กรุงเทพฯ 6 พ.ค. – กทม.คาดไม่เกิน 4-5 วันนี้ จบภารกิจการรื้อถอนและค้นหาผู้ติดค้างใต้ซากอาคาร สตง.พังถล่ม เผยล่าสุดเคลียร์พื้นที่บริเวณชั้นใต้ดินได้ทั้งหมดแล้ว
นายสุริยชัย ระวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ เปิดเผยความคืบหน้าการค้นหาผู้ติดค้าง และรื้อถอนซากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เขตจตุจักร ว่า วันนี้สามารถเปิดพื้นที่อาคาร สตง. ที่พังถล่มได้ถึงบริเวณชั้นใต้ดินได้ครบหมดแล้ว เหลือเพียงบริเวณที่ล้ม ถล่มไปด้านข้างบริเวณที่เป็นจุดทางเชื่อมกับอาคารจอดรถ บริเวณ โซน B2,3 ซึ่งอยู่ระหว่าการเร่งรื้อถอน โดยจะเป็นการทำงานที่บริเวณชั้น 1 ที่ต้องทำงานอย่างระมัดระวังเนื่องจากการใช้เครื่องจักรหนักอาจเพิ่มน้ำหนัก ซึ่งอาจทำให้เกิดเหตุพื้นยุบ ทรุดตัวได้ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน จะสามารถเคลียร์พื้นที่ได้ทั้งหมด ส่วนด้านการค้นหา ตลอดการปฏิบัติงานจนถึงเช้าวันนี้ ไม่พบผู้ติดค้างในเศษซากอาคารที่เหลืออยู่ แต่ต้องรอฟังผลการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลของชิ้นส่วนมนุษย์ 200 กว่าชิ้น ที่ได้ส่งให้สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ นำไปตรวจสอบ ว่าจะใช่ผู้สูญหายที่ยังอยู่ระหว่างการค้นหาหรือไม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และต้องรอการยืนยันผลอีกครั้งในภายหลัง
จากนั้น คณะของผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร พร้อมนายเอกวรัญญู อัมระปาล ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และโฆษกของกรุงเทพมหานคร นำคณะสื่อมวลชน ลงพื้นที่บริเวณชั้นใต้ดินที่ได้มีการรื้อถอนไปแล้วเมื่อวานนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าในสถานที่จริง โดยหลายจุด โดยเฉพาะในโซนสุดท้ายของการค้นหา คือชั้นใต้ดินของอาคารจอดรถ ที่เชื่อมต่ออาคาร 30 ชั้น


ด้านนายเอกวรัญญู เปิดเผยว่า จากการติดตามความคืบหน้าและผลการปฏิบัติงานตลอด 40 วันที่ผ่านมา หลังประเมินแล้วว่าในจุดที่นำคณะสื่อมวลชนเข้าไปนั้น มีความปลอดภัยในระดับหนึ่งแล้ว โดยนายไทวุฒิ ขันแก้ว ผู้อำนวยการสำนักการวางผังและพัฒนาเมือง กทม. เป็นผู้รายงานผลการดำเนินงานในจุดต่าง ๆ โดยระบุว่า ลักษณะของอาคารที่ถล่มเป็นอาคารสูง 30 ชั้น มีพื้นที่รวม 40×40 เมตร หรือประมาณ 50,000 ตารางเมตร มีลิฟท์ 10 ตัว และหลังจากเกิดเหตุการณ์ถล่มแล้ว โครงสร้างอคารมีการลาดเอียงไปทางด้านหลัง ซึ่งเป็นจุดที่เชื่อมต่อกับอาคารจอดรถ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าช่วงระหว่างที่ถล่มนั้นอาจมีคนวิ่งเข้ามาหาในส่วนของอาคารจอดรถด้วย จึงยังคงต้องมีการค้นหาในบริเวณนี้ต่อจนกว่าจะเคลียร์พื้นที่ได้แบบแล้วเสร็จ 100% ซึ่งจากการจำลองการหนีของคนส่วนใหญ่ของทุกชั้นจะวิ่งมาหาบันไดที่เป็นบันไดหนีไฟ ซึ่งเป็นจุดเดียวของอาคารที่เชื่อมระหว่างอาคาร 30 ชั้นกับอาคารจอดรถยนต์ จึงอาจมีผู้ติดค้างติดอยู่บริเวณเศษซากอาคารที่ถล่มลงมาในบริเวณจุดเชื่อมได้ ซึ่งสมมติฐานดังกล่าวยังสอดคล้องกับ ข้อเท็จจริงที่พื้นที่ที่พบผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่จะอยู่ในโซน C ตรงจุดที่คาดว่าเป็นช่วงบันไดหนีไฟ จึงคาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 2-3 วันจะค้นหาบริเวณชั้นใต้ดินแล้วเสร็จ และภายใน 4-5 วัน จึงจะแล้วเสร็จภารกิจ โดยในเบื้องต้นจะพยายามให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 10 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งการทำงานของเครื่องจักรทุกคันในวันนี้จะเน้นไปที่การทำงานบริเวณชั้นใต้ดินทั้งหมด
ทั้งนี้ จากข้อมูลที่ได้รับการยืนยันโดยสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ หน้ากองอำนวยการ ข้อมูล ณ เวลา 18.00 น. ของวานนี้ (5 พ.ค.) พบผู้เสียชีวิตแล้ว 87 ราย บาดเจ็บ 9 ราย และอยู่ระหว่างการติดตามอีก 13 ราย จากผู้ประสบเหตุทั้งหมด 109 ราย. -417-สำนักข่าวไทย