ครูทำร้ายเด็กสะท้อนอำนาจนิยมในโรงเรียน-ระบบที่ล้มเหลว

กรุงเทพฯ 1 ต.ค.-ผู้เชี่ยวชาญชี้ครูทำร้ายเด็กสะท้อนอำนาจนิยมในโรงเรียน กับระบบที่ล้มเหลว ส่งผลร้ายต่อสภาพจิตใจ พัฒนาการเด็ก นำไปสู่โรคซึมเศร้า ชงสร้างระบบความปลอดภัยในโรงเรียน ผู้ปกครองมีส่วนร่วมตรวจสอบ


ในเวทีเสวนาหัวข้อ “ทางออก…เมื่อโรงเรียนไม่ปลอดภัยและเด็กถูกทำร้าย” จัดโดยมูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว เครือข่ายผู้ปกครองฯ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

แพทย์หญิงจิราภรณ์ อรุณากูร กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และเจ้าของเพจ “เลี้ยงลูกนอกบ้าน” กล่าวว่า เด็กที่ถูกเลี้ยงให้อยู่ในสภาพความรุนแรง จะมีผลกระทบกับตัวเด็กมากน้อยแตกต่างกัน ยิ่งเป็นเด็กเล็กยิ่งจะส่งผลต่อการเจริญเติบโต พัฒนาการ เด็กจะแสดงออกหลายรูปแบบ เช่น ก้าวร้าวหงุดหงิดฉุนเฉียว เพราะต้องอยู่กับอารมณ์โกรธของครู เมื่ออยู่ในโรงเรียนเขาทำไม่ได้เขาจะเลือกไปแสดงออกในพื้นที่อื่น ด้วยการก้าวร้าวกลับ หรือลงไม้ลงมือ แต่เด็กบางคนก็จะเลือกวิธีหนีหลีกเลี่ยง ร้องไห้ไม่อยากไปโรงเรียน ไม่เข้ากิจกรรมที่ควรทำ เพราะไม่อยากถูกตำหนิถูกตี เกิดความวิตกกังวล ซึม แยกตัว ส่วนเด็กที่ยอมทำตามครู ก็เพื่อที่จะได้อยู่รอด ซึ่งเด็กที่ยอมเมื่อเติบโตมาจะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีอำนาจ นับถือตัวเองต่ำ นำไปสู่โรคซึมเศร้า อย่างไรก็ตาม เด็กกลุ่มนี้จะต้องมีนักจิตวิทยาเข้ามาดูแลช่วยเหลือเยียวยาจิตใจอย่างเร่งด่วน ส่วนพ่อแม่เองต้องหมั่นสังเกตความผิดปกติของลูก และทำให้เด็กรู้สึกปลอดภัย



“หมอมองว่า ปัญหานี้ไม่ใช่แค่ครูกับเด็ก แต่เป็นอำนาจนิยมในโรงเรียน อำนาจที่ผู้ใหญ่ใช้กระทำกับเด็ก อ้างหวังดีลงโทษเพื่อสั่งสอน ซึ่งจริงๆ เกิดขึ้นทุกที่ เกิดในบ้าน โรงเรียน ชุมชน เราต้องกลับมาดูหลักสูตรการผลิตครู ว่าได้ใส่ความเข้าใจ การดูแลเด็กเชิงบวก ทักษะการจัดการอารมของครู อย่ามองความรุนแรงเป็นเรื่องปกติ” แพทย์หญิงจิราภรณ์ กล่าว

แพทย์หญิงจิราภรณ์ กล่าวด้วยว่า สิ่งเหล่านี้มันสะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา พ่อแม่จำนวนไม่น้อยส่งลูกไปเรียนโรงเรียนที่รู้สึกว่าปลอดภัยจ่ายเงินมหาศาล คำถามคือ ทำไมเราไม่สามารถมีโรงเรียนที่ปลอดภัยสำหรับเด็กทุกคน รวมถึงเด็กชนบท เด็กต่างจังหวัด เด็กยากจน ยิ่งมีโอกาสที่จะเกิดความรุนแรงเกิดการทำร้าย ดังนั้นควรมองไปให้ถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำว่า นี่ขนาดเป็นโรงเรียนที่พ่อแม่สามารถจ่ายได้ จ่ายในระดับที่ค่อนข้างมีราคา ยังได้รับคุณภาพการศึกษาแบบนี้ แล้วโรงเรียนอื่นๆที่เหลือจะเป็นอย่างไร และจะทำอย่างไรให้เด็กเข้าถึงคุณภาพชีวิตทางการศึกษาที่ปลอดภัย ดังนั้นสังคมต้องเรียนรู้จากเหตุการณ์ และลุกขึ้นต่อสู้ไม่ยอมรับกับสิ่งที่ถูกปฏิบัติอยู่ เพื่อนำไปสู่การเคลื่อนไหวสร้างการเปลี่ยนแปลง ที่สำคัญ ศธ.หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องลงมาทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง

นางสาวอรพินท์ ศักดิ์เอี่ยม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเด็ก กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า กรณีครูทำร้ายเด็ก บ้านพักเด็กและครอบครัว นนทบุรี ได้เข้าไปทำงานต้องแต่แรกที่เป็นข่าว ร่วมกับหลายหน่วยงานเพื่อหาทางออก ในส่วนของ พม.จะเข้าไปฟื้นฟูเยียวยาสภาพจิตใจของเด็กและผู้ปกครอง ทำการประเมินสภาพจิต รวมถึงหาแนวทางช่วยเหลือ ในเบื้องต้นได้แบ่งเด็กออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มแรก เป็นกลุ่มที่รับผลกระทบโดยตรงผู้ปกครองได้แจ้งความดำเนินคดี กลุ่มที่2 เป็นกลุ่มเด็กและผู้ปกครองที่อยู่ในชั้นเรียนเดียวกัน กลุ่มที่ 3 กลุ่มเด็กและผู้ปกครองที่อยู่ในสายชั้นเดียวกัน และกลุ่มที่ 4 กลุ่มเด็กและผู้ปกครองที่อยู่ในชั้นอื่นๆ หลังจากประเมินสภาพจิตใจแล้ว จะมีการทำแผนบำบัดกลุ่มต่อไป นอกจากนี้ในกลุ่มของเด็กที่ต้องเข้าไปช่วยเหลือฟื้นฟูเร่งด่วน ต้องจัดให้มีผู้รับผิดชอบหลักในระยะยาวด้วย


นางสาวอรพินท์ กล่าวว่า พม.ได้หารือกับ กระทรวงศึกษาธิการ สาธารณสุขและมหาดไทย และเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง กำหนดแนวทางพัฒนาขับเคลื่อนนโยบาย การคุ้มครองเด็ก นอกจากนี้ยังได้ทำ MOU กับ ศธ.ในประเด็นการคุ้มครองเด็กในสถานศึกษา ประกอบไปด้วย1.การรับบุคลากรเข้าปฏิบัติหน้าที่ต้องตรวจสอบข้อมูล ประเมินสภาพจิตก่อนเข้าทำงาน 2. ให้ความรู้เรื่องการคุ้มครองเด็กกับบุคลากร 3.จัดให้มีโครงสร้างภายในมีตัวชี้วัดในการประเมิน จัดเจ้าหน้าที่คุ้มครองเด็กเป็นการเฉพาะ4.มีข้อปฏิบัติที่เหมาะสมกับเด็ก 5.การสื่อสารจากภายนอก 6. ต้องมีการรายงานการดำเนินงาน และ7.เมื่อพบการกระทำความผิดต้องรายงานทันที นโยบายทั้งหมดนี้จะมีการผลักดันให้เกิดขึ้นในสถานที่ที่ทำงานเกี่ยวกับเด็ก อย่างไรก็ตาม ทางกรมกิจการเด็กฯและกรมกิจการสตรีและครอบครัว ได้ทำงานตามพรบ.คุ้มครองเด็กฯ หากท่านใดพบเจอหรือสงสัยว่าเด็กจะไม่ได้รับความปลอดภัย ให้แจ้งมาที่สายด่วน พม.1300 เจ้าหน้าจะรับเข้าไปช่วยเหลือก่อนที่จะเกิดเหตุกับเด็กเหล่านั้น

นางฐาณิชชา ลิ้มพานิช ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว กล่าวว่า กรณีครูทำร้ายร่างกายเด็ก อนุบาลที่ปรากฎเป็นข่าว และครูคนอื่นที่อยู่ในเหตุการณ์กลับนิ่งเฉย เหมือนเป็นเรื่องปกติ รวมทั้งผู้บริหารโรงเรียน ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่รับรู้ รับทราบกับเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งนี้ เรามีพ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก 2546 ระบุชัดว่า มีคณะกรรมการคุ้มครองเด็ก โดยรมว.พม.เป็นประธาน ปลัดพม.เป็นรองประธาน และยังมีปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงยุติธรรม ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ อัยการสูงสุด ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ อธิบดีกรมการปกครอง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ อธิบดีกรมสุขภาพจิต เป็นกรรมการ ทุกกลไกมีส่วนเกี่ยวข้องกับการคุ้มครอง ดูแลช่วยเหลือเยียวยาเด็ก

“พม.เป็นผู้ถือกฎหมายคุ้มครองเด็ก ความกระชับฉับไวจึงสำคัญมาก ซึ่งครั้งนี้ถือว่า พม. และหลานหน่วยงานทำงานได้ค่อนข้างเร็ว การเข้ามายืนเคียงข้างพ่อแม่ผู้ปกครองช่วยเรื่องการดำเนินคดี มีกระบวนการปกป้องช่วยเหลือเยียวยา เป็นเจ้าภาพกระตุ้นการให้เกิดการมีส่วนร่วมคุ้มครองเด็กในโรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ จัดทำเกณฑ์การประเมินคนที่จะเข้ามาทำงานเกี่ยวข้องกับเด็ก ไม่ว่าจะเป็นศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล สถานศึกษา สถานสงเคราะห์ สถานดูแลเด็ก หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนที่มีบ้านพักที่ดูแลเด็ก จัดทำเกณฑ์ประเมิน มีบันทึกตรวจสอบประวัติพฤติกรรมตรวจประเมินสุขภาพจิต นอกจากนี้ควรมีแอปพลิเคชั่น เพื่อให้เห็นกล้องวงจรปิดในห้องเรียน บริเวณโรงเรียน เพื่อร่วมตรวจสอบ ไม่เป็นความลับ และเพิ่มบทบาทของผู้ปกครองตรวจให้สามารถสอบบุคลากร ผู้บริหารในโรงเรียน หากมีการละเมิดเด็ก ผู้ปกครองมีสิทธิให้ตั้งกรรมการสอบ ไล่ออกได้ ท้ายสุดอยากให้ พม.เร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบมากขึ้น ว่าทุกองคาพยพของพร้อมยืนหยัดเคียงข้างในวันที่เด็กถูกทำร้าย ละเมิดสิทธิ” นางฐาณิชชา กล่าว

ขณะที่นายอัครพงษ์ บุญมี ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ราชพฤกษ์ กล่าวว่า เรื่องแบบนี้มันไม่ควรเกิดขึ้นกับลูกใครทั้งนั้น อย่างกรณีลูกตนก็เคยเรียนซัมเมอร์กับครูจุ๋ม ตอนนั้นแก้มเขียวกลับมาบ้านครูจุ๋มตอบว่า เด็กเล่นกัน และหลายครั้งที่ลูกฉี่ราดกางเกง และบอกว่า ฉี่ไม่ทัน ซึ่งโชคดีที่ลูกได้เรียนกับครูจุ๋มแค่ 1 เดือน ก็เกิดการปรับเปลี่ยน ซึ่งการย้ายโรงเรียนอยากให้เป็นคำตอบสุดท้าย เพราะคงจะไม่ย้ายลูกออก เหตุผลคือไม่รู้สึกว่าลูกจะต้องปรับอะไร แต่สิ่งที่ต้องปรับคือโรงเรียนและระบบ ถ้าไม่ปรับก็คือต้องปิดโรงเรียนไป อย่าปล่อยให้เด็กรุ่นอื่นๆต้องมาเจอชะตากรรมแบบนี้ แต่ควรสร้างมาตรฐาน สิ่งที่ผู้ปกครองเรียกร้องมีอยู่ 2 ประเด็น คือ น้องที่ถูกกระทำ ทางผู้ปกครองจะย้ายโรงเรียนและเรียกร้องค่าเสียหายเยียวยา ส่วนกรณีไม่ย้าย ทางโรงเรียนต้องมีมาตรการที่ชัดเจน วางระบบสามารถดูลูกผ่านออนไลน์ ครูที่สอนต้องแสดงใบประกอบวิชาชีพครู เพราะจะปล่อยให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้มาสอนเด็กไม่ได้ ยิ่งเคสนี้อดคิดไม่ได้ว่าผู้บริหารมีส่วนรู้เห็นให้ทำผิดหรือไม่ นอกจากนี้เรายังเสนอให้ต้องประชุมผู้ปกครองอย่างต่อเนื่อง ทราบว่าขณะนี้กระทรวงศึกษาเข้ามาดูแลในเรื่องนี้แล้ว และทางโรงเรียนยินยอมจะทำตามข้อเรียกร้องของผู้ปกครอง ส่วนค่าสินไหม ก็จะดูเป็นรายบุคคลไป .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ไทยตอนบนฝนน้อย ทะเลอันดามัน-อ่าวไทย คลื่นสูง 1-2 ม.

กทม. 3 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีฝนน้อย ส่วนทะเลอันดามันและอ่าวไทย คลื่นสูง 1-2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยตอนบนมีฝนน้อยเนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อน โดยบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง – สำนักข่าวไทย

กระเช้าหลุด ช่างทาสีร่วงตึก 5 ชั้น ตาย 1 สาหัส 1

พัทลุง 2 ส.ค. – เกิดเหตุสลด กระเช้าปลายบูมหลุดจากเครน ช่างทาสีร่วงจากตึก 5 ชั้น เสียชีวิต 1 เจ็บสาหัส 1 ที่ไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียน จ.พัทลุง เกิดเหตุสลดกลางไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียนแห่งหนึ่ง ในตำบลควนมะพร้าว อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เมื่อกระเช้าที่ผูกติดกับหัวเครนเกิดหัก หลุดจากตึกสูง 5 ชั้น ส่งผลให้ช่างทาสี 2 คน ที่อยู่บนกระเช้าร่วงตกลงกระแทกพื้น เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทันที 1 คน คือ นายธวัชชัย อายุ 36 ปี และนายชุติเดช อายุ 43 ปี บาดเจ็บสาหัส ขาทั้งสองข้างหักละเอียด แขนซ้ายหักผิดรูป เจ้าหน้าที่เร่งให้การช่วยเหลือก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลพัทลุงอย่างเร่งด่วน ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า คนงานทั้ง 2 เป็นช่างทาสี ได้ขึ้นกระเช้าเหล็กเพื่อขึ้นไปทาสีบริเวณชั้น 5 ของอาคาร ซึ่งมีความสูงประมาณ 26 เมตร แต่ด้วยน้ำหนักของคนงานทั้งสองคน […]

รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง

ทำเนียบ 2 ส.ค.-รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง ด้วยพยานหลักฐานทุกมิติ ต่อประชาคมโลกผ่าน OSCE-เวทีระดับสูงด้านความมั่นคงของยุโรป ยืนยันหลักสันติวิธี ยึดกฎหมายระหว่างประเทศ และตอกย้ำว่าการปกป้องประชาชนจากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชาเป็นสิทธิโดยชอบตามกฎหมายสากล พร้อมใช้โอกาสนี้ขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงในระดับภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ ศบ.ทก. เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าบทบาทของประเทศไทย ในเวทีระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อสื่อสารข้อเท็จจริงและแสดงท่าทีอย่างตรงไปตรงมาต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ถึงวานนี้ (1 สิงหาคม 2568) ที่ผ่านมา ไทยได้เข้าร่วมการประชุม Helsinki+50 ในกรอบองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Co-operation in Europe: OSCE) ณ กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยมี นางครองขนิษฐ รักษ์เจริญ อธิบดีกรมยุโรป เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม โดยในช่วงของการกล่าวถ้อยแถลง หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ได้ย้ำท่าทีของไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า “ไทยยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติ หลักมนุษยธรรมสากล และหลักการของ Helsinki Final […]

EOD เก็บกู้ระเบิดฝังอยู่ใกล้ปั๊มที่ถูกกัมพูชายิงใส่

ศรีสะเกษ 2 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายหัวระเบิด HE ของจรวด BM 21 ที่ฝังอยู่บนถนนกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ใกล้กับปั๊มน้ำมันที่ถูกกัมพูชายิงใส่ร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD เริ่มเตรียมความพร้อมเพื่อทำลายระเบิดที่ฝังอยู่ในถนน บ้านน้ำเย็น-บ้านผือ ฝั่งมุ่งหน้าเขาพระวิหาร ในพื้นที่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นระเบิดที่ฝั่งกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือน โดยจุดที่ระเบิดถูกฝังบนถนนอยู่ห่างจากปั๊ม ปตท. บ้านผือ ไม่ถึง 1 กิโลเมตร เป็นระเบิดที่ถูกยิงมาในวันที่ 24 กรกฎาคม พร้อมกับเหตุการณ์ยิงกัมพูชายิงจรวดใส่ร้านสะดวกซื้อภายในปั๊ม จนมีผู้เสียชีวิต 8 ราย เจ้าหน้าที่ได้นำกระสอบทรายมาทำเป็นบังเกอร์ล้อมรอบจุดที่ระเบิดฝังอยู่ในถนน เจ้าหน้าที่ชุดจากตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ตำรวจ ตชด.ที่ 22 อุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย หรือ TMAC โดยมีการปิดถนนรัศมี 1 กิโลเมตร […]