สธ.ขอประชาชนอยู่บ้านหยุดเชื้ออีก 2 สัปดาห์หลังขยายล็อกดาวน์

กรุงเทพฯ 6 ส.ค.- สธ.เผยสถานการณ์โควิด-19 ขณะนี้ใกล้เคียงตัวเลขคาดการณ์ล็อกดาวน์ประสิทธิภาพ 20% ขอความร่วมมืออยู่บ้านอีก 2 สัปดาห์ หลัง ศบค. ขยายล็อกดาวน์ 29 จังหวัด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ถึง 25% พร้อมเร่งฉีดวัคซีนในกลุ่มเสี่ยง จะช่วยลดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตลงได้


นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โรคโควิด-19 และผลจากการล็อกดาวน์ โดยนพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า สถานการณ์โควิดขณะนี้ใกล้เคียงกับตัวเลขคาดการณ์ ประสิทธิภาพการล็อกดาวน์ 20% ใน 14 วันที่ผ่านมา หากเพิ่มประสิทธิภาพการล็อกดาวน์เป็น 25% โดยล็อกดาวน์เพิ่มเป็น 29 จังหวัด ต่ออีก 14 วัน ร่วมกับการฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยง จะส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตลดลงอีกค่อนข้างมาก และในภาวะวิกฤต ความร่วมมือของทุกภาคส่วนมีค่ามากที่สุดในการลดการติดเชื้อ ในช่วง 2 สัปดาห์นี้ ช่วยกันลดการเดินทางดูแลตนเองเข้มขึ้น โดย กทม.จะเริ่มดีขึ้นใน 2-4 สัปดาห์ถัดไป และตามด้วยจังหวัดต่างๆ ขอให้กลับไปนึกถึงเมื่อเดือนเมษายน 2563 ที่ช่วยกันอยู่บ้านหยุดเชื้อ ไม่แพร่กระจายโรคต่อ

นายแพทย์เกียรติภูมิกล่าวเพิ่มเติม สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 นั้น ใน กทม.และปริมณฑล ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มีจำนวนมากเพียงพอ ช่วงเดือนสิงหาคมนี้จะเร่งฉีดให้แก่กลุ่มเสี่ยงในต่างจังหวัดมากขึ้นคือ ผู้สูงอายุ และ 7 โรคเรื้อรัง เพื่อลดการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต ซึ่งการจัดสรรวัคซีนให้กลุ่มเป้าหมายต่างๆ ได้คำแนะนำจากคณะทำงานด้านวิชาการ ซึ่งประกอบด้วย อาจารย์จากโรงเรียนแพทย์ คณะทำงานด้านวัคซีน และนักวิชาการต้องขอบคุณคณาจารย์ต่างๆ ที่เข้ามาช่วยเหลือ ให้ข้อแนะนำที่ดีในการใช้วัคซีนที่มีจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยไม่ได้รับสิ่งใดตอบแทน เนื่องจากท่านมีความเป็นครูและผู้ให้ อยากทำสิ่งดีๆ ให้ประเทศและประชาชน


“สำหรับปี 2565 รัฐบาลอนุมัติกรอบการจัดหาวัคซีนเพิ่มเป็น 120 ล้านโดส โดยจะจัดหาวัคซีนทุกชนิด ทั้งเชื้อตาย ไวรัลเวกเตอร์ mRNA และโปรตีนซับยูนิต ที่เป็นวัคซีนรุ่นใหม่จะป้องกันเชื้อในช่วงเวลานั้นได้ วัคซีนที่ออกมาก่อนหน้านี้ ก็ป้องกันสายพันธุ์อู่ฮั่นและอัลฟาได้ แต่เมื่อกลายพันธุ์เป็นเดลตาประสิทธิภาพก็อ่อนลง โดยปัจจุบันบริษัทต่างๆ กำลังพัฒนาวัคซีนรูปแบบใหม่ อาจเป็นวัคซีนหลักที่ต้องฉีด 2 เข็ม หรืออาจเป็นวัคซีนบูสเตอร์” นายแพทย์เกียรติภูมิกล่าว

นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่าข้อมูลการติดตามการเคลื่อนย้ายของคน ทั้งทางรถและการเดินเท้า หลังประกาศลดการเดินทางตั้งแต่ 2 สัปดาห์ที่แล้ว พบว่าแนวโน้มลดลงแต่น้อยกว่าปีที่แล้ว เช่น กทม.และชลบุรี ปีที่แล้วลดลงได้กว่า 80% ส่วนปีนี้ได้เพียงกว่า 70% จึงต้องขอความร่วมมือเพื่อช่วยกันลดลงความเสี่ยง ตามประกาศ ศบค. ที่ปรับเพิ่มพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) จาก 13 จังหวัดเป็น 29 จังหวัด, พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) 37 จังหวัด และพื้นที่ควบคุม (สีเหลือง) 11 จังหวัด เริ่มตั้งแต่เวลา 00.01 น. วันที่ 3 ส.ค. 2564 ดังนั้น 2 สัปดาห์จากนี้ถือเป็นเวลาทองที่เราต้องร่วมมือกันทำให้การแพร่เชื้อน้อยลงมากที่สุด โดยออกจากบ้านให้น้อยที่สุด ทำงานที่บ้านให้มากที่สุด เน้นกิจกรรมที่ทำทางออนไลน์ เพิ่มความเข้มงวดขณะอยู่บ้านป้องกันการติดเชื้อในครอบครัว โดยเฉพาะที่มีผู้สูงอายุและโรคประจำตัว  

นายแพทย์โสภณกล่าวอีกว่าในช่วงเดือนสิงหาคม คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญมีคำแนะนำให้กระจายวัคซีนไปพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้น ซึ่งในเดือนนี้มีวัคซีนประมาณ 10 ล้านโดสขึ้นไป ทั้งแอสตราเซเนกา ซิโนแวค และไฟเซอร์อีก 1.5 ล้านโดส โดยหลายจังหวัดที่มีการระบาดมากจะได้รับวัคซีนเพิ่มขึ้น เช่น นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา ชลบุรี สมุทรปราการ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา ส่วน กทม.ยังมีการฉีดวัคซีนต่อเนื่อง


สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ส่งมาในภาวะแช่แข็งในอุณหภูมิ -70 องศาเซลเซียส บรรจุในถาดขนส่งวัคซีน 1,170 โดสต่อถาด รวมแล้วคือจำนวน 1,503,450 โดส ซึ่งสอดคล้องกับจำนวนที่ปรากฎบนเว็บไซต์ของสถานทูตสหรัฐฯ จะจัดสรรให้กับ 

  1. บุคลากรการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า 7 แสนโดส ตามความสมัครใจ 

2. ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 7 กลุ่มโรคเรื้อรังอายุ 12 ปีขึ้นไป และหญิงตั้งครรภ์อายุ 12 สัปดาห์ขึ้น ไปในพื้นที่ 13 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด รวม 645,000 โดส 

3. ชาวต่างชาติกลุ่มเสี่ยงที่อาศัยในประเทศไทย และคนไทยที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ 150,000 โดส ซึ่งกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศทำระบบลงทะเบียนไว้       

4. สำหรับวิจัย 5,000 โดส ในการศึกษาการฉีดสลับ ศึกษาภูมิคุ้มกัน ซึ่งต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคน 

5. สำรองไว้ 3 พันกว่าโดสสำหรับพื้นที่ระบาดใหม่ เช่น พื้นที่พบสายพันธุ์เบตา  

“วัคซีนไฟเซอร์สำหรับบุคลากรทางการแพทย์จะทยอยส่งไปทุกจังหวัดทั่วประเทศตั้งวันที่ 3 สิงหาคมนี้ ตามที่จังหวัดได้สำรวจและรวบรวมรายชื่อส่งมา จัดส่งในภาชนะบรรจุที่รักษาอุณหภูมิแช่แข็งเพื่อคงคุณภาพวัคซีน ส่วนของ กทม. กรมควบคุมโรคได้ประสานสำนักอนามัย จัดส่งวัคซีนไปที่โรงพยาบาลรัฐและเอกชนที่กำหนดและที่ประชุมคณะทำงานด้านบริหารการจัดการวัคซีนไฟเซอร์ มีข้อเสนอให้โรงพยาบาลแต่ละแห่งแสดงจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ต่อสาธารณชน เพื่อความโปร่งใสและสร้างความมั่นใจให้บุคลากรสาธารณสุขด่านหน้า” นายแพทย์โสภณกล่าว.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ทุ่นระเบิดใหม่ตอกย้ำกัมพูชาละเมิดกติกาสากล

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – วันนี้ รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูตภาคีอนุสัญญาออตตาวา ลงพื้นที่ดูปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด บนภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมเรียกร้องให้ตัดงบช่วยเหลือกัมพูชา หลังใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ผู้บริจาค ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ยืนยันเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่เพิ่งพบช่วงเหตุปะทะล่าสุด.-สำนักข่าวไทย

ผลถก RBC กัมพูชาเมินกู้ทุ่นระเบิด-ปราบสแกมเมอร์

ตราด 16 ส.ค. – กัมพูชายังไม่ให้ความร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิด หลังฝ่ายไทยผลักดันในเวที “RBC ไทย-กัมพูชา” พื้นที่ชายแดนจันทบุรี-ตราด พร้อมการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ แขวนไว้หารือในการประชุมครั้งต่อไป พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า วันนี้ (16 สิงหาคม 2568) พลเรือโท อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด และพลตรี อุย เฮียง ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 3 ของกองทัพบกกัมพูชา ตลอดจนคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคของทั้งสองฝ่าย จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ (Regional Border Committee) หรือ RBC ณ ประเทศไทย ที่บ้านทะเลภูรีสอร์ท อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เพื่อร่วมกันหารือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และการดำเนินชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศด้วยสันติวิธี โดยได้ลงนามใน “บันทึกความตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ราชอาณาจักรไทย กับภูมิภาคที่ 3 […]

วัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะแจงดำเนินคดีอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท

กทม. 16 ส.ค.-ไวยาวัจกรฝ่ายกฎหมายวัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะชี้แจงการดำเนินคดีกับอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท ตรวจสอบประวัติย้อนหลัง 10 ปี พบปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาส 240 ครั้ง ด้านเจ้าอาวาสยอมรับเสียใจ ผิดหวังที่ไว้ใจคนใกล้ตัว ไวยาวัจกรวัดฝ่ายกฎหมาย ตั้งโต๊ะชี้แจง กรณีที่มีบุคคลภายในวัดปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาสวัดเครือวัลย์วรวิหาร ไปถอนเงินออกจากบัญชีวัดกว่า 240 ครั้ง ยักยอกเงินกว่า 56 ล้านบาท ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน ปี 67 ที่ผ่านมา ในส่วนการดำเนินการขณะนี้แบ่งเป็น 3 คดี คดีแรก พบการกระทำความผิดคือเมื่อเดือนเมษายน 2567 ทางวัดได้รับบริจาคจากกองทัพเรือเป็นแคชเชียร์เช็ค 1.5 ล้านบาท ลงวันที่ 10 เมษายน 2567 โดยในแคชเชียร์เช็คระบุว่ามอบให้ทางวัด จึงต้องเอาเข้าบัญชีวัด ทางเจ้าอาวาสจึงมีการมอบให้นายกฤษณ์ ที่เป็นไวยาวัจกรวัดในตอนนั้น เอาแคชเชียร์เช็คดังกล่าวไปขึ้นเงินและเอาเข้ายังบัญชีของวัด ต่อมาทางเจ้าอาวาสได้ทวงถามไปยังนายกฤษณ์ เพราะในขณะนั้นจำเป็นจะต้องบูรณะศาสนสถาน แต่นายกฤษณ์ อ้างว่าไม่ว่าง และได้มอบหมายให้นายชัยณรงค์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยไวยาวัจกรในตอนนั้นนำเงินไปเข้าธนาคาร ทางเจ้าอาวาสเลยมีการติดต่อไปยังนายชัยณรงค์ เพื่อทวงถามเรื่องเงิน แต่ก็บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด […]

“มาริษ” นำคณะทูตดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูต 33 ประเทศ ดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ เตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง ให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ หลังจากฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในภาพรวมที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะทูตประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา และตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ รวม 33 ประเทศ ขึ้นไปสำรวจพื้นที่และดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ ที่อยู่ใกล้แนวปราสาทพระวิหาร เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือสื่อมวลชนที่ขึ้นภูมะเขือ งดถ่ายภาพติดพื้นที่ทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ระหว่างทางขึ้น ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง และเพื่อนบ้านใกล้เคียง ถูกสะเก็ดเสียหายอีก 2 หลัง โดยจุดนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายด้วย เพื่อให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ.-สำนักข่าวไทย