กรุงเทพฯ 9 พ.ย. – ประธานสหพันธ์ขนส่งฯ เชื่อสติกเกอร์ดาวตัวอักษร B แปะหน้ารถบรรทุกเป็นส่วยสติกเกอร์ ทำใช้เฉพาะในกลุ่ม ให้วิ่งบรรทุกน้ำหนักเกิน-นอกเวลาได้ ราคาตามตกลงมีทั้งแบบรายเดือน และเหมาตามโปรเจกต์ เผยหลังแฉปัญหาส่วยสติกเกอร์ลดลงไป 60% แต่ยังมีทำอยู่อีก 40% ทั่วประเทศ
นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์ขนส่งแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์เชื่อว่ารถบรรทุกที่เกิดเหตุบนถนนสุขุมวิท 64/1 และปรากฏสติกเกอร์รูปดาว ตัวอักษร B เป็นส่วยสติกเกอร์แน่นอน และอธิบายว่า รถบรรทุกที่ตั้งใจทำผิด ก่อนจะเข้ามาวิ่งก็จะต้องเคลียร์ท้องที่ที่จะต้องผ่านให้ครบ ทั้งเคลียร์เพื่อให้บรรทุกน้ำหนักเกินได้ และเพื่อให้เข้าพื้นที่ กทม.โดยไม่ติดเวลา ซึ่งจะเป็นสัญลักษณ์อักษรย่อ จะตั้งเป็นอะไรก็ได้ ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็น ชื่อย่อใคร ก็ให้ตำรวจไปตามต่อ โดยเมื่อเคลียร์ผ่านแล้วมีสัญลักษณ์สติกเกอร์ที่รู้กันกับเจ้าหน้าที่ แต่สติกเกอร์นี้แตกต่างจากที่เคยแฉ ตรงที่เชื่อว่าเป็นการทำขึ้นใช้เฉพาะกลุ่มของตัวเอง ไม่ได้ทำขายเหมือนกรณีปัญหาที่แฉส่วยสติกเกอร์ก่อนหน้านี้
อีกช่องโหว่คือเมื่อเข้ามาในพื้นที่ กทม.ไม่มีการตรวจสอบน้ำหนักรถบรรทุกเกิน อย่างเมื่อคืนนี้ผู้ว่าฯ กทม. ก็ได้โทรมาสอบถามเรื่องการทดสอบชั่งน้ำหนัก และความเห็นในแนวทางแก้ปัญหา ซึ่งตนก็เห็นด้วยหาก กทม.จะนำเทคโนโลยีการตรวจจับน้ำหนักรถบรรทุกเกิน และได้แนะนำไปว่า การติดตั้งเครื่องตรวจจับควรฝังตามทางขึ้นสะพาน เพราะการจะทดสอบน้ำหนัก รถต้องช้า เพื่อจะคำนวณน้ำหนักได้ และได้ฝากให้ทาง กทม. มีการออกบทลงโทษเรื่องรถบรรทุกน้ำหนักเกินให้รุนแรงจะได้ไม่กล้าทำผิด
ซึ่งตามกฎหมาย รถสิบล้อวิ่งในเมือง ต้องไม่เกิน 25 ตัน พร้อมแนะวิธีสังเกตจากกระบะของรถบรรทุกปกติจะมีคอกสูงขึ้นมาประมาณ 50-60 ซม. จากนั้นจะมีระแนงด้านข้างขึ้นมา แต่ถ้าระแนงขึ้นมาสูงจนปิดถึงผ้าใบที่คลุม คาดการณ์ว่าอาจบรรทุกเกิน โดยราคาที่ผ่านเข้า กทม.อยู่ที่ตกลงระหว่างผู้รับกับผู้จ่าย ราคาอาจคิดเป็นรายเดือน หรือเหมาตามโปรเจกต์ 20 วัน 30 วัน ก็แล้วแต่ที่จะขับเข้ามา บาง สน. ราคาอาจไม่เท่ากันก็ได้ ซึ่งปัญหาที่พบตอนนี้เกี่ยวข้องกับในพื้นที่จะเข้ามาในกรุงเทพฯ ซึ่งอย่างที่ตนบอกมาเสมอว่าถนนกรุงเทพที่พัง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปัญหารถบรรทุกเกิน นอกจากนี้ยังเปิดเผยว่าหลังจากที่มีการออกมาแฉเรื่องส่วนสติกเกอร์และตำรวจกวดขันทั่วประเทศ พบร้องเรียนปัญหาส่วนสติกเกอร์ลดลงไป 60% ยังเหลืออีก 40% ที่ยังมีอยู่
โดยวันนี้ประธานสหพันธ์ขนส่งแห่งประเทศไทย ได้มาที่อาคารรัฐสภา เพื่อประชุมร่วมกับอนุกรรมการ แก้ไขปัญหาทางกฎหมายที่เกี่ยวกับการขนส่งทางบกและป้องกันการเรียกรับผลประโยชน์โดยเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเป็นการประชุมในครั้งที่ 2 และวันนี้ก็ได้มีการรวบรวมปัญหา โดยรวบรวมข้อร้องเรียนจากผู้ประกอบการรถบรรทุกที่ถูกรีดไถ และปัญหาเรื่องส่วย โดยปัญหาร้องเรียนอันดับ 1.การบรรทุกน้ำหนักเกิน 2.การค้าสำนวน 3.การโดนใบสั่ง หรือโดนอายัดนอกพื้นที่ และ 4.เรื่องส่วยรถยก รถเคลื่อนย้าย ในพื้นที่อุบัติเหตุ เป็นต้น. -สำนักข่าวไทย