กรุงเทพฯ 2 ม.ค. – คุมประพฤติเมาแล้วขับสะสมทะลุ 1,000 คดี รับปีใหม่ ย้ำมาตรการคุมเข้ม เมา ขับ จับ ติดอุปกรณ์กำไล EM พบผิดซ้ำส่งเข้าค่ายปรับพฤติกรรม ล่าสุดเมาแล้วขับติดกำไล EM แล้ว 13 ราย ทั้งปีมี 113 ราย
นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยสถิติคดีขับรถในขณะเมาสุราที่ศาลสั่งคุมความประพฤติ ต้อนรับวันปีใหม่ ประจำวันที่ 1 มกราคม 2564 มีเพียง 36 คดี เนื่องจากศาลปิดทำการ ทำให้ตัวเลขสถิติยอดรวม 4 วันที่มีการควบคุมเข้มงวด (29 ธันวาคม 2563-1 มกราคม 2564) มีจำนวนทั้งสิ้น 1,028 คดี จำแนกเป็นคดีขับรถขณะเมาสุรา จำนวน 911 คดี คิดเป็นร้อยละ 88.62. คดีขับเสพ จำนวน 100 คดี คิดเป็นร้อยละ 9.73 คดีขับรถประมาท จำนวน 17 คดี คิดเป็นร้อยละ 1.65
จังหวัดที่มีสถิติคดีขับรถขณะเมาสุราสะสมสูงสุด 3 อันดับยังคงเดิม ได้แก่ 1.จังหวัดชัยภูมิ อุบลราชธานี จำนวน 105 คดี 2.จังหวัดจันทบุรี จำนวน 104 คดี และ 3.จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 99 คดี
เมื่อเปรียบเทียบสถิติคดีเข้าสู่งานคุมประพฤติในวันที่สี่ของช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 และ 2564 พบว่าคดีขับรถในขณะเมาสุรา ปี 2563 จำนวน 404 คดี และปี 2564 มีจำนวน 36 คดี ลดลง จำนวน 368 คดี
อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า กรมคุมประพฤติเน้นย้ำมาตรการคุมเข้มสำหรับผู้กระทำผิดในฐานความผิดขับรถในขณะเมาสุรา ในการติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (EM) ล่าสุดเมาแล้วขับติด EM แล้ว 13 ราย ทั้งปีมี 113 ราย ในคดีเมาแล้วขับ อีกทั้งยังมีการคัดกรองตามแบบประเมินพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกราย หากพบว่ามีความเสี่ยงสูงในการติดสุราจะส่งบำบัดรักษาอาการติดสุรา ณ สถานพยาบาล ตลอดจนประเมินความเสี่ยงต่อการกระทำผิดซ้ำ เพื่อควบคุมเข้มงวด หรือพบว่ามีประวัติการกระทำผิดซ้ำจะนำส่งเข้ารับการแก้ไขฟื้นฟูแบบเข้มข้นในรูปแบบค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เป็นระยะเวลา 3 วันต่อเนื่อง ซึ่งมีกิจกรรมทั้งการให้ความรู้ และการดูแลผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากผู้ขับรถขณะเมาสุรา เพื่อสร้างจิตสำนึกในเรื่องความรับผิดชอบต่อผลการกระทำของตัวเองที่มีต่อบุคคลอื่นและสังคม
อย่างไรก็ตาม ในวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ.2564 กรมคุมประพฤติ โดยสำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ ร่วมกับอาสาสมัครคุมประพฤติ ภาคีเครือข่าย และผู้ถูกคุมความประพฤติ ยังคงสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ในการให้บริการประชาชน พร้อมทั้งจัดให้มีการทำงานบริการสังคม โดยการตรวจเยี่ยม แจกน้ำดื่ม ตรวจวัดอุณหภูมิ และให้คำแนะนำในการป้องกันตนเองจากโรคติดเชื้อโควิด-19 แก่ประชาชนที่เดินทาง ณ จุดบริการประชาชน ด่านชุมชน และด่านตรวจค้น จำนวน 48 จุด มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนทั้งสิ้น 298 คน.-สำนักข่าวไทย