29 ก.ย. – ศธ. เร่งแก้ปัญหาเชิงระบบ จัดสรรเด็กเมียนมาจากศูนย์การเรียนมิตตาเย๊ะ บางกุ้ง จ.สุราษฎร์ธานี เข้าสู่โรงเรียนตามความพร้อมผู้เรียน
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ปฏิบัติหน้าที่โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีสั่งปิดศูนย์การเรียนมิตตาเย๊ะ บางกุ้ง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งขณะนี้จัดสรรที่เรียนที่สามารถรับเด็กต่างด้าวเข้าเรียนเกือบครบทุกคนแล้ว
นายสิริพงศ์ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) คำนึงเรื่องสิทธิการเข้าถึงการศึกษาขั้นพื้นฐานของเด็กทุกคนที่ควรได้รับ แต่เรื่องความมั่นคงต้องดูควบคู่กันด้วย วิธีปฏิบัติของที่เรียนทุกแห่งต้องอยู่ในระบบด้วยเช่นกัน ยืนยันว่าไม่เคยปิดกั้นการเรียนรู้ของเด็กต่างด้าว ที่ผ่านมา ศธ. ตกเป็นจำเลยสังคมเพราะละเว้นและอะลุ้มอล่วย เนื่องจากประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องเปราะบาง เมื่อเปิดศูนย์การเรียนในประเทศไทยต้องอิงหลักสูตรแกนกลางของไทยเป็นหลัก รวมถึงการปฏิบัติที่ต้องทำตามขั้นตอนให้ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นจะเดินหน้าต่อกันไม่ได้
ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้ผู้รับผิดชอบดูแลประเด็นนี้เข้มข้น โดยศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ลงพื้นที่หาข้อเท็จจริง พบว่าการเปิดศูนย์การเรียนรู้ดังกล่าวไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ที่กำหนดถึงสิทธิในการจัดการการศึกษาพื้นฐานในประเทศไทย ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง เพื่อให้ตรงตามมาตรฐานคุณภาพการศึกษา จึงจะสามารถเปิดการเรียนการสอนได้ หรือหากต้องการจัดตั้งโรงเรียนเอกชนในประเทศไทย ต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550 ซึ่งเป็นกฎหมายหลักที่ควบคุมการจัดตั้งและบริหารโรงเรียนเอกชน มีข้อกำหนดเกี่ยวกับการขออนุญาตจัดตั้งโรงเรียน การบริหารโรงเรียน คุณสมบัติของผู้จัดการโรงเรียนและครู มาตรฐานการศึกษาที่ต้องปฏิบัติตาม และต้องได้รับการอนุมัติจาก ศธ. เพื่อให้การบริหารจัดการเป็นไปตามมาตรฐาน มีคุณภาพและสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ
นอกจากนี้ รมว.ศธ. กำชับแต่ละสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาให้เร่งสำรวจฐานข้อมูล และดำเนินการให้ถูกต้องและรวดเร็ว จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นโอกาสที่ ศธ. จะกำหนดนโยบายเพื่อเร่งวางแนวทางให้ทุกหน่วยงานที่ต้องการเปิดศูนย์การศึกษาลักษณะนี้ ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดจะเป็นหน่วยงานหลักในการให้ข้อแนะนำการขอจัดตั้งศูนย์การศึกษา เพื่อให้เป็นวิธีปฏิบัติเดียวกันทั้งประเทศ จะได้ไม่เกิดปัญหาซ้ำรอยขึ้นอีก
ทั้งนี้ ศธ. โดยสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประสานกับสถานศึกษาที่มีความประสงค์และมีความพร้อมสามารถรับเด็กต่างด้าวเข้าเรียน จากกรณีสั่งปิดศูนย์การเรียนมิตตาเย๊ะ บางกุ้ง และเด็กต่างด้าวที่ไม่อยู่ในระบบการศึกษา โดยขณะนี้ได้จัดสรรที่เรียนให้เด็กทุกคนในระยะเร่งด่วนแล้ว ทั้งในโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) สังกัดกรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) และสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อให้เด็กเข้าถึงสิทธิด้านการศึกษาอย่างเท่าเทียม
นายสิริพงศ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของศูนย์ฯ มิตตาเย๊ะ ศธ. และหน่วยงานในพื้นที่ ร่วมกันจัดสรรเด็กเข้าสู่ระบบการศึกษาได้เกือบทั้งหมดแล้ว เหลือเด็กเพียงบางส่วนที่ไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ ตรงนี้ต้องส่งเขาไปปรับพื้นฐานด้านภาษาก่อน โดยจะส่งเด็กกลุ่มนี้ไปเรียนภาษาไทยที่สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัด ซึ่งมีภารกิจด้านนี้อยู่แล้ว เพื่อให้เด็กสามารถเข้าสู่โรงเรียนในระบบแล้วเรียนรู้เรื่อง และจากนี้เราจะให้คำแนะนำที่ถูกต้องด้านกฎหมายกับมูลนิธิหรือหน่วยงานใดๆ ก็ตามที่ต้องการเปิดศูนย์การจัดการศึกษา เราไม่ได้ขัดข้องหรือกีดกัน แต่ขอให้ดำเนินการอย่างถูกกฎหมาย เพราะท้ายที่สุดแล้วคนที่ได้ประโยชน์จริงๆ ก็คือเด็ก เยาวชน และประเทศชาติ.416-สำนักข่าวไทย