รัฐบาลเผยผลงานการพัฒนาระบบการให้บริการประชาชน

สำนักข่าวไทย ๙ ต.ค.- รัฐบาลเผยรายงานผลการดำเนินงาน ๑ ปี ในการพัฒนาระบบการให้บริการประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วน ๑๒ เรื่องของรัฐบาล ตัวอย่างผลงานสำคัญของกระทรวงต่างๆ ดังนี้

  • สำนักนายกรัฐมนตรี/สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี   โครงการพัฒนาและขยายผลศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล (Integrated Complaint Management System) ศูนย์บริการประชาชนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี  (ร่าง) แผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ – ๒๕๖๕ และ (ร่าง) แผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕  ดำเนินการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้เป็นไปตามแผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน ๙ ฉบับ  
  • สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) การบริหารจัดการข้อร้องเรียน และพัฒนาระบบบริการด้านการคุ้มครองผู้บริโภค “ระบบร้องทุกข์ผู้บริโภคออนไลน์” “ระบบไกล่เกลี่ยออนไลน์” “ระบบจดทะเบียนผู้ประกอบธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง”
  • กระทรวงกลาโหม   โครงการหน่วยแพทย์ทหารเคลื่อนที่ออกให้บริการด้านการแพทย์ให้กับประชาชนถึงบ้าน
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์   อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบ  National Single Window (NSW)
  • กระทรวงมหาดไทย  การพัฒนาระบบจัดเก็บและเปิดเผยข้อมูลของภาครัฐ การอนุมัติ หรืออนุญาตทางราชการด้วยระบบดิจิทัลใน โครงการพัฒนาระบบสารสนเทศที่ดิน ระยะที่ ๒ เพื่อจัดทำฐานข้อมูลการถือครองที่ดินทั้งประเทศ ๑) จัดตั้งศูนย์สารสนเทศที่ดิน ๒ แห่ง ๒) ถ่ายโอนข้อมูลที่ดินจากสำนักงานที่ดิน  แล้วเสร็จแล้ว ๑๐๑ สำนักงาน 
    ๒. การปรับปรุงสิ่งแวดล้อมในการประกอบธุรกิจของประทศไทย เพื่อการประเมินความยาก–ง่าย ในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) มีผลการดำเนินงาน 1)พัฒนาโปรแกรม LandsMaps รวมผู้รับบริการ จำนวน ๒๖๒,๑๓๓ ครั้ง คิดเป็นร้อยละ ๙๒ ของนิติบุคคลที่มาติดต่อกับสำนักงานที่ดิน (ข้อมูล ณ วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓) โปรแกรมคำนวณภาษีอากรในการคิดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ผ่านเว็บไซต์ http://lecs.dol.go.th/rcal ทำให้ประชาชนไม่ต้องเดินทางไปติดต่อ ณ สำนักงานที่ดิน มีผู้เข้าใช้บริการแล้วจำนวน ๗๔๘,๕๘๐ ครั้ง (ข้อมูล ณ วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๓)   การสร้างความโปร่งใส โดยการเปิดเผยข้อมูล กรมที่ดินพัฒนาระบบเผยแพร่ประกาศสำนักงานที่ดินผ่านอินเตอร์เน็ต (e-landsAnnouncement) เพื่อการรักษาสิทธิในที่ดินของประชาชนทาง http://announce.dol.go.th ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๓ มีผู้ใช้บริการจำนวน ๕๗,๖๙๒ ครั้ง (ข้อมูล ณ วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๓)   กรมที่ดินเปิดให้บริการ Line Official Account : @teedin กระทรวงคมนาคม การดำเนินการด้านรถโดยสารสาธารณะ ผ่านแอปพลิเคชัน ช่วยเหลือผู้ประกอบการรถรับจ้างโดยสารสาธารณะ (TAXI)  รับชำระภาษีรถประจำปีผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ (แอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax) การพัฒนาท่าเรือโดยสารสาธารณะเพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการท่าเรือโดยสารสาธารณะในแม่น้ำเจ้าพระยา เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน ๒๙ ท่า
  • กระทรวงยุติธรรม  “ยุติธรรมใส่ใจ (Justice Care)”  ลงพื้นที่แจ้งสิทธิให้กับผู้เสียหาย หรือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน สามารถลงไปช่วยเหลือประชาชนภายใน ๒๔ ชั่วโมง นับตั้งแต่ได้รับแจ้งเหตุ
  • กระทรวงศึกษาธิการ  พัฒนาระบบจัดเก็บและเปิดเผยข้อมูลของภาครัฐ การอนุมัติหรืออนุญาตทางราชการด้วยระบบดิจิทัลในอนาคต  และพัฒนาระบบการทดสอบทางการศึกษาแบบดิจิทัล (National Digital Testing Platform)
  • กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม  โครงการพัฒนามาตรฐานและมาตรการที่เชื่อถือได้เพื่อเร่งกระบวนการอนุมัติแบบดิจิทัล (Speed-up e-Licensing) สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) ได้ดำเนินการพัฒนากระบวนการออกใบอนุญาต หรือเอกสารหลักฐานของภาครัฐให้เป็นระบบดิจิทัลเพื่ออำนวยความสะดวกต่อการประกอบธุรกิจและการดำเนินชีวิตของประชาชน โครงการกำกับดูแลบริการเกี่ยวกับการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล และลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Governance)  โครงการผลักดันเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลดิจิทัลตามข้อกำหนดของกฎหมายธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (Law Compliance for Government’s Digital Transformation under Electronic Transaction Law) มีระบบและกลไกดูแลความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของหน่วยงานรัฐ (GMS) จำนวน ๑๓๐ หน่วยงาน พร้อมข้อมูลวิเคราะห์เชิงสถิติการแจ้งเตือนและดำเนินการเพื่อระงับหรือป้องกันการโจมตีที่อาจส่งผลกระทบรุนแรงกับระบบที่มีการเฝ้าระวังโดย ThaiCERT ภายใน ๑ ชั่วโมง หลังจากได้ผลการวิเคราะห์ โดยมีผลลัพธ์ของการตอบสนองตาม SLA อยู่ที่ร้อยละ ๙๔.๒๕ มท
  • กระทรวงแรงงาน
    ๑. การออกกฎหมายลำดับรอง ได้แก่ ๑) กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารจัดการและดำเนินการด้านความ ปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับงานประดาน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ๒) ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาแรงงานนอกระบบแห่งชาติ พ.ศ. ….
    ๒.การพัฒนาการให้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Service) (ณ เดือนมิถุนายน ๒๕๖๓) ดังนี้ ผ่านระบบe – Payment โดยมีธนาคารให้บริการ ๙ แห่ง มีสถานประกอบการใช้บริการ จำนวน ๘๐,๐๙๑ ราย ๒) นายจ้างในการยื่นแบบเงินสมทบผ่านระบบอินเทอร์เน็ต(e-Filing) ให้กับผู้ประกันตน จำนวน ๙.๒๔ ล้านคน ๓) พัฒนาระบบใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e–receipt) มีนายจ้างใช้บริการจำนวน ๓.๒๙ ล้านรายการ  ๔) ตรวจสอบข้อมูลผู้ประกันตนผ่าน Application บนมือถือ “SSO Connect Mobile” ได้แก่ ยอดเงินสะสมกรณีชราภาพ ตรวจสอบเงินสมทบตรวจสอบการเบิกจ่ายสิทธิประโยชน์และเปลี่ยนสถานพยาบาล มีผู้ใช้บริการทั้งสิ้น ๗.๒๔  ล้านราย ๕) พัฒนาระบบฐานข้อมูลสถานประกอบการ เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ทำให้นายจ้างที่เป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า สามารถขึ้นทะเบียนกับประกันสังคมและเปลี่ยนแปลงข้อมูลนายจ้างโดยอัตโนมัติ  
    ๓.จัดทำระบบการให้บริการประชาชน จำนวน ๗ ระบบ ๑ แอปพลิเคชัน ดังนี้ ๑) ระบบสมัครฝึกอบรมฝีมือแรงงาน ๒) ระบบสมัครทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ๓) ระบบยื่นขอรับรองความรู้ความสามารถ ๔) ระบบยื่นขอมีสมุดประจำตัว  ๕) ระบบยื่นขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประเมิน ๖) ระบบยื่นขอรับรองหลักสูตรและค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมฝีมือแรงงาน ๗) ระบบยื่นขอประเมินเงินสมทบกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน ๘) แอปพลิเคชันรวมช่าง
  • กระทรวงการพัฒนาสังคมและความั่นคงของมนุษย์ โครงการการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อให้บริการประชาชนในโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด พัฒนาระบบฐานข้อมูลเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด รองรับการขยายระยะเวลาให้เงินอุดหนุนฯ ตั้งแต่แรกเกิดถึง ๖ ปี ขยายฐานรายได้ไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ต่อคน ต่อปี
  • กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม  ระบบการให้บริการฝึกอบรมแบบออนไลน์ ระบบ No copy เพื่อให้ประชาชน/ลูกค้า ไม่ต้องใช้สำเนาบัตรประชาชน จัดทำโครงการ G Map เพื่อบูรณาการข้อมูลโครงการต่าง ๆ ภายใต้กระทรวงฯ พร้อมเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลการดำเนินโครงการ และการให้บริการต่าง ๆ ของแต่ละหน่วยงาน ศอ บต  จัดตั้งศูนย์ประสานงานและบริการการพัฒนาแบบเบ็ดเสร็จ จชต. (One Start One Stop for Development Center : OSOS) ในด้านต่างๆ เช่น ด้านการค้า และการลงทุน  เปิดช่องทางการรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ๑๘๘๑


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง

กทม. 26 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง เตือน 7 จังหวัดรับมือ อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก บึงกาฬ สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุโซนร้อน “ก๋อมัย” บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก มีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย.- สำนักข่าวไทย

9 ทันโลก : แจงด่วน! คณะมนตรีความมั่นคง ไทยนี้รักสงบ

25 ก.ค. – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะร่วมประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กัมพูชาร้องขอไว้ รายงาน 9 ทันโลก พาไปติดตามบทบาทและโอกาสของไทยบนเวทีสำคัญนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาตินานเกือบ 80 ปี จะได้แสดงบทบาทอีกครั้งในคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการสื่อสารกับประชาคมโลก ถึงการกระทำของกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหลายด้าน รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติที่ไทยยึดมั่น ในห้องประชุมนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ ลำดับที่ 55 จะทำหน้าที่อีกครั้งในภารกิจด้านสันติภาพ ตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2489 ที่นี่ไทยเคยทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง โดยพลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา และหม่อมหลวง พีระพงศ์ เกษมศรี ทำหน้าที่สองวาระ ในปี 2528 และ 2529 ในเวลาที่สงครามเย็นคุกรุ่น มาในวันนี้ไทยกำลังจะมีโอกาสอันดีที่ได้ใช้ช่องทางการทูตสำคัญ เสาหลักความมั่นคงของสหประชาชาติ ในอีกบทบาทหนึ่งที่ยังคงอยู่บนพื้นฐานการแสวงหาสันติภาพตามกลไกนี้ เมื่อประเทศสมาชิก ในกรณีนี้คือกัมพูชา ร้องขอให้เปิดประชุมเร่งด่วน สมาชิกคณะมนตรีซึ่งมีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกไม่ถาวร 10 ประเทศ พิจารณากรณีที่เป็นภัยคุกคามใดต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เช่น กรณีการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา […]

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]