พักโทษเตรียมปล่อยผู้ต้องขังอีก 5,906 คน

กรมราชทัณฑ์ 11 ก.พ.- คกก.พักการลงโทษ ผ่านมติพักโทษ กรณีเหตุปกติและเหตุพิเศษ ประจำเดือนกุมภาพันธ์ รวม 5,906 คน เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลงนามอนุมัติปล่อยได้ทันที


ที่กรมราชทัณฑ์ วันนี้ (11 ก.พ.) มีการประชุมคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษ ผู้ต้องขังในคดีที่เหลือโทษน้อยกว่า 5 ปี มีการจำคุกอยู่ในเรือนจำมาแล้ว 1 ใน 3 ของโทษทั้งหมด โดยนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ในรอบเดือนกุมภาพันธ์ มีผู้ต้องขังที่เข้าเกณฑ์ได้พักการลงโทษ เพื่อออกไปเข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติกว่า 5,000 คน โดยมีทั้งการพักโทษเหตุปกติ และพักโทษกรณีเหตุพิเศษ และประเภทโทษน้อย ไม่เกิน 3 ปี รวมทั้งนักโทษสูงอายุ และพิการ ซึ่งการพักการลงโทษจะเข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติใส่กำไลอิเลคทรอนิกส์ติดตามตัวต่อไปจนกว่าจะครบกำหนดโทษ

ด้านนายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายปฏิบัติการ กล่าวว่า ในครั้งนี้ มีผู้ต้องขังได้รับการพิจารณาพักโทษ รวม 5,906 คน แบ่งเป็นกรณีปกติ ประมาณ 460 ราย นักโทษสูงอายุ เจ็บป่วย4 ราย นักโทษผ่านอบรมชุมชนบำบัด 52 ราย พักโทษกรณีเหตุพิเศษ อีกกว่า 5,000 ราย เป็นผู้ที่ทำผิดครั้งแรก จำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 และเหลือโทษไม่เกิน 5 ปี มีความประพฤติดีไม่มีความผิดวินัย ที่เหลือเป็นคดีค้ายาเสพติดรายย่อยอีก 110 ราย โดยครั้งนี้ ไม่มีนักโทษคดีสำคัญๆ หรือนักโทษการเมือง โดยมีนักโทษคดีฆ่าจากการบันดาลโทสะไม่กี่คนได้รับการพักโทษ


ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์จะเสนอรายชื่อถึงนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลงนาม อนุมัติและส่งหนังสือปล่อยไปยังเรือนจำต่างๆ เพื่อให้ดำเนินการปล่อยได้ทันทีที่มีความพร้อม


นายธวัชชัย กล่าวอีกว่า การปล่อยจากการพักโทษ หากเหลือโทษไม่เกิน 30 วัน ไม่ต้องใส่กำไลอิเลคทรอนิกส์ติดตามตัว (อีเอ็ม) หากเกิน 30 วัน ไม่เกิน 1 ปี ใส่กำไลเท่าจำนวนเต็ม หากเกิน 1 ปี ขึ้นไป จะใส่กำไลต่อไปอีกกึ่งหนึ่งของโทษที่เหลือ ซึ่งจะเป็นการให้นักโทษได้ปรับตัวกับการคืนสุ่สังคมด้วย โดยมีเงื่อนไข หลังใส่อีเอ็ม ต้องห้ามกินเหล้า ห้ามเที่ยวสถานบันเทิงหรือสถานที่อโคจร และห้ามเล่นพนัน ยืนยันว่า แม้ให้พักโทษปล่อยออกจากเรือนจำก็ยังอยู่ในการคุมประพฤติ โดยให้ได้ปรับตัวกับสังคมด้วยการใช้กำไลติดตามตัว ซึ่งทั้งหมดต้องเป็นผู้กระทำผิดครั้งแรก จึงได้เข้าเกณฑ์พักการลงโทษ .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ลวงมาฆ่า จัดฉากเป็นอุบัติเหตุ หวังเงินประกัน 14 ล้าน

สุดโหด หนุ่มสกลนครถูกญาติตัวเองร่วมมือกับอดีตตัวแทนจำหน่ายประกัน ลวงมาฆ่า ก่อนจัดฉากเป็นอุบัติเหตุ หวังเงินประกัน พ.ร.บ.รถยนต์ 3 คัน รวม 14 ล้านบาท แต่บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถพบพิรุธ แจ้งตำรวจตรวจสอบ ก่อนออกหมายจับเบื้องต้น 4 คน

พระยันตระ

ปิดตำนาน “อดีตพระยันตระ” เสียชีวิตในวัย 73 ปี ที่สหรัฐ

“อดีตพระยันตระ” เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 73 ปี ที่วัดในสหรัฐอเมริกา ปิดตำนานอดีตพระภิกษุที่เคยมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดรูปหนึ่งของวงการสงฆ์ไทย

อดีตผู้บังคับบัญชา “ผู้กำกับโจ้” เผยสมัยเป็นลูกน้องไม่ใช่คนเกเร

อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดประวัติอดีตผู้กำกับโจ้ สมัยเป็นลูกน้องไม่ใช่คนเกเร เชื่อได้รับผลกรรมที่ทำแล้ว

ข่าวแนะนำ

สว.ยื่นเอาผิดทวี

“105 สว.” ​ยื่นเอาผิด “ทวี-อธิบดีดีเอสไอ” กลั่นแกล้งฮั้ว สว.

“105 สว.” ลงชื่อ​ยื่น​ป.ป.ช. เอาผิด​ม. 157 “ทวี” – “อธิบดีดีเอสไอ” กลั่นแกล้งเรื่องฮั้วสว. แขวะความยุติธรรมในประเทศไม่เกิด มีแต่ระส่ำเพราะผู้นำจิตวิญญาณคุมฝ่ายการเมือง​ได้ เปรียบ​ อ.ดีเอสไอ เป็นแมว ที่มีคนเลี้ยงคอยกระตุกคอให้จับหนู แต่สุดท้ายอาจต้องตาย เพราะไปจับปลาแต่ว่ายน้ำไม่เป็น​

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศร้อน-ฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีอากาศร้อนและฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพจากสภาพอากาศร้อน และระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กทม.-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรง 30%

Exclusive! เปิดห้องขังแดน 5 “อดีต ผกก.โจ้”

กรมราชทัณฑ์ เปิดห้องขัง แดน 5 ของ “อดีต ผกก.โจ้” ให้สังคมได้เห็นสภาพความเป็นจริงอีกด้าน พบด้านในยังรักษาพื้นที่ และข้าวของเครื่องใช้ของอดีต ผกก.โจ้ เอาไว้ เผื่อเจ้าหน้าที่จะเข้ามาเก็บหลักฐานเพิ่มเติม