ยื่นหลักฐานส่วยรถบรรทุกให้ “วิโรจน์”

พรรคก้าวไกล 1 มิ.ย.- สมาพันธ์รถบรรทุกฯ ยื่นหลักฐานส่วยรถบรรทุก แฉมีให้เบอร์โทรหานาย จ่ายส่วยราคาสติกเกอร์ตั้งแต่ 3,000-20,000 บาท/เดือน “วิโรจน์” เผยมีทั้ง ตร.ทางหลวง จราจร ภูธรมีเอี่ยว


นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย พร้อมเครือข่าย และสมาพันธ์รถบรรทุกฯ 30 คน เข้ายื่นหนังสือต่อนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล เพื่อมอบเอกสารและคลิปหลักฐานการจ่ายเงิน และรายชื่อตำรวจที่เกี่ยวข้องกับส่วยรถบรรทุก

นายอภิชาติ กล่าวว่า ยุทธวิธีของการมีส่วยเกิดมาตั้งแต่ปี 2539 แล้ว และพัฒนาเพิ่มความรุนแรงมาจนกระทั่งปัจจุบัน ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา เคยมีสื่อฯ เผยแพร่เรื่องนี้ ก็พักไประยะหนึ่ง และกลับพัฒนามากขึ้น ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาเคยร้องเรียนทั้งนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตำรวจทางหลวง แต่ไม่ได้รับการแก้ไข ที่ผ่านมาประสบปัญหาหลากหลาย ถูกข่มขู่ โดยรถบรรทุกทั้งหมด ในส่วนของสมาชิกมีอยู่ 4 แสนกว่าคัน จาก 1 ล้านกว่าคัน ได้ทำ MOU ว่าจะทำถูกกฎหมาย แต่กลับถูกกลั่นแกล้งเรียกตรวจ จนกว่าจะพบความผิด จากเดิมมี 4-5 ป้าย ปัจจุบันมี 40-50 ป้าย ซึ่งตนมีคลิปเรียกรับเงิน มีการออกสติกเกอร์ ตนจะมอบรายละเอียดช็อตเด็ดๆ ให้นายวิโรจน์ ทั้งนี้ สติกเกอร์มีราคาตั้งแต่ 3,000-20,000 บาท/เดือน


“รถบรรทุกซึ่งจดทะเบียนกับโครงการขนส่งทางบก อยู่ที่ 1,500,000 คัน เราเป็นหนึ่งในสามของขบวนการนี้ ผมขอยืนยันว่า สมาชิกไม่มีใครทำผิดกฎหมาย

ส่วนที่เหลือประมาณ 20% ที่ทำผิดและต้องซื้อสติกเกอร์ โดยมีราคาตั้งแต่อนุบาล ประถม มัธยม และมหาวิทยาลัย 3,000-5,000 บาท 6,000-8,000 บาท 10,000-15,000 บาท และ 20,000 ระดับพรีเมียม” นายอภิชาติ กล่าว

นายอภิชาติ กล่าวด้วยว่า วิธีการจำหน่ายสติกเกอร์ส่วย จะมีตำรวจระดับล่าง ตั้งแต่นายสิบ นายดาบ มาเรียกรถให้จอด และให้เบอร์โทรศัพท์ บอกว่าให้โทรไปเคลียร์กับเจ้านาย เราก็ไม่รู้ว่าเจ้านายไหน แต่ในองค์กรสหพันธ์ไม่มีการเคลียร์ พอบอกเช่นนี้ รถ 1 คัน จะมีความผิดหมดเลยแล้วแต่จะตั้งมา เช่น ไฟราวรถบรรทุกกำหนดไว้ 5 ดวง แต่รถรุ่นใหม่ที่ผลิตมาสามารถติดไฟเพื่อป้องกันอุบัติเหตุได้ ถ้าเพิ่มมาอีก 2 ดวง ก็ถูกตำรวจออกใบสั่ง 5,000 บาท เราต่อสู้เรื่องนี้มาตลอด จึงไม่ยอม


นายอภิชาติ กล่าวว่า ถ้าขับรถไปต่างจังหวัด จะต้องผ่านจังหวัดต่างๆ มีลิมิตซิตี้ ความเร็ว กล้อง CCTV จะต้องมีความเร็วกำหนดอยู่ แต่มีลิมิตซิตี้โชว์น้อยมาก แล้วมีเอาต์ซอร์ซ คอยจับความเร็ว ได้รับค่าใบสั่งต่อ 1 ใบ 20 บาท โดยที่ไม่ได้บอกว่าความเร็วในแต่ละพื้นที่ใช้ได้ไม่เกินเท่าไหร่ บางจังหวัดกำหนดไว้ ห้ามเกิน 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง บางจังหวัดกำหนดไว้ ห้ามเกิน 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง เงินค่าปรับ 1,000 บาท ตำรวจได้ 70% มีรางวัลชี้จับ 15% = 85% ที่เหลือ 15% ส่งเข้าคลัง และตรงนี้เหมือนกับส่วยซ่อนรูป เหมือนการขุดบ่อล่อปลา โดยไม่มีการปรากฏแจ้งป้ายซิตี้ลิมิตขึ้นมา และสิ่งที่เห็นทุกวันนี้ รถบรรทุกปกติมีกฎหมายให้วิ่งเลนซ้าย แต่รถวิ่งเลนขวา จะวิ่งได้เพราะมีค่าเคลียร์ 1,500 บาท ซึ่งทุกถนนมีแต่สวยซ่อนรูป

ขอยืนยันว่า การขนส่งเป็นหัวใจสำคัญ เป็นเหมือนเส้นเลือดใหญ่ เพราะถ้าการขนส่งไม่ราบรื่น สินค้าอุปโภคบริโภคที่จะไปยังภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งในกรุงเทพมหานครก็จะติดขัด และถ้ายังมีระบบส่วยอยู่ จะทำให้ต้นทุนค่าขนส่งสูงขึ้น และยังมีปัญหาเรื่องพลังงาน ซึ่งรัฐบาลชุดที่แล้วไม่สามารถทำให้ ราคาค่าขนส่งลดลง ยิ่งทำให้ค่าขนส่งเพิ่มสูงขึ้นอีก

“ผมมีความปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่ง เพราะที่ผ่านมาไม่สามารถขจัดปัญหานี้ได้ จากอดีตที่ผ่านมาร้องเรียนไปทุกกรมกอง ไม่มีความคืบหน้า แต่พอคุณวิโรจน์มาพูด 3-4 วัน กลับมีการย้ายผู้การทางหลวง อยู่ที่คนที่ทำงานก็มีความเข้าใจจริงหรือเปล่าวันก่อนในอดีตที่ผ่านมามีแต่หลอกเรา ถ้าวันนี้ท่านวิโรจน์พูดคุยกับเราและรับฟัง  ปัญหาก็น่าจะนำไปสู่การแก้ไข” นายอภิชาติ กล่าว

นายอภิชาติ กล่าวว่า ส่วนรถอ้อย ที่เป็นปัญหารถบรรทุกน้ำหนักเกินนั้น เห็นว่ารถอ้อยวิ่งอยู่แค่ 4 เดือน ระยะทางไม่เกิน 100 กิโลเมตร แต่ถ้ากฎหมายออกมาแล้ว อยากให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล หารือกับสมาคมชาวไร่อ้อยด้วย เพื่อหาจุดลงตัวให้พอดี จะได้ไม่มีปัญหาในภายหลัง

นายอภิชาติ กล่าวด้วยว่า จากใจประชาชนฝากไปถึงวุฒิสภา ขอให้ช่วยกรุณาสนับสนุนการฟอร์มรัฐบาลโดยพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย และอีกหลายพรรค และเศรษฐกิจจะเดินไปด้วยดี เพราะเราจมปลักอยู่ตรงนี้มานานเกือบ 10 ปีแล้ว

ด้านนายวิโรจน์ กล่าวว่า จากข้อมูลที่ได้ ไม่ใช่เฉพาะตำรวจทางหลวง แต่มีตำรวจภูธรและตำรวจจราจรบางคน จึงขอส่งสัญญาณไปยังผู้เกี่ยวข้องด้วย เพราะตอนนี้ตำรวจบางคนที่เป็นปัญหาได้ยุติบทบาทไปชั่วคราวแล้ว แต่ยังไม่ยุติถาวรเลยหรือไม่ ส่วนตำรวจภูธรที่ดูแลด้านจราจรยังชะล่าใจว่าเรื่องราวเหล่านี้จะยังไม่มาถึง จึงขออนุญาตส่งสัญญาณไป รวมทั้งสำนักงานควบคุมน้ำหนักยานพาหนะ ก็มีส่วนเกี่ยวพันด้วย โดยข้อมูลที่ได้ทั้งหมด จะต้องถึงมือ ผบ.ตร. จเรตำรวจ และรักษาการผู้บังคับการตำรวจทางหลวง

ดังนั้น เห็นว่าเรื่องนี้ต้องแก้ไขปัญหาทั้งระบบ ต้องยกเลิกการซื้อขายตำแหน่ง ยกเลิกระบบตั๋วให้ได้ การแก้ไขปัญหาก็จะเป็นไปอย่างยั่งยืน ซึ่งยืนยันว่าจะขับเคลื่อนเรื่องนี้พร้อมกับสมาคมฯ ต่อไป  

“คนที่จะรู้ว่าตำรวจคนไหนใหญ่ขนาดไหนที่รับส่วย มันอยู่ในบ้านท่าน ผมเชื่อว่าท่านจเรตำรวจแห่งชาติและผู้การที่มารักษาการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว น่าจะหาได้ไม่ยาก” นายวิโรจน์ กล่าว

นายวิโรจน์ กล่าวด้วยว่า สำหรับมูลค่าความเสียหายจากส่วยรถบรรทุกประมาณ 2 แสนคัน ความเสียหายระดับ 1,000 ล้านบาท/เดือน และถ้าต่อปี น่าจะถึง 10,000 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” นำค้นวัดไร่ขิง 3 จุด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด

นครปฐม 16 พ.ค.-“บิ๊กเต่า” นำกำลังตำรวจกองปราบบุกค้นวัดไร่ขิง 3 จุด หาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เอี่ยวคดียักยอกเงินวัด 300 ล้าน พร้อมนำหมายค้นบ้านประชาชน 1 จุด ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่วัด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด เวลา 07.00 น. พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ตรวจค้นภายในวัดไร่ขิงพระอารามหลวง มีทั้งหมด 3 จุด และบริเวณโดยรอบอีก 1 จุด ซึ่งจุดแรกในวัดไร่ขิงคือกุฏิของพระธรรมวชิรานุวัตร หรือเจ้าคุณแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงและเจ้าคณะภาค 14 โดยมีผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงเป็นผู้ที่นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในกุฎิ พร้อมสังเกตการณ์ ทันทีที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการถึงบริเวณหน้ากุฎิเจ้าอาวาส ได้ให้ตำรวจอ่านหมายค้น เพื่อเข้าตรวจสอบและยึดสิ่งของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการกระทำความผิด ทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปใช้ประกอบหลักฐานการสอบสวนไต่สวนมูลฟ้องในการพิจารณาความผิด ขณะที่พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากการอ่านหมายค้น ว่า วันนี้เป็นการตรวจค้นเกี่ยวกับเส้นเงินที่ไหลไปตามบัญชีต่างๆ มีใครเกี่ยวข้องบ้าง ต้องมีการเรียกสอบรายบุคคลพร้อมกับการตรวจค้น โดยหลักๆ ส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเส้นเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ โดยมุ่งเน้นไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ […]

2 ผู้ต้องหามอบตัว คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์ม

ตรัง 16 พ.ค. – หัวหน้าแก๊ง พร้อมลูกน้องอีก 1 คน ก่อเหตุเผานั่งยาง 3 ศพในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ติดต่อขอมอบตัว หวั่นถูกวิสามัญ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังไล่ล่า เช้านี้ ตำรวจ สภ.โคกนา เจ้าของพื้นที่คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ได้รับการประสานจากอดีตสมาชิกสภาจังหวัด ในพื้นที่อำเภอสิเกาว่า จะนำตัว 2 ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว คือ นายศุภกรณ์ หรือบิน อายุ 37 ปี ชาวตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง และนายจรณชัย หรือแต้ม อายุ 32 ปี ชาวหมู่ 7 ตำบลน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองคน กังวลเรื่องความปลอดภัย หากหลบหนีต่อไป เกรงถูกวิสามัญฆาตกรรม หลังเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ระดมปิดล้อมบ้านเขาหลัก […]

ลงนามถอดถอน “เจ้าคุณแย้ม” จากทุกตำแหน่ง

15 พ.ค.- เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ลงนามถอดถอน “เจ้าคุณแย้ม” จากหน้าที่ทุกตำแหน่ง เหตุถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวข้องกับคดีอาญา สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ลงนามในหนังสือ คำสั่งถอดถอนพระสังมาธิการ พระธรรมวชิรานุวัตร พักจากตำแหน่งหน้าที่ทุกตำแหน่ง ทั้งเจ้าคณะภาค 14 และ เจ้าอาวาสวัดไร่ชิงพระอารามหลวง หลังจากทราบเรื่องว่าถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวข้องกับคดีอาญา จึงได้อาศัยอำนาจตามความในข้อ 56 แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ. 2553) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังมาธิการ ออกตามความในพระราชบัญญัติคุณะสูงณ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเดิมโดยพระราชบัญญัติคณะสงน์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 ให้เหตุผลว่า ถ้าจะให้คงอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ในระหว่างการสอบสวนจะเป็นการเสียหายแก่การคณะสงฆ์ .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดไร่ขิงยอมสึก คำให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี

15 พ.ค.- เจ้าอาวาสวัดไร่ขิงยอมลาสิกขาด้วยตัวเอง หลังถูกเค้นสอบนานกว่า 8 ชม. เบื้องต้นยอมให้การแล้ว คำให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ช่วงหนึ่งของการสอบปากคำ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้อุ้มพระพุทธรูป ปางสมาธิองค์สีดำ ถือเข้าไปไปยังห้องสอบสวนที่สอบปากคำพระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม เจ้าคณะภาค 14 สังเกตพบว่ามีการนำพระพุทธรูปวางไว้บนโต๊ะบริเวณด้านหน้าของ พระธรรมวชิรานุวัตร โดยมีรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่า พระธรรมวชิรานุวัตร ยอมทำพิธีลาสิกขาบทด้วยตัวเอง แต่ยังไม่เริ่มพิธีเนื่องจากรอชุดเสื้อผ้าเปลี่ยนหลังทำพิธีลาสิกขาบทแล้วเสร็จ ส่วนการสอบปากคำ เบื้องต้นทางพระธรรมวชิรานุวัตร ยอมให้การกับพนักงานสอบสวนแล้ว และให้การไปในทิศทางที่ดี ซึ่งปรากฏว่าทางพระธรรมวชิรานุวัตร ได้โอนเงินไปให้กับผู้ต้องหาที่ 2 เป็นจำนวนเงินหลักร้อยล้านบาท ในช่วงปี 2564 ซึ่งข้อมูลนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบปากคำหาข้อเท็จจริง ว่ามีการทำธุรกรรมด้วยสาเหตุใด แต่พบบางส่วนเข้าไปพัวพันกับเว็บการพนัน .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ผนังโรงงานถล่มทับรถยนต์เสียหาย 7 คัน-เจ็บเล็กน้อย 1 คน

ชลบุรี 16 พ.ค. – ผนังอาคารโรงงานแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ อ.พานทอง จ.ชลบุรี ถล่มทับรถยนต์ที่จอดอยู่ด้านข้างเสียหายรวม 7 คัน และพนักงานบาดเจ็บเล็กน้อย 1 คน ผนังอาคารพังถล่มที่บริษัทแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ อ.พานทอง จ.ชลบุรี โดยส่วนที่พังเป็นฝาผนังที่ต่อเติมยื่นออกมาของอาคารชั้น 2 ถล่มลงมาทับรถยนต์ที่จอดอยู่ด้านข้าง เสียหายรวม 7 คัน เบื้องต้นมีพนักงานบริษัทเป็นหญิงได้รับบาดเจ็บ 1 คน บริษัทนำส่งโรงพยาบาล สอบถามพนักงานบริษัทเล่าว่า ได้ยินเสียงตึ้มเลยพากันวิ่งออกมา ตอนแรกนึกว่าเสียงฟ้า โดยตรงนั้นเป็นอาคารฝ่ายบุคคล จะไม่มีคนไปนอน ด้านผู้กำกับการ สภ.พานทอง เปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย วิศวกรบริษัทเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว และบริษัททำประกันภัยไว้ คงไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งต้องประเมินความเสียหายทั้งอาคารและรถยนต์ที่เสียหาย เพื่อชดใช้ตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย

2 ผู้ต้องหามอบตัว คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์ม

ตรัง 16 พ.ค. – หัวหน้าแก๊ง พร้อมลูกน้องอีก 1 คน ก่อเหตุเผานั่งยาง 3 ศพในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ติดต่อขอมอบตัว หวั่นถูกวิสามัญ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังไล่ล่า เช้านี้ ตำรวจ สภ.โคกนา เจ้าของพื้นที่คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ได้รับการประสานจากอดีตสมาชิกสภาจังหวัด ในพื้นที่อำเภอสิเกาว่า จะนำตัว 2 ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว คือ นายศุภกรณ์ หรือบิน อายุ 37 ปี ชาวตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง และนายจรณชัย หรือแต้ม อายุ 32 ปี ชาวหมู่ 7 ตำบลน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองคน กังวลเรื่องความปลอดภัย หากหลบหนีต่อไป เกรงถูกวิสามัญฆาตกรรม หลังเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ระดมปิดล้อมบ้านเขาหลัก […]

นายกฯ ร่วมพิธีวางพวงมาลาอนุสาวรีย์วีรชนและผู้เสียสละบั๊กเซิน

เวียดนาม 16 พ.ค.-นายกฯ ร่วมพิธีวางพวงมาลาอนุสาวรีย์วีรชนและผู้เสียสละบั๊กเซิน รวมทั้งสุสานโฮจิมินห์ เน้นย้ำไทยให้ความสำคัญประวัติศาสตร์และมิตรภาพกับเวียดนาม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมพิธีวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์วีรชนและผู้เสียสละบั๊กเซิน ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานสำคัญที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมของนักปฏิวัติผู้เสียสละชีวิต เมื่อปี ค.ศ. 1940 ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของขบวนการต่อสู้ของเวียดนามภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์ โดยตั้งอยู่บนถนนบั๊กเซิน (Bạch Sơn Street) ในพื้นที่ใกล้กับจัตุรัสบาดิ่งห์ โดยออกแบบในสไตล์ศิลปะสังคมนิยม ที่ประกอบด้วยกลุ่มรูปปั้นนักรบปฏิวัติ แสดงถึงความกล้าหาญและความสามัคคีของนักต่อสู้เพื่อเอกราชของเวียดนาม หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินทางต่อไปยังสุสานโฮจิมินห์ ตั้งอยู่ที่จัตุรัสบาดิ่งห์ สถานที่ซึ่งอดีตผู้นำโฮจิมินห์เคยอ่านคำประกาศเอกราชของเวียดนามในปี ค.ศ.1945 ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมทรงอนุสรณ์สถาน โดยใช้หินอ่อนและหินแกรนิตคุณภาพสูง ผสมผสานระหว่างศิลปะสังคมนิยม กับเอกลักษณ์เวียดนาม โดยโฮจิมินห์เป็นบุคคลสำคัญของเวียดนาม ผู้ได้รับการยกย่องในฐานะ “บิดาแห่งชาติ” ที่นำพาประเทศสู่การประกาศเอกราช และเป็นผู้ประกาศก่อตั้งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ทั้งนี้ การเข้าร่วมพิธีวางพวงมาลา ณ สถานที่สำคัญของเวียดนามครั้งนี้ แสดงถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยและเวียดนาม ตลอดจนการให้ความสำคัญต่อประวัติศาสตร์และการเมืองของประเทศพันธมิตรที่สำคัญของไทยอย่างเวียดนาม จากนั้น เวลา 10.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะจะเข้าร่วมประชุมหารือทวิภาคีกลุ่มเล็ก กับนายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ณ ทำเนียบรัฐบาล.-314.-สำนักข่าวไทย

“เปรมชัย” นั่งวีลแชร์ เข้ามอบตัว กรณีตึกกำลังสร้าง สตง. ถล่ม

กทม. 16 พ.ค.-“เปรมชัย” ผู้บริหารบริษัทอิตาเลียนไทย นั่งวีลแชร์ เข้ามอบตัวพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ กรณีตึกกำลังสร้าง สตง. ถล่ม ด้านวิศวกร ผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง ทยอยเข้ามอบตัวเช่นกัน เวลา 08.00 น. นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประมูลโครงการก่อสร้างหลัก อาคาร สตง.แห่งใหม่ ซึ่งพังถล่มเมื่อวันที่ 28 มีนาคม จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว และตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ฐาน “เป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุม หรือทำการก่อสร้าง ซ่อมแซมหรือรื้อถอนอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ หรือวิธีการอันพึงกระทำการนั้นๆ โดยประการที่น่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 227 , 238 นายเปรมชัย นั่งวีลแชร์ มีพยาบาลส่วนตัวประกบ เดินทางมาที่ สน.บางซื่อ พร้อมทนายความและญาติ เพื่อเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้บริหารบริษัทกิจการร่วมค้า รวมถึงกลุ่มวิศวกร อีก 13 […]