คกก.ปฏิรูปประเทศสาธารณสุข เปิดเวทีฟังความเห็น

เมืองทองธานี 2 ก.ย.-คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข เปิด รับฟังความคิดเห็นแผนปฏิรูปด้านสาธารณสุข 10 ประเด็นหลัก ในการจัดการภาวะโรคระบาด-โรคอุบัติใหม่ โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง และสังคมผู้สูงอายุ สาเหตุคุกคามสุขภาพคนไทย บูรณาการทุกภาคส่วนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพื่อประโยชน์ประชาชน


วันนี้ (2 ก.ย.)ที่อาคารอิมแพค ฟอรั่ม เมืองทองธานี ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.อุดม คชินทร ประธานกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นต่อการปรับปรุงแผนการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข ว่า คณะกรรมการฯ ชุดนี้เป็นชุดที่ 2 มีระยะเวลาดำเนินการเพียง 2 ปี ครบกำหนดในวันที่ 14 สิงหาคม 2565 ยืนยันว่า จะต่อยอดประเด็นการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุขของคณะกรรมการฯ ชุดแรกที่มี น.พ.เสรี ตู้จินดา เป็นประธาน ให้เห็นเป็นรูปธรรม ได้แก่ 1.ระบบบริหารจัดการด้านสุขภาพ 2.ระบบเทคโนโลยีและสารสนเทศสุขภาพ 3.กำลังคนสุขภาพ 4.ระบบบริการปฐมภูมิ 5.การแพทย์แผนไทย 6.การแพทย์ฉุกเฉิน 7.การสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค 8.ความรอบรู้ด้านสุขภาพ 9.การคุ้มครองผู้บริโภค และ 10.ระบบหลักประกันสุขภาพ

“การปฏิรูปทุกเรื่องเป็นเรื่องใหญ่ เกี่ยวข้องกับคนทั้งประเทศ ความสำเร็จอาจต้องใช้เวลามากกว่า 5 ปี แต่อย่างน้อยช่วง 2 ปีนี้ ต้องวางระบบที่ดีของประเทศ ถือเป็นความท้าทาย โดยจะจัดการใน 3 เรื่องที่เป็นภาวะคุกคามด้านสาธารณสุขของไทยและโลกก่อน ได้แก่ โรคระบาดและโรคอุบัติใหม่ โรคไม่ติดต่อเรื้อรังหรือ NCDs และสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งต้องอาศัยทั้ง 10 ประเด็นปฏิรูปในการขับเคลื่อน” ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.อุดมกล่าว


ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.อุดมกล่าวต่อว่า เรื่องโรคระบาดและโรคอุบัติใหม่ จะนำบทเรียนโรคโควิด-19 มาเป็นต้นแบบ เพราะแม้ประเทศไทยและกระทรวงสาธารณสุขจะควบคุมโรคโควิด 19 ได้ดี แต่ต้องการบูรณาการเชื่อมโยงหน่วยงานอื่นๆ ให้มากขึ้น กฎหมายอย่าง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ยังไม่ครอบคลุม สิ่งสำคัญคือที่ทำให้ควบคุมโรคนี้ได้สำเร็จคือความร่วมมือของประชาชน เช่นเดียวกันการปฏิรูปที่จะสำเร็จได้

สำหรับประเด็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรังถือเป็นปัญหาของโลก ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตรวมปีละ 56 ล้านคน โดยมาจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรังถึงร้อยละ 70 ขณะที่ประเทศไทยก็มีอัตราการเสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรังสูงสุดเช่นกัน และมีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูงมาก ปีละ 3-4 แสนล้านบาท จากการสำรวจของกระทรวงสาธารณสุขพบว่า คนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงหรือเบาหวาน ควบคุมโรคได้ตามเกณฑ์ที่แพทย์กำหนดเพียงร้อยละ 25 ไม่รู้ว่าตัวเองป่วยร้อยละ 40 มารู้ตัวอีกทีเมื่อเกิดอาการ ทำให้เป็นอัมพาต หัวใจวาย เสียชีวิต จึงต้องปฏิรูป โดยบูรณาการบริการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค ความรอบรู้ด้านสุขภาพเข้ากับการรักษา หากปรับพฤติกรรมได้โรคก็จะลดลง

ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.อุดม กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องผู้สูงวัย ประเทศไทยจะมีสัดส่วนผู้สูงอายุเกิน 60 ปีถึงร้อยละ 20 ของประเทศในปี 2567-2568 และจะเกินร้อยละ 25 ในปี 2578 ซึ่งผู้สูงอายุจะเป็นโรคจากความเสื่อมของร่างกาย มีค่าใช้จ่ายมากกว่าคนหนุ่มสาว 5-10 เท่า ที่ผ่านมามีการตั้งหน่วยงานต่างๆ ขึ้นมาเกี่ยวกับผู้สูงอายุ จึงต้องปฏิรูปเพื่อขับเคลื่อนและเกิดการบูรณาการ โดยเฉพาะการดูแลที่บ้านและชุมชน ซึ่งถือเป็น new normal ของระบบสุขภาพหลังจากมีวิกฤตโรคโควิด 19 ตั้งเป้าหมายให้มีผู้บริบาลดูแลผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น มีการผลิตเพิ่มใหม่ภายในปี 2565 จำนวนรวม 70,000 คน


“การปฏิรูปต้องทำอะไรที่ไม่เหมือนเดิม ถ้าทำแบบเดิมก็ไม่มีการปฏิรูป ซึ่งใน 3 เรื่องที่จะขับเคลื่อนเป็นเพียงตุ๊กตาภาพใหญ่ที่ตั้งไว้ ยังไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด สามารถปรับปรุงได้ จึงนำมารับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน ขอให้ช่วยกันคิดเสนอแนะให้เกิดการปฏิรูปผ่าน 10 ประเด็น เช่น การจัดการ ระบบการเงินการคลัง 3 กองทุนสุขภาพทั้งบัตรทอง สวัสดิการข้าราชการ และประกันสังคม ทำอย่างไรถึงมีความยืดหยุ่นมากขึ้น การลดเหลื่อมล้ำ การยกระดับเรื่องข้อมูลที่ยังไม่เชื่อมโยง ทำให้ไม่สามารถวิเคราะห์วางแผนได้ การนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ การปรับปรุงกฎหมายต่างๆ ที่เป็นคอขวดให้การปฏิรูปไม่สำเร็จ สร้างนวัตกรรมระบบบริการปฐมภูมิ เช่น ปรับแผนการทำงานให้คล่องตัว สร้างความร่วมมือทุกภาคส่วน ซึ่งผู้สนใจสามารถเข้ามาแสดงความคิดเห็นได้ผ่านเว็บไซต์ http://nscr.nesdb.go.th/thailandreform” ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.อุดมกล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังข้อเท็จจริง​ปมทุ่นระเบิดช่องบก

กองทัพบก 22 ก.ค.- ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร​ 47 ประเทศ​ รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​-กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ พบ เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​วางใหม่​ โดยมีหลายชาติ สนใจรับฟังขณะ​ พลจัตวา​ ฮอม​ คิม ผู้ช่วยทูตทหารดัมพูชา ร่วมด้วย กองบัญชาการ​กองทัพ​บก​ เชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย​ รับฟังการชี้แจงสถานการณ์​ชายแดนไทย​-กัมพูชา​ ถึงข้อเท็จจริงกรณีไทยโดนรุกล้ำอธิปไตย​ และมีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​ ทำให้ทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย​ และมีการตรวจสอบว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่​ ที่วางในเขตไทย​ ซึ่งขัดต่ออนุสัญญา​ออตตาวา​ ที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นประเทศภาคี​ที่ให้สัตยาบัน​​ บรรดาทูต​ทหาร​ ทยอยเดินทางมายังห้อง ศรีสิทธิสงคราม​ ภายในกองทัพบก ตั้งแต่เวลา​ 13.20 น.​ อาทิทูตทหารจากเวียดนาม เมียนมา อินเดีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อังกฤษ บูรไน ออสเตเรีย สหรัฐอเมริกา อินโดนิเซีย จีน กัมพูชา เยอรมันนี แคนนาดา […]

พายุวิภากระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านอาหารถล่ม

จันทบุรี 22 ก.ค. – พายุกระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านข้าวมันไก่ถล่ม กระแทกหลังแม่เจ้าของร้านได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่ภูเก็ตพายุถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต หลังคาร้านข้าวมันไก่ บริเวณตลาดศิริการ อ.เมือง จ.จันทบุรี ถูกพายุพัดร่วงลงมาทั้งแผง ท่ามกลางความตื่นตระหนกของลูกค้าและพนักงานในร้าน เหตุดังกล่าวเกิดช่วงเที่ยงพอดี จึงมีลูกค้ามานั่งกินข้าวเต็มร้าน กระทั่งมีฝนเทลงมา ทางร้านและลูกค้าจึงช่วยกันขนย้ายโต๊ะเก้าอี้เข้าข้างในเพื่อหลบฝน ก่อนพายุจะซัดเข้ามาอย่างรุนแรง จนหลังคาถล่ม เบื้องต้นไม่มีลูกค้าได้รับบาดเจ็บ มีเพียงแม่เจ้าของร้านข้าวมันไก่อีกร้าน ที่อยู่ติดกัน ถูกหลังคากระแทกหลังได้รับบาดเจ็บ นำส่งโรงพยาบาลแล้ว พนักงานร้านข้าวมันไก่ บอกว่า ปกติบริเวณนี้มีฝนตกบ่อย หลังคาแข็งแรงดี ไม่ได้ชำรุดอะไร แต่วันนี้ ลมแรงมาก มาแบบวูบเดียว พัดหลังคาลอยขึ้นก่อนพังลงมา ทั้งนี้ลมพายุได้พัดหลังคาของตึกที่อยู่ในละแวกร้านข้าวมันไก่พังเสียหายจำนวน 15 คูหา เบื้องต้นกำลังทหารและตำรวจ ได้เข้าตรวจสอบ พร้อมให้การช่วยเหลือ ขนย้ายเศษซากหลังคาเคลียร์พื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว พายุโซนร้อนวิภาถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต ที่หน้าหาดเกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ หอบข้าวของวิ่งหนีลมพายุ จังหวะนั้นต้นไม้ขนาดใหญ่ถูกลมพัดโค่นลงมา ในคลิปจะได้ยินเสียงคนพูดว่า “เห็นไหม คน ๆ อยู่ใต้นั้น” หลังเหตุการณ์สงบ […]

รถบรรทุกพุ่งชน จยย.พ่วงข้างรับส่ง นร. ตาย 3 เจ็บ 6

พระนครศรีอยุธยา 22 ก.ค. – สลด รถบรรทุก 6 ล้อ พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 6 คน เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุก 6 ล้อ ทะเบียนพระนครศรีอยุธยา พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน โรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ ก่อนตกลงไปในร่องน้ำ บนถนนชนบทเลียบคลองระพีพัฒน์ หมู่ 5 ตำบลวังน้อย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอัดกับรั้วบ้านจนรถพังยับ มีผู้ติดอยู่ในรถ 2 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์ตัดช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนออกมา แต่ผู้โดยสารเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนคนขับบาดเจ็บสาหัส ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง สภาพรถเสียหายยับเยิน คนบนรถ 7 คน เป็นนักเรียนโรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ 6 คน ผู้ปกครอง 1 คน บาดเจ็บทั้งหมด เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลวังน้อย และมีนักเรียน 2 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์ จุดกิตติวังน้อย […]

โฆษก ทบ. เผยนานาชาติเข้าใจไทยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด

กองทัพบก 22 ก.ค.- โฆษก ทบ. เผยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด นานาชาติเข้าใจไทย ขณะผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชานั่งนิ่งไม่โต้แย้ง – ให้กองทัพภาคที่ 2 ประเมินสถานการณ์หลังคนไทยนัดรวมตัวปราสาทตาเมือนธม ปลายเดือนนี้ พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวภายหลังการเชิญผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​- กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ส่วนใหญ่เป็นการรับฟังและมีคำถามบ้าง ถือว่าน้อย เนื่องจากทุกท่านอาจจะได้รับข่าวสารจากช่องทางอื่นมาบ้างแล้ว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ที่พยายามบอกกล่าวและชี้แจงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในเรื่องข้อเท็จจริง พลตรีวินธัย เปิดเผยว่า ทูตทหารของกัมพูชา ไม่ได้ชี้แจงหรือมีคำถามอะไร คำถามส่วนใหญ่มาจากท่านอื่นมากกว่า ที่ถามเรื่องของความมั่นใจและยืนยันใช่หรือไม่ ซึ่งทางเรา ก็ให้เหตุผลไป และจะให้เอกสารชี้แจง ส่วนท่าทีของประเทศมหาอำนาจ ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งการเชิญมาในวันนี้เราก็ทำตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก คือทำให้เป็นทางการ ส่วนการหารือได้ชี้แจงเรื่องของการละเมิด บูรณภาพดินแดน และเอ็มโอยู 2543 และอนุสัญญาออตตาวา ด้วยหรือไม่ พลตรีวินธัย ระบุว่า มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว และได้อธิบายตามหลักอนุสัญญา ที่ทั้งสองประเทศเป็นสมาชิก และเล่าถึงกลไกการแก้ไขปัญหา […]

ข่าวแนะนำ

น้ำท่วมตัวเมืองน่าน-เขตเศรษฐกิจขยายวงกว้าง

น่าน 23 ก.ค. – ตอนนี้น้ำท่วมตัวเมืองน่าน รวมทั้งเขตเศรษฐกิจ ยังเพิ่มสูงขึ้นและแผ่ขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ หลังระดับน้ำท่วมสูงเกิน 9 เมตร และทะลักเข้าท่วม .-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

ตอบโต้เขมร! ปิด 4 ด่าน หลังทหารเหยียบกับระเบิดขาขาดอีก 1 ราย

23 ก.ค.- ศบ.ทก. เห็นชอบให้ทัพภาค 2 ปิดด่านชายแดน-สถานที่ท่องเที่ยว 4 จังหวัดอีสานใต้ ตั้งแต่พรุ่งนี้ (24 ก.ค.) หลังล่าสุดทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดอีกราย จากกระแสข่าวมีทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดบริเวณแนวชายแดนไทยกัมพูชาเมื่อเวลา 16.55 น. นั้น ล่าสุด แหล่งข่าวจากศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริงโดยกองทัพภาคที่ 2 ได้ปรึกษามาที่ ศบ.ทก. เพื่อขออนุญาตปิดด่านในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีษะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวตามแนวชายแดน เพื่อเป็นการประท้วงกัมพูชา จากการลักลอบวางทุ่นระเบิดที่เกิดขึ้น ซึ่ง ศบ.ทก. เห็นชอบ ขณะเดียวกันจะส่งหนังสือประท้วงโดยใช้กลไก RBC และรายงานกระทรวงต่างประเทศ เพื่อประท้วงต่อไป ดังนั้นตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) จะปิดด่านชายแดนทั้งหมดในพื้นที่ 4 จังหวัดอีสานใต้ของไทย หลังจากที่ฝั่งไทยมีการกำหนดเวลาเปิด-ปิด และในส่วนสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง 3 ปราสาท คือ ตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และตาควาย […]

พายุวิภาทำเชียงรายอ่วม-รพ.เทิง งดรับผู้ป่วยชั่วคราว

เชียงราย 23 ก.ค. – พายุวิภาทำ อ.เทิง จ.เชียงราย อ่วม น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร โรงพยาบาลเทิง ประกาศงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไปชั่วคราว รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ด้านนายอำเภอสั่งการเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุวิภา ทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรหลายอำเภอใน จ.เชียงราย โดยเฉพาะ อ.เทิง สถานที่ราชการ ได้แก่ สภ.เทิง ศาลจังหวัด และโรงพยาบาลเทิง เกิดน้ำท่วมขัง โรงพยาบาลต้องงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไป รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ขณะที่สถานการณ์โดยทั่วไปยังมีฝนตกหนัก นายอำเภอเทิงลงพื้นที่ สั่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ส่วนถนนพหลโยธิน ต.นางแล อ.เมืองเชียงราย น้ำป่าจากดอยโป่งพระบาทไหล่เอ่อท่วมถนนด้านขาขึ้น การสัญจรเป็นไปอย่างยากลำบาก ภาพรวมสถานการณ์ จ.เชียงราย เบื้องต้นมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 5 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อนประมาณ 100 ครัวเรือน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย