ป.ป.ส. 15 ส.ค..-ป.ป.ส. เผยผลจับมือ ไทย-เมียนมา ลดยาเสพติดเข้าไทย 8 เดือนเศษ ยึดยาบ้าก่อนนำเข้าไทยรวมเกือบ 35 ล้านเม็ด
นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เปิดเผย ผลจากความร่วมมือระหว่างประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง ภายใต้แผนปฏิบัติการร่วมสามเหลี่ยมทองคำ 1511 ระหว่าง ไทย-เมียนมา ในการสกัดกั้นยาเสพติดจากแหล่งผลิตในรัฐฉานที่เป็นยาบ้าและไอซ์ ซึ่งจะถูกลักลอบนำเข้าไทยผ่านทางชายแดนภาคเหนือและภาคตะวันตก ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 ถึงต้นเดือนสิงหาคม 2563 โดยทางการเมียนมาสามารถยึดยาบ้ารวม 34.9 ล้านเม็ด
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวเพิ่มว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา อัครราชทูตที่ปรึกษาด้านยาเสพติด ประจำกรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา ได้รับประสานการข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกลางเพื่อการควบคุมยาเสพติด (CCDAC) ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเมียนมาสามารถจับยึดยาบ้าจำนวนมากได้ 2 ครั้ง ของกลางรวมกว่า 7.6 ล้านเม็ด ในพื้นที่ จ.ท่าขี้เหล็ก โดยครั้งแรกยึดยาบ้า 6.4 ล้านเม็ดขณะลำเลียงจากแหล่งผลิตนำมาพักคอยบริเวณชายแดนเพื่อหาโอกาสลักลอบนำข้ามชายแดนเข้าไทยด้าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย และครั้งที่สองยึดยาบ้า 1.29 ล้านเม็ดที่รอยต่อรัฐมอญกับภาคพะโค ซึ่งลำเลียงจากแหล่งผลิตมาพักคอยเพื่อหาโอกาสนำข้ามชายแดนเข้าไทยด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก หรือ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
แหล่งผลิตหลักยาบ้าในเมียนมาอยู่ในรัฐฉาน และยาบ้าจากแหล่งผลิตในพื้นที่ดังกล่าวจะถูกลักลอบนำข้ามชายแดนเข้าไปใน 2 ประเทศ คือ ไทย และบังกลาเทศ จากการเก็บข้อมูลของสถาบันวิชาการและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. พบว่าลักษณะเม็ดยาบ้าที่ถูกส่งไปใน 2 ประเทศจะมีความแตกต่างกัน ดังนั้นการที่สามารถระบุได้ว่ายาบ้าที่จับยึดได้มีปลายทางที่ใดจึงพิจารณาจากการข่าว การสืบสวน จุดที่จับยึดได้ และตัวลักษณะเม็ดยาบ้า และสำหรับจำนวนยาบ้าที่จับยึดได้ในไทยตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 ถึงปัจจุบันมีกว่า 200 ล้านเม็ด ซึ่งกล่าวได้ว่ามีจำนวนล้นเกินกว่าความต้องการเสพของกลุ่มผู้เสพในประเทศ ทั้งนี้เป็นเพราะเทคโนโลยีการผลิตที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งเครื่องมือการผลิตและสารเคมีที่ใช้จัดหาได้ง่าย ทำให้ขบวนการค้าเร่งผลิตยาบ้าป้อนเข้าตลาดจำนวนมากโดยไม่รอการสั่งซื้อ และลดราคาขายส่งและขายปลีกต่ำลงอย่างมาก ให้ผู้ต้องการเสพเข้าถึงง่ายเพื่อกระตุ้นการใช้ ดังนั้นจึงขอให้ทุกภาคส่วนช่วยกันดูแลป้องกันไม่ให้บุตรหลาน/คนใกล้ชิดเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด.-สำนักข่าวไทย