fbpx

เปิดเวทีเสวนา “แก้ปัญหาความรุนแรงในห้องฉุกเฉิน”

สธ.30 ก.ค.-โฆษกอัยการย้ำพฤติกรรมตีกัน ก่อเหตุรุนแรงในโรงพยาบาล ไม่ค้านแก้กฎหมายเพิ่มโทษ แต่สามารถใช้การบรรยายพฤติกรรมให้ศาล ลงโทษสูงสุดได้ โดยภาพจากกล้องวงจรปิด คลิปคือหลักฐานชั้นดี


ในการเสวนา “แนวทางแก้ไขปัญหาความรุนแรงในห้องฉุกเฉินสถานพยาบาล” จัดโดยกระทรวงสาธารณสุข แพทยสภา และสภาการพยาบาล โดยมีอัยการ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และบุคลากรสาธารณสุข ร่วมรับฟัง โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในการประกาศนโยบายและทิศทางการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในสถานพยาบาล ว่า ตอนเข้ารับตำแหน่ง มองเพียงว่าเป็นหน่วยงานให้การรักษา ปลดทุกข์ประชาชน แต่ไม่เคยคิดในมิติที่จะมีคนเข้ามาสร้างความรุนแรงในโรงพยาบาล

อย่างไรก็ตามเมื่อเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นแล้ว โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด ผู้บริหารโรงพยาบาลนั้นๆ ต้องหามาตรการ การบริหารจัดการ ผู้บริหารโรงพยาบาลต้องมีวิธีการป้องกัน สร้างความเข้าใจ และประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ส่วนตัวแล้วไม่ยอมให้เรื่องนี้ผ่านไปได้


ด้าน นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ปี 2562 สงกรานต์ตีกันเยอะ มีการวิเคราะห์ข้อมูล และมีมาตรการ วางแผนผู้บริหารให้ความสำคัญ ดูแล สอดส่องความเรียบร้อย ปรับปรุงมาตรฐานห้องฉุกเฉินตามมาตรการที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กำหนด การแยกส่งผู้ป่วย และประสานการทำงานใกล้ชิดกับตำรวจ อัยการ การเพิ่มเวรยาม การกั้นไม่ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้ามา โดยเฉพาะคนเมา รวมถึงเพิ่มงบประมาณในการที่ผ่านมาพบว่าการดำเนินคดีทุกราย ทั้งอาญา แพ่ง การเสียทรัพย์ การทำร้ายร่างกาย ไม่มีละเว้น และต้องรายงานทุกเรื่องให้ผู้บริหารกระทรวงรับทราบ

นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ขนาดคนประวัติดียังหางานยาก แล้วถ้าคนที่ก่อความรุนแรงในห้องฉุกเฉิน จะมีประวัติอาชญากรรมติดตัวก็จะยิ่งเป็นอุปกสรรคในการหางานในอนาคต อย่างไรก็กรณีที่มีการเสนอให้เพิ่มโทษในกรณีนี้นั้น ตนไม่ขัดข้อง ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอขึ้นมา แต่ปัจจุบันคดีบุกรุกโรงพยาบาลตีกันในโรงพยาบาล ทำทรัพย์สินเสียหาย ทำร้ายบุคลากรทางการแพทย์ ทางอัยการจะบรรยายในสำนวนคดีส่งต่อศาลว่าเป็นพฤติกรรมท้าทาย ไม่เคารพ ไม่เกรงกลัวกฎหมายขอให้ศาลลงโทษสถานหนัก พร้อมส่งมอบหลักทานภาพถ่ายและคลิปวิดีโอ เพื่อให้ศาลใช้ดุลพินิจในการลงโทษ ซึ่งโทษมีตั้งแต่จำคุก 6 เดือนถึง10 ปี เมื่อเราเขียนว่าขอให้ลงโทษสถานหนักก็จะมีการลงโทษในขั้นสูง

นายโกศลวัฒน์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ตามกฎหมายจะมีโทษเกี่ยวกับการทำผิดซ้ำด้วย ดังนั้น หากผู้ก่อเหตุเคยกระทำผิดมาก่อน ทางอัยการก็ฟ้องขอให้มีการเพิ่มโทษ 3 เด้ง คือโทษที่กระทำครั้งล่าสุด โทษที่เคยทำผิดไว้และอยู่ระหว่างรอลงอาญา และโทษที่ไม่เข็ดหลาบ วันนี้ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการ ศาล พิจารณาไปในทางเดียวกันว่าการก่อความรุนแรงในโรงพยาบาลเป็นพฤติกรรมท้าทายกฎหมาย ไม่ยำเกรงกฎหมายจึงลงโทษสถานหนัก


อย่างไรก็ตามในกรณีที่ผู้ก่อเหตุเป็นเยาวชน ซึ่งปกติการลงโทษจะส่งไปควบคุมพฤติกรรมที่สถานพินิจ ตรงนี้ก็อาจจะส่งไปบำเพ็ญประโยชน์สาธารณะในโรงพยาบาลตำรวจ หรือโรงพยาบาลทหาร เพื่อช่วยเหลือภารกิจงานของโรงพยาบาลคู่กับการควบคุมความประพฤติด้วย ขณะที่ผู้ปกครองก็ต้องรับผิดด้วย ทั้งละเมิดและอาญาเพราะไม่ควบคุม ปล่อยปละละเลยบุตร และถ้าเป็นการทำผิดซ้ำพ่อ แม่จะถูกจำคุก 3 เดือนไม่รอลงอาญา หลังจากที่มีวลีที่มักใช้กับทุกกรณีที่เยาวชนเป็นผู้ก่อเหตุคือ “ลูกฉันเป็นคนดี” เพราะถ้าดีจริง ต้องรู้จักแยกตัวอออกจากสิ่งไม่ดี

พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 กล่าวว่า มูลนิธิส่งผู้ป่วยข้ามเขต อาจจะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ทราบ สิ่งที่อยาก จะฝากคือการติดตั้งกล้องวงจนปิดในพื้นที่โรงพยาบาลทั้งชั้นใน ชั้นกลาง และชั้นนอก ทั้งนี้ บางครั้งเกิดเหตุการณ์ขึ้น แล้วบุคลากรทางการแพทย์ ไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไร ดังนั้นควรมีพื้นที่ปลอดภัยไว้ด้วย รวมถึงการอบรมให้ความรู้มูลนิธิต่างๆ เพราะเป็นหน่วยแรกที่จะเข้าที่เกิดเหตุเพื่อนำคนเจ็บเข้าโรงพยาบาล ขณะที่เหตุการณ์คุกรุ่น เสนอโรงพยาบาลใช้ประตูเปิดปิดอัตโนมัติ ควรเป็นประตูที่ต้องกดเปิด ปิด .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย