฟ้อง “ธนพร” อยู่ที่ทนายหากขอโทษแล้วจบหรือไม่

ทำเนียบ 21 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลั่นฟ้อง “ธนพร” อยู่ที่ทนายหากขอโทษแล้วจบหรือไม่ ย้ำวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่สุจริต ไม่มีข้อเท็จจริง ต้องรับผิดชอบ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมอบอำนาจทนายความยื่นฟ้อง นายธนพร ศรียากูล ผอ.สถาบันวิเคราะห์การเมือง ฐานความผิดหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ถ้า นายธนพร ขอโทษ จะเลิกแล้วต่อกันหรือไม่ว่า แล้วแต่ทนายความตนได้มอบหมายไปแล้วเมื่อวานนี้ (20 ส.ค.) ส่วนจะฟ้องเฉพาะนายธนพร หรือจะมีบุคคลอื่นด้วยหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า อะไรที่เกินเลยเป็นการพูดที่ไม่รับผิดชอบทำลายเกียรติยศ เกียรติภูมิ ของผู้อื่น ก่อให้เกิดความสับสนเป็นภัยต่อปัญหาของประเทศก็คงฟ้อง เมื่อถามว่าที่ผ่านมาก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันแต่ไม่เคยมีการส่งฟ้องกันใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่จริง มีการฟ้องกันมาเยอะแล้ว ถ้าไปทำลายเกียรติภูมิของเขาหรือครอบครัวเขาก็ฟ้องกันทั้งนั้น ถ้าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตไม่ผิดอะไร แต่ถ้าวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่สุจริต นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จอันนี้เป็นเรื่องที่ควรรับผิดชอบ และต้องถามผู้ที่วิจารณ์ว่า วิจารณ์ไปโดยที่ไม่มีข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ ทำอย่างนี้ได้หรือเปล่า ต้องย้อนไปถามผู้ทำผิดอย่ามาย้อนถามผู้เสียหาย.-316.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! มือยิง “กำนันเล้น” หนีกบดานเกาะลันตา

กระบี่ 21 ส.ค. – ไล่ล่าเกือบ 20 วัน จับได้แล้วมือยิง “กำนันเล้น” กำนันคนดัง จ.ตรัง หนีกบดานเกาะลันตา จ.กระบี่ เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกดดัน 3 วัน 3 คืน สุดท้ายไม่รอด เจ้าหน้าที่บุกจับ นายธวัชชัย อายุ 33 ปี ผู้ต้องหายิง นายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนัน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา คดีนี้อุกอาจและสะเทือนขวัญคนในพื้นที่มาก เพราะคนร้ายไปรอดักยิงกำนันถึงหน้าบ้าน ขณะที่กำนันกำลังขับรถเข้าบ้าน และใช้อาวุธสงคราม M16 ในการก่อเหตุ ซึ่งกำนันเล้น เป็นกำนันคนดังในจังหวัด และเป็นประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด หลักฐานสำคัญในตอนนั้น คือ ภาพจากกล้องวงจรปิด โดยคนร้ายใส่ชุดดำ สวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า บุกไปก่อเหตุหน้าบ้านกำนัน […]

“ไชยา” สั่งปิดประชุมดื้อๆ หนีถกญัตติด่วน MOU 43-44

รัฐสภา 21 ส.ค.- งงทั้งห้องประชุม! “ไชยา” สั่งปิดประชุมดื้อๆ หนีถกญัตติด่วน MOU 43 และ 44 ด้านประธานวิปรัฐบาลบอกไม่รู้เรื่อง ยันไม่ได้ส่งสัญญาณให้ปิดประชุม ขณะที่ “ไชยา” อ้างเป็นข้อตกลง 2 วิปขอปิดประชุมเอง การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ภายหลังจากการพิจารณากระทู้ถามสด และกระทู้ถามทั่วไป เสร็จสิ้นแล้ว จึงเข้าสู่วาระพิจารณารับทรารายงานการประชุม เรื่องรายงานประจำปี 2567 ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ โดยมีการตกลกระหว่างวิปรัฐบาลกับวิปฝ่ายแล้วว่า หลังจากจากเสร็จสิ้นวาระรับทราบการประชุมแล้ว จะเข้าสู่การประชุมลับ เพื่อพิจารณาญัตติด่วนเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาบันทึกข้อตกลง MOU 43 และ 44 ของนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย แต่ปรากฏว่าภายหลังที่ประชุมรับทราบรายงานการประชุมกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เสร็จเรียบร้อยแล้ว นายไชยากล่าวต่อที่ประชุมว่า ใช้เวลาการประชุมมาพอสมควรแล้ว และสั่งปิดประชุมดื้อๆ ในเวลา 14.59 น. สร้างความงุนงงให้กับสส. เพราะตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่า จะพิจารณาญัตติด่วนเรื่อง MOU 43 […]

นายกฯ พกยาดม เข้าไต่สวนปมคลิปเสียง

ศาล รธน. 21 ส.ค.-“แพทองธาร” นายกฯ พกยาดม เข้าไต่สวนปมคลิปเสียง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 11.34 น ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้กลับมาเผยแพร่โทรทัศน์วงจรปิดอีกครั้ง หลังจากไต่สวนนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พยานในคดีปมคลิปเสียงสนทนา ระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เสร็จสิ้นโดยใช้เวลาไต่สวนนายฉัตรชัย ประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นได้เบิกตัวนางสาวแพทองธาร มาไต่สวนต่อ โดยเริ่มจากการกล่าวสาบานตน ก่อนให้การ ซึ่งเป็นที่สังเกตว่านางสาวแพทองธาร ได้พกยาดมสีเหลืองวางไว้ใกล้มือด้วย โดยหลังสาบานตนเสร็จก็ได้มีการตัดสัญญาณถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ อีกครั้ง.-319.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

RBC ไทย-กัมพูชา (ทภ.1) เห็นพ้อง 13 ข้อหยุดยิง ตอบรับเพิ่ม 3 ประเด็น

สระแก้ว 22 ส.ค.- ประชุม RBC ไทย-กัมพูชา ฝั่งกองทัพภาคที่ 1 เห็นพ้อง 13 ข้อตกลงหยุดยิง GBC ฝ่ายกัมพูชา ตอบรับ 3 ข้อเสนอ เก็บกู้ทุ่นระเบิด ปราบสแกมเมอร์ ตั้งชุดประสานงานร่วม แต่ไม่ตอบรับแก้ปัญหา MOU 43 ชี้ไม่อยู่ในอำนาจ RBC โยนถกวง JBC แทน พลโทอมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 นำแถลงสรุปผลการประชุม คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) ในระดับแม่ทัพ ฝั่งกองทัพภาคที่ 1 โดยทั้ง 2 ฝ่าย ตกลงด้วยดี ตอบรับ 13 ข้อตกลงหยุดยิง จากการประชุม GBC ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบเพิ่มเติม 3 ประเด็น จากที่ไทยเสนอ 4 ประเด็น คือ […]

ศาลยกฟ้อง “ทักษิณ” คดี ม.112 – พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

กทม. 22 ส.ค.-ศาลชั้นต้นยกฟ้อง “ทักษิณ” คดี ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เจ้าตัวยิ้มและกล่าวคำพูดแรกขอบคุณทีมทนายความ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เนื่องจากศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานฝ่ายโจทก์ เห็นว่าคลิปเสียงที่โจทก์นำมาเป็นหลักฐานไม่มีการพิสูจน์ว่าเป็นคลิปที่มีการตัดต่อหรือไม่ และศาลเชื่อว่าบทสัมภาษณ์น่าจะมากกว่าความยาวของคลิปดังกล่าว จึงพิพากษายกฟ้อง หลังฟังคำพิพากษา นายทักษิณ ยิ้มและกล่าวคำพูดแรกขอบคุณทีมทนายความ หลังจากนี้จะได้ทำงานเพื่อประเทศชาติอย่างเต็มที่.-สำนักข่าวไทย

เริ่มแล้ว ประชุม RBC ฝั่งกองทัพภาคที่ 1

สระแก้ว 22 ส.ค.-เริ่มแล้ว ประชุม RBC ฝั่งกองทัพภาคที่ 1 รอผล “กัมพูชา” ตอบรับ 3 ข้อ เวลา 10.00 น. ที่สโมสรสรนายทหาร มณฑลทหารบกที่ 19 เริ่มแล้วสำหรับการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) ในระดับแม่ทัพ ฝั่งกองทัพภาคที่ 1 ฝ่ายไทยนำโดย พลโทอมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 ขณะที่ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พลเอกแอก ซอมโอน ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 5 โดยจะใช้เวลาการประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งในช่วงต้นได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนบันทึกภาพ ก่อนเชิญออกเพื่อเข้าสู่วาระการประชุม ทั้งนี้ รายงานข่าวยืนยันว่า ในวงประชุมวันนี้ จะเป็นการหารือ 13 + 3 ข้อตกลง คือ 13 ข้อจากเดิม GBC เพื่อนำสู่การปฏิบัติ และข้อเสนอใหม่ ของฝ่ายไทย 3 […]

“ทักษิณ” ผูกเนกไทเหลือง มาฟังคำตัดสินคดี ม.112

กทม. 22 ส.ค.-“ทักษิณ” มาก่อนเวลา สวมสูท-ผูกเนกไทเหลือง มาฟังคำตัดสินคดี ม.112 ก่อนสวมกอด “พินทองทา” และโบกมือทักทายสื่อฯ-มวลชนเสื้อแดง ก่อนขึ้นห้องพิจารณาที่ 902 ด้านตำรวจ สน.พหลฯ จัดกำลังดูแลความเรียบร้อยตามความเหมาะสม ต่อมาเวลา 09.20 น. นางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนกลางนายทักษิณชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงศาลอาญารัชดา โดยจอดรถบริเวณด้านข้างอาคารศาลอาญา จากนั้นในเวลาไล่เลี่ยกันนายทักษิณ เดินทางมาถึงศาลอาญาด้วยรถยนต์ส่วนตัว โดยมาด้วยชุดสูทสีกรมท่า เสื้อเชิ้ตสีขาวผูกเนกไทสีเหลือง ก่อนจะสวมกอดกับลูกสาว และเดินเข้าไปบริเวณด้านในอาคารศาลอาญารัชดาทันทีเพื่อเข้าสู่ห้องพิจารณาคดีที่ 902 ในเวลา 10.00 น. ตามที่ศาลนัดพิพากษาตัดสินคดีวันนี้ ขณะที่มาตรการรักษาความปลอดภัย พันตำรวจเอกมารุต สุดหนองบัว ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ให้ข้อมูลว่า ในวันนี้เจ้าหน้าที่ศาลอาญาได้ประสานขอกำลังสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ให้เข้ามาช่วย ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งตำรวจสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ทั้งในและนอกเครื่องแบบได้เข้ามาช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยภายในพื้นที่โดยมีการวางกำลังเสริมกับตำรวจศาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาลตามความเหมาะสม โดยก่อนหน้านี้ทางกลุ่มแกนนำมวลชนเสื้อแดงได้มีการประสานกับฝ่ายสืบสวนว่าจะเข้ามาจัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ให้กำลังใจ และจับภาพรวมการข่าวก็ยังไม่พบอะไรที่น่าเป็นกังวล ขณะเดียวกันพบมีมวลชนจำนวนหนึ่งเดินทางมาปักหลักที่บริเวณลานจอดรถของศาลอาญาพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีแดง และสกรีนข้อความให้กำลังใจพร้อมรูปของนายทักษิณ เป็นการให้กำลังใจเดินทางมาให้กำลังใจนายทักษิณเดินทางมาจากในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ซึ่งตำรวจศาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาลอาญาได้มีการกันพื้นที่ เพื่อให้กลุ่มมวลชนอยู่ พื้นที่ที่จัดเตรียมไว้ให้เพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชน และเจ้าหน้าที่ที่เดินทางมาที่ศาลอาญา.-420.-สำนักข่าวไทย