ศธ.23 ก.พ.- รมว.ศึกษาฯ เผยครม.อนุมัติ ศธ.ลงนามสถานทูต-สภาหอการค้าแคนาดา เพื่อจัดหาครูต่างชาติล็อตแรกลงสู่โรงเรียนดีประจำตำบลกว่า 300 แห่ง คาดทันเปิดภาคเรียนภายในเดือน พ.ค.นี้
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (23ก.พ.) มีมติอนุมัติให้กระทรวงศึกษาฯ ทำ MOU ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตแคนาดาประจำประเทศไทยและสภาหอการค้าแคนาดา เพื่อจัดหาครูต่างชาติมาเพิ่มเติมสู่โรงเรียนดีประจำตำบลกว่า 300 โรงเรียนทั่วประเทศ หลังจากที่สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
“การเซ็นต์ MOU ครั้งนี้ เพื่อจัดหาครูต่างชาติมาช่วยในส่วนของโรงเรียนดีประจำตำบล ที่จะคัดเลือกมาประมาณกว่า 300 โรงเรียน โดยจะพยายามให้ทันในเดือน พ.ค.64 ซึ่งจะเป็นการเสริมทักษะด้านภาษาอังกฤษ เป้าหมายเพื่อให้น้องๆ ได้มีโอกาสเรียนภาษา และภายใน 3-5 ปี สามารถสื่อสารได้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงศึกษาธิการกับสถานทูตต่างๆที่พยายามผลักดันหา Native Speaker หรือประเทศที่มีพื้นฐานใช้ภาษา อังกฤษเป็นหลัก เป็นการต่อยอดจากที่ ครม.อนุมัติ ครูต่างชาติสอนภาษาอังกฤษ 10,000 คน และสอนภาษาจีนอีก 10,000 คน เพียงแต่ว่าในช่วงโควิด เราก็ไม่สามารถผลักดันได้ แต่หลังจากที่มีวัคซีนแล้ว ก็น่าจะทำให้เรื่องนี้สามารถเดินหน้าต่อไปได้” นายณัฏฐพล กล่าว
นายณัฏฐพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการผลักดันสมรรถนะด้านภาษาครั้งนี้ จะเน้นที่เด็กปฐมวัย เพราะเป็นช่วงวัยสำคัญในการเรียนรู้ภาษา และเน้นเรื่องการสื่อสารเป็นหลัก ซึ่งจะสอดคล้องไปกับแผนบูรณาการการศึกษา ที่จะช่วยให้การจัดสรรงบประมาณมีความคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น ให้เด็กๆ ได้มีโอกาสเรียนภาษาอังกฤษจากครูต่างชาติโดยตรง พร้อมเสริมไปกับการเรียนกับครูชาวไทยที่จบเอกภาษาอังกฤษโดยเฉพาะ และนอกจากการพัฒนานักเรียน ยังมีแผนระยะยาวในการพัฒนาสมรรถนะด้านภาษาของครูผู้สอน สอดรับไปกับกรอบวิทยฐานะใหม่ ที่เน้นการพัฒนาศักยภาพและผลลัพธ์ทางการเรียนของผู้เรียน
“ไม่ว่าจะเป็นครูหรือผู้บริหารสถานศึกษาต้องมีการปรับทักษะ เราต้องการให้ครูมีความ สามารถเพียงพอที่จะเข้าไปหาข้อมูลที่เหมาะสม เพื่อนำมาผสมผสานในการสอนเพิ่มเติม อันนั้นคือเรื่องหลักๆ เพราะข้อมูลในโลกออนไลน์นั้นมีอยู่ปริมาณมาก ถ้าครูสามารถเข้าใจเรื่องของภาษาอังกฤษในการหาข้อมูล ความกว้างขวางของความรู้ก็จะมากขึ้น ผมว่า 3 ปีและถ้ามีการพัฒนากันอย่างต่อเนื่อง อันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งในการขยับวิทยฐานะได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนทำได้” นายณัฏฐพล กล่าว .-สำนักข่าวไทย