ครูทำร้ายเด็กสะท้อนอำนาจนิยมในโรงเรียน-ระบบที่ล้มเหลว

กรุงเทพฯ 1 ต.ค.-ผู้เชี่ยวชาญชี้ครูทำร้ายเด็กสะท้อนอำนาจนิยมในโรงเรียน กับระบบที่ล้มเหลว ส่งผลร้ายต่อสภาพจิตใจ พัฒนาการเด็ก นำไปสู่โรคซึมเศร้า ชงสร้างระบบความปลอดภัยในโรงเรียน ผู้ปกครองมีส่วนร่วมตรวจสอบ


ในเวทีเสวนาหัวข้อ “ทางออก…เมื่อโรงเรียนไม่ปลอดภัยและเด็กถูกทำร้าย” จัดโดยมูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว เครือข่ายผู้ปกครองฯ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

แพทย์หญิงจิราภรณ์ อรุณากูร กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และเจ้าของเพจ “เลี้ยงลูกนอกบ้าน” กล่าวว่า เด็กที่ถูกเลี้ยงให้อยู่ในสภาพความรุนแรง จะมีผลกระทบกับตัวเด็กมากน้อยแตกต่างกัน ยิ่งเป็นเด็กเล็กยิ่งจะส่งผลต่อการเจริญเติบโต พัฒนาการ เด็กจะแสดงออกหลายรูปแบบ เช่น ก้าวร้าวหงุดหงิดฉุนเฉียว เพราะต้องอยู่กับอารมณ์โกรธของครู เมื่ออยู่ในโรงเรียนเขาทำไม่ได้เขาจะเลือกไปแสดงออกในพื้นที่อื่น ด้วยการก้าวร้าวกลับ หรือลงไม้ลงมือ แต่เด็กบางคนก็จะเลือกวิธีหนีหลีกเลี่ยง ร้องไห้ไม่อยากไปโรงเรียน ไม่เข้ากิจกรรมที่ควรทำ เพราะไม่อยากถูกตำหนิถูกตี เกิดความวิตกกังวล ซึม แยกตัว ส่วนเด็กที่ยอมทำตามครู ก็เพื่อที่จะได้อยู่รอด ซึ่งเด็กที่ยอมเมื่อเติบโตมาจะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีอำนาจ นับถือตัวเองต่ำ นำไปสู่โรคซึมเศร้า อย่างไรก็ตาม เด็กกลุ่มนี้จะต้องมีนักจิตวิทยาเข้ามาดูแลช่วยเหลือเยียวยาจิตใจอย่างเร่งด่วน ส่วนพ่อแม่เองต้องหมั่นสังเกตความผิดปกติของลูก และทำให้เด็กรู้สึกปลอดภัย



“หมอมองว่า ปัญหานี้ไม่ใช่แค่ครูกับเด็ก แต่เป็นอำนาจนิยมในโรงเรียน อำนาจที่ผู้ใหญ่ใช้กระทำกับเด็ก อ้างหวังดีลงโทษเพื่อสั่งสอน ซึ่งจริงๆ เกิดขึ้นทุกที่ เกิดในบ้าน โรงเรียน ชุมชน เราต้องกลับมาดูหลักสูตรการผลิตครู ว่าได้ใส่ความเข้าใจ การดูแลเด็กเชิงบวก ทักษะการจัดการอารมของครู อย่ามองความรุนแรงเป็นเรื่องปกติ” แพทย์หญิงจิราภรณ์ กล่าว

แพทย์หญิงจิราภรณ์ กล่าวด้วยว่า สิ่งเหล่านี้มันสะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา พ่อแม่จำนวนไม่น้อยส่งลูกไปเรียนโรงเรียนที่รู้สึกว่าปลอดภัยจ่ายเงินมหาศาล คำถามคือ ทำไมเราไม่สามารถมีโรงเรียนที่ปลอดภัยสำหรับเด็กทุกคน รวมถึงเด็กชนบท เด็กต่างจังหวัด เด็กยากจน ยิ่งมีโอกาสที่จะเกิดความรุนแรงเกิดการทำร้าย ดังนั้นควรมองไปให้ถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำว่า นี่ขนาดเป็นโรงเรียนที่พ่อแม่สามารถจ่ายได้ จ่ายในระดับที่ค่อนข้างมีราคา ยังได้รับคุณภาพการศึกษาแบบนี้ แล้วโรงเรียนอื่นๆที่เหลือจะเป็นอย่างไร และจะทำอย่างไรให้เด็กเข้าถึงคุณภาพชีวิตทางการศึกษาที่ปลอดภัย ดังนั้นสังคมต้องเรียนรู้จากเหตุการณ์ และลุกขึ้นต่อสู้ไม่ยอมรับกับสิ่งที่ถูกปฏิบัติอยู่ เพื่อนำไปสู่การเคลื่อนไหวสร้างการเปลี่ยนแปลง ที่สำคัญ ศธ.หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องลงมาทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง

นางสาวอรพินท์ ศักดิ์เอี่ยม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเด็ก กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า กรณีครูทำร้ายเด็ก บ้านพักเด็กและครอบครัว นนทบุรี ได้เข้าไปทำงานต้องแต่แรกที่เป็นข่าว ร่วมกับหลายหน่วยงานเพื่อหาทางออก ในส่วนของ พม.จะเข้าไปฟื้นฟูเยียวยาสภาพจิตใจของเด็กและผู้ปกครอง ทำการประเมินสภาพจิต รวมถึงหาแนวทางช่วยเหลือ ในเบื้องต้นได้แบ่งเด็กออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มแรก เป็นกลุ่มที่รับผลกระทบโดยตรงผู้ปกครองได้แจ้งความดำเนินคดี กลุ่มที่2 เป็นกลุ่มเด็กและผู้ปกครองที่อยู่ในชั้นเรียนเดียวกัน กลุ่มที่ 3 กลุ่มเด็กและผู้ปกครองที่อยู่ในสายชั้นเดียวกัน และกลุ่มที่ 4 กลุ่มเด็กและผู้ปกครองที่อยู่ในชั้นอื่นๆ หลังจากประเมินสภาพจิตใจแล้ว จะมีการทำแผนบำบัดกลุ่มต่อไป นอกจากนี้ในกลุ่มของเด็กที่ต้องเข้าไปช่วยเหลือฟื้นฟูเร่งด่วน ต้องจัดให้มีผู้รับผิดชอบหลักในระยะยาวด้วย


นางสาวอรพินท์ กล่าวว่า พม.ได้หารือกับ กระทรวงศึกษาธิการ สาธารณสุขและมหาดไทย และเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง กำหนดแนวทางพัฒนาขับเคลื่อนนโยบาย การคุ้มครองเด็ก นอกจากนี้ยังได้ทำ MOU กับ ศธ.ในประเด็นการคุ้มครองเด็กในสถานศึกษา ประกอบไปด้วย1.การรับบุคลากรเข้าปฏิบัติหน้าที่ต้องตรวจสอบข้อมูล ประเมินสภาพจิตก่อนเข้าทำงาน 2. ให้ความรู้เรื่องการคุ้มครองเด็กกับบุคลากร 3.จัดให้มีโครงสร้างภายในมีตัวชี้วัดในการประเมิน จัดเจ้าหน้าที่คุ้มครองเด็กเป็นการเฉพาะ4.มีข้อปฏิบัติที่เหมาะสมกับเด็ก 5.การสื่อสารจากภายนอก 6. ต้องมีการรายงานการดำเนินงาน และ7.เมื่อพบการกระทำความผิดต้องรายงานทันที นโยบายทั้งหมดนี้จะมีการผลักดันให้เกิดขึ้นในสถานที่ที่ทำงานเกี่ยวกับเด็ก อย่างไรก็ตาม ทางกรมกิจการเด็กฯและกรมกิจการสตรีและครอบครัว ได้ทำงานตามพรบ.คุ้มครองเด็กฯ หากท่านใดพบเจอหรือสงสัยว่าเด็กจะไม่ได้รับความปลอดภัย ให้แจ้งมาที่สายด่วน พม.1300 เจ้าหน้าจะรับเข้าไปช่วยเหลือก่อนที่จะเกิดเหตุกับเด็กเหล่านั้น

นางฐาณิชชา ลิ้มพานิช ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว กล่าวว่า กรณีครูทำร้ายร่างกายเด็ก อนุบาลที่ปรากฎเป็นข่าว และครูคนอื่นที่อยู่ในเหตุการณ์กลับนิ่งเฉย เหมือนเป็นเรื่องปกติ รวมทั้งผู้บริหารโรงเรียน ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่รับรู้ รับทราบกับเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งนี้ เรามีพ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก 2546 ระบุชัดว่า มีคณะกรรมการคุ้มครองเด็ก โดยรมว.พม.เป็นประธาน ปลัดพม.เป็นรองประธาน และยังมีปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงยุติธรรม ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ อัยการสูงสุด ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ อธิบดีกรมการปกครอง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ อธิบดีกรมสุขภาพจิต เป็นกรรมการ ทุกกลไกมีส่วนเกี่ยวข้องกับการคุ้มครอง ดูแลช่วยเหลือเยียวยาเด็ก

“พม.เป็นผู้ถือกฎหมายคุ้มครองเด็ก ความกระชับฉับไวจึงสำคัญมาก ซึ่งครั้งนี้ถือว่า พม. และหลานหน่วยงานทำงานได้ค่อนข้างเร็ว การเข้ามายืนเคียงข้างพ่อแม่ผู้ปกครองช่วยเรื่องการดำเนินคดี มีกระบวนการปกป้องช่วยเหลือเยียวยา เป็นเจ้าภาพกระตุ้นการให้เกิดการมีส่วนร่วมคุ้มครองเด็กในโรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ จัดทำเกณฑ์การประเมินคนที่จะเข้ามาทำงานเกี่ยวข้องกับเด็ก ไม่ว่าจะเป็นศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล สถานศึกษา สถานสงเคราะห์ สถานดูแลเด็ก หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนที่มีบ้านพักที่ดูแลเด็ก จัดทำเกณฑ์ประเมิน มีบันทึกตรวจสอบประวัติพฤติกรรมตรวจประเมินสุขภาพจิต นอกจากนี้ควรมีแอปพลิเคชั่น เพื่อให้เห็นกล้องวงจรปิดในห้องเรียน บริเวณโรงเรียน เพื่อร่วมตรวจสอบ ไม่เป็นความลับ และเพิ่มบทบาทของผู้ปกครองตรวจให้สามารถสอบบุคลากร ผู้บริหารในโรงเรียน หากมีการละเมิดเด็ก ผู้ปกครองมีสิทธิให้ตั้งกรรมการสอบ ไล่ออกได้ ท้ายสุดอยากให้ พม.เร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบมากขึ้น ว่าทุกองคาพยพของพร้อมยืนหยัดเคียงข้างในวันที่เด็กถูกทำร้าย ละเมิดสิทธิ” นางฐาณิชชา กล่าว

ขณะที่นายอัครพงษ์ บุญมี ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ราชพฤกษ์ กล่าวว่า เรื่องแบบนี้มันไม่ควรเกิดขึ้นกับลูกใครทั้งนั้น อย่างกรณีลูกตนก็เคยเรียนซัมเมอร์กับครูจุ๋ม ตอนนั้นแก้มเขียวกลับมาบ้านครูจุ๋มตอบว่า เด็กเล่นกัน และหลายครั้งที่ลูกฉี่ราดกางเกง และบอกว่า ฉี่ไม่ทัน ซึ่งโชคดีที่ลูกได้เรียนกับครูจุ๋มแค่ 1 เดือน ก็เกิดการปรับเปลี่ยน ซึ่งการย้ายโรงเรียนอยากให้เป็นคำตอบสุดท้าย เพราะคงจะไม่ย้ายลูกออก เหตุผลคือไม่รู้สึกว่าลูกจะต้องปรับอะไร แต่สิ่งที่ต้องปรับคือโรงเรียนและระบบ ถ้าไม่ปรับก็คือต้องปิดโรงเรียนไป อย่าปล่อยให้เด็กรุ่นอื่นๆต้องมาเจอชะตากรรมแบบนี้ แต่ควรสร้างมาตรฐาน สิ่งที่ผู้ปกครองเรียกร้องมีอยู่ 2 ประเด็น คือ น้องที่ถูกกระทำ ทางผู้ปกครองจะย้ายโรงเรียนและเรียกร้องค่าเสียหายเยียวยา ส่วนกรณีไม่ย้าย ทางโรงเรียนต้องมีมาตรการที่ชัดเจน วางระบบสามารถดูลูกผ่านออนไลน์ ครูที่สอนต้องแสดงใบประกอบวิชาชีพครู เพราะจะปล่อยให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้มาสอนเด็กไม่ได้ ยิ่งเคสนี้อดคิดไม่ได้ว่าผู้บริหารมีส่วนรู้เห็นให้ทำผิดหรือไม่ นอกจากนี้เรายังเสนอให้ต้องประชุมผู้ปกครองอย่างต่อเนื่อง ทราบว่าขณะนี้กระทรวงศึกษาเข้ามาดูแลในเรื่องนี้แล้ว และทางโรงเรียนยินยอมจะทำตามข้อเรียกร้องของผู้ปกครอง ส่วนค่าสินไหม ก็จะดูเป็นรายบุคคลไป .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย

ล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ถอยหนีชนดะ

ขอนแก่น 3 มิ.ย. – ระทึก ผู้ต้องหาถอยรถหนี ชนจยย.สายตำรวจ ขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ก่อนจนมุมรถไถลข้ามเลนพลิกตะแคง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์สีขาวจอดคุยกับชายคนหนึ่งที่ยืนริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง หน้าตลาดจอมพล เขตเทศบาลนครขอนแก่น ทันใดนั้น รถคันดังกล่าวก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขี่อยู่ด้านหลังล้ม 2 คัน และพยายามเร่งเครื่องหลบหนีจนไปชนกับรถคันอื่นอย่างแรง แล้วไถลข้ามเลนพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง เมื่อเวลา 22.45 น. วานนี้ (2 มิ.ย.) คนขับปีนออกจากหน้าต่าง มีท่าทีขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอมออกมาจากรถ หลังจากนั้นตำรวจพาเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม และมีชายอีกคนออกมาจากหน้าเป็นรายที่สอง ตำรวจจึงควบคุมตัวที่ข้างทาง ต่อมา รถกู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุและทำการปฐมพยาบาลทั้งชายสองคนและสายลับที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ภายในรถมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ ก่อนจะคุมตัวขึ้นรถกระบะไป สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พรศักดิ์ งานดี ผู้กำกับการตำรวจสืบสวนจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า นายอนุพงษ์ อายุ 35 ปี เป็นคนขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนนายณัฐพล อายุ 37 ปี เป็นคนขับรถยนต์คันที่เกิดเหตุ มีพฤติกรรมลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านเฟซบุ๊กให้กับลูกค้าทั่วไปที่สั่งซื้อ จึงวางแผนล่อซื้อ […]

ทรงพระเจริญ

ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี ร่วมแปรอักษร แสดงพลังความจงรักภักดี

สงขลา 2 มิ.ย. – จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” ประชาชนกว่า 5,000 คน ร่วมแปรอักษร “ทรงพระเจริญ คนสงขลารักพระราชินีฯ” แสดงพลังความจงรักภักดีอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ 2 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น. ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวสงขลากว่า 5,000 คน ร่วมกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ย้ำรัฐบาลยึดหลักอธิปไตย-ประโยชน์สูงสุดของประเทศ

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – นายกฯ ย้ำรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ วันนี้ (4 มิ.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ “ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และได้บูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน” นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรารวบรวมข้อมูลจากทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ภาพแผนที่จากเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนพิจารณาอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายคือการปกป้องอธิปไตยของชาติและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ หากมีความคืบหน้า รัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดเป็นระยะ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย

ม็อบรถบัส 2 ชั้น ขู่บุกกรุง ค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า

ตรัง 4 มิ.ย. – ม็อบรถบัส 2 ชั้น ชุมนุมคัดค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า อ้างไม่ชอบ กม.-เส้นทางไม่เข้าหลักเกณฑ์กำหนด ขู่เคลื่อนขบวนพันคันบุกกรุง หากไม่ได้รับแก้ไข บริเวณอันดามันเกตเวย์ บนเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 เขาพับผ้า เครือข่ายผู้ประกอบการรถบัส 2 ชั้น ในนามสมาคมรถโดยสารสองชั้นไทย กว่า 100 คัน พร้อมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ราว 200 คน ชุมนุมคัดค้านคำสั่ง กรมการขนส่งทางบกที่ห้ามรถบัส 2 ชั้นใช้เส้นทาง 7 แห่งทั่วประเทศ การชุมนุมครั้งนี้ เป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการจากทั้งภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เพื่อประท้วงคำสั่งที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.68 สำหรับรถทัวร์ และวันที่ 1 มิ.ย.68 สำหรับรถประจำทาง โดยชูป้ายข้อความต่างๆ รวมถึงการเรียกร้องให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกลาออกจากตำแหน่ง นายสุริยะ แกล้วทนงค์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย เปิดเผยว่า การสำรวจเส้นทางเขาพับผ้า พบว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ต้องประกาศห้าม เนื่องจากมีความลาดชัน 8% […]

หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้า กลับลำ ยันไม่มีคนในชี้เป้า

กทม. 4 มิ.ย. – คุมตัว “แบงค์” หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางกรมศุลฯ ทำแผน เจ้าตัวกลับลำอ้างลงมือครั้งแรก ไม่มีใครชี้เป้า ปัดเจตนาชน รปภ.ดับ กลางดึกที่ผ่านมาตำรวจ สน.ท่าเรือ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ กว่า 20 นาย ควบคุม 5 ผู้ต้องหาแก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้า ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณ ตู้คอนเทนเนอร์ ในโกดังสเตเตียม ถนนท่าเรือ 1 เขตคลองเตย จากนั้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนไปฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ส่วนนายแบงค์ หัวโจก พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพอย่างเงียบๆ เพราะเกรงว่านายแบงค์จะถูกญาติ รภป. ผู้เสียชีวิต รุมประชาทัณฑ์ ภายหลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนได้คุมตัวนายแบงค์กลับมา คุมขังที่ สน.ท่าเรือ เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าวได้พยายามซักถามว่านายแบงค์ก่อเหตุมาแล้วกี่ครั้ง นายแบงค์ อ้างว่าก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้ามาเพียงครั้งเดียว ส่วนนำไปขายใครนั้น นายแบงค์ไม่ตอบ และยืนยันว่าการก่อเหตุนี้ ไม่มีคนในมาชี้เป้า เพราะบริเวณนั้นใครก็รู้ว่าเป็นพื้นที่เก็บสินค้าที่ต้องการทำลาย พร้อมยกมือไหว้ขอโทษครอบครัว รปภ.ที่เสียชีวิต และยอมรับว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจถอยรถชน […]

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ชายแดนติดตามสถานการณ์ไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 4 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำกองทัพไม่ขัดแย้งรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดกรณีการปะทะกันที่ช่องบก โดยระบุว่า การมาครั้งนี้ตั้งใจมาให้กำลังใจกำลังพลที่อยู่แนวหน้า ซึ่งกำลังเตรียมความพร้อมในการดูแลและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น รวมถึงดูพื้นที่จริง ซึ่งเบื้องต้นพบว่า ข่าวทหารกัมพูชาวางกับระเบิดเป็นของเก่า เวลานี้เรากำลังใช้ทางออกที่โลกอยากเห็น และเรายังไม่ได้เสียอธิปไตยตรงไหนไป สิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละจุด เราอยากให้มันค่อยๆ คลายไป เรากำลังใช้มาตรการทางการทูตเชิงรุก เริ่มต้นจากเล็กไปหาใหญ่ และมาตรการต่างๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้น เราตกลงกันแล้วว่า จะคุยด้วยกันตลอด ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันไม่ได้ถึงขั้นนั้น เพราะยังไม่มีอะไร เราคำนึงถึงชีวิตของพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน เราจะใช้กระบวนการสันติวิธีให้ถึงที่สุด ถ้ามีอะไรเกินเลย ฝ่ายที่อยู่แนวหน้าจะต้องแจ้งเรา ซึ่งจะดำเนินการโดยทันทีทันใด ยืนยันกองทัพกับฝ่ายการเมืองไม่มีปัญหากัน .-สำนักข่าวไทย