พรรคก้าวไกล 1 มิ.ย.- สมาพันธ์รถบรรทุกฯ ยื่นหลักฐานส่วยรถบรรทุก แฉมีให้เบอร์โทรหานาย จ่ายส่วยราคาสติกเกอร์ตั้งแต่ 3,000-20,000 บาท/เดือน “วิโรจน์” เผยมีทั้ง ตร.ทางหลวง จราจร ภูธรมีเอี่ยว
นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย พร้อมเครือข่าย และสมาพันธ์รถบรรทุกฯ 30 คน เข้ายื่นหนังสือต่อนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล เพื่อมอบเอกสารและคลิปหลักฐานการจ่ายเงิน และรายชื่อตำรวจที่เกี่ยวข้องกับส่วยรถบรรทุก
นายอภิชาติ กล่าวว่า ยุทธวิธีของการมีส่วยเกิดมาตั้งแต่ปี 2539 แล้ว และพัฒนาเพิ่มความรุนแรงมาจนกระทั่งปัจจุบัน ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา เคยมีสื่อฯ เผยแพร่เรื่องนี้ ก็พักไประยะหนึ่ง และกลับพัฒนามากขึ้น ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาเคยร้องเรียนทั้งนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตำรวจทางหลวง แต่ไม่ได้รับการแก้ไข ที่ผ่านมาประสบปัญหาหลากหลาย ถูกข่มขู่ โดยรถบรรทุกทั้งหมด ในส่วนของสมาชิกมีอยู่ 4 แสนกว่าคัน จาก 1 ล้านกว่าคัน ได้ทำ MOU ว่าจะทำถูกกฎหมาย แต่กลับถูกกลั่นแกล้งเรียกตรวจ จนกว่าจะพบความผิด จากเดิมมี 4-5 ป้าย ปัจจุบันมี 40-50 ป้าย ซึ่งตนมีคลิปเรียกรับเงิน มีการออกสติกเกอร์ ตนจะมอบรายละเอียดช็อตเด็ดๆ ให้นายวิโรจน์ ทั้งนี้ สติกเกอร์มีราคาตั้งแต่ 3,000-20,000 บาท/เดือน
“รถบรรทุกซึ่งจดทะเบียนกับโครงการขนส่งทางบก อยู่ที่ 1,500,000 คัน เราเป็นหนึ่งในสามของขบวนการนี้ ผมขอยืนยันว่า สมาชิกไม่มีใครทำผิดกฎหมาย
ส่วนที่เหลือประมาณ 20% ที่ทำผิดและต้องซื้อสติกเกอร์ โดยมีราคาตั้งแต่อนุบาล ประถม มัธยม และมหาวิทยาลัย 3,000-5,000 บาท 6,000-8,000 บาท 10,000-15,000 บาท และ 20,000 ระดับพรีเมียม” นายอภิชาติ กล่าว
นายอภิชาติ กล่าวด้วยว่า วิธีการจำหน่ายสติกเกอร์ส่วย จะมีตำรวจระดับล่าง ตั้งแต่นายสิบ นายดาบ มาเรียกรถให้จอด และให้เบอร์โทรศัพท์ บอกว่าให้โทรไปเคลียร์กับเจ้านาย เราก็ไม่รู้ว่าเจ้านายไหน แต่ในองค์กรสหพันธ์ไม่มีการเคลียร์ พอบอกเช่นนี้ รถ 1 คัน จะมีความผิดหมดเลยแล้วแต่จะตั้งมา เช่น ไฟราวรถบรรทุกกำหนดไว้ 5 ดวง แต่รถรุ่นใหม่ที่ผลิตมาสามารถติดไฟเพื่อป้องกันอุบัติเหตุได้ ถ้าเพิ่มมาอีก 2 ดวง ก็ถูกตำรวจออกใบสั่ง 5,000 บาท เราต่อสู้เรื่องนี้มาตลอด จึงไม่ยอม
นายอภิชาติ กล่าวว่า ถ้าขับรถไปต่างจังหวัด จะต้องผ่านจังหวัดต่างๆ มีลิมิตซิตี้ ความเร็ว กล้อง CCTV จะต้องมีความเร็วกำหนดอยู่ แต่มีลิมิตซิตี้โชว์น้อยมาก แล้วมีเอาต์ซอร์ซ คอยจับความเร็ว ได้รับค่าใบสั่งต่อ 1 ใบ 20 บาท โดยที่ไม่ได้บอกว่าความเร็วในแต่ละพื้นที่ใช้ได้ไม่เกินเท่าไหร่ บางจังหวัดกำหนดไว้ ห้ามเกิน 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง บางจังหวัดกำหนดไว้ ห้ามเกิน 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง เงินค่าปรับ 1,000 บาท ตำรวจได้ 70% มีรางวัลชี้จับ 15% = 85% ที่เหลือ 15% ส่งเข้าคลัง และตรงนี้เหมือนกับส่วยซ่อนรูป เหมือนการขุดบ่อล่อปลา โดยไม่มีการปรากฏแจ้งป้ายซิตี้ลิมิตขึ้นมา และสิ่งที่เห็นทุกวันนี้ รถบรรทุกปกติมีกฎหมายให้วิ่งเลนซ้าย แต่รถวิ่งเลนขวา จะวิ่งได้เพราะมีค่าเคลียร์ 1,500 บาท ซึ่งทุกถนนมีแต่สวยซ่อนรูป
ขอยืนยันว่า การขนส่งเป็นหัวใจสำคัญ เป็นเหมือนเส้นเลือดใหญ่ เพราะถ้าการขนส่งไม่ราบรื่น สินค้าอุปโภคบริโภคที่จะไปยังภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งในกรุงเทพมหานครก็จะติดขัด และถ้ายังมีระบบส่วยอยู่ จะทำให้ต้นทุนค่าขนส่งสูงขึ้น และยังมีปัญหาเรื่องพลังงาน ซึ่งรัฐบาลชุดที่แล้วไม่สามารถทำให้ ราคาค่าขนส่งลดลง ยิ่งทำให้ค่าขนส่งเพิ่มสูงขึ้นอีก
“ผมมีความปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่ง เพราะที่ผ่านมาไม่สามารถขจัดปัญหานี้ได้ จากอดีตที่ผ่านมาร้องเรียนไปทุกกรมกอง ไม่มีความคืบหน้า แต่พอคุณวิโรจน์มาพูด 3-4 วัน กลับมีการย้ายผู้การทางหลวง อยู่ที่คนที่ทำงานก็มีความเข้าใจจริงหรือเปล่าวันก่อนในอดีตที่ผ่านมามีแต่หลอกเรา ถ้าวันนี้ท่านวิโรจน์พูดคุยกับเราและรับฟัง ปัญหาก็น่าจะนำไปสู่การแก้ไข” นายอภิชาติ กล่าว
นายอภิชาติ กล่าวว่า ส่วนรถอ้อย ที่เป็นปัญหารถบรรทุกน้ำหนักเกินนั้น เห็นว่ารถอ้อยวิ่งอยู่แค่ 4 เดือน ระยะทางไม่เกิน 100 กิโลเมตร แต่ถ้ากฎหมายออกมาแล้ว อยากให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล หารือกับสมาคมชาวไร่อ้อยด้วย เพื่อหาจุดลงตัวให้พอดี จะได้ไม่มีปัญหาในภายหลัง
นายอภิชาติ กล่าวด้วยว่า จากใจประชาชนฝากไปถึงวุฒิสภา ขอให้ช่วยกรุณาสนับสนุนการฟอร์มรัฐบาลโดยพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย และอีกหลายพรรค และเศรษฐกิจจะเดินไปด้วยดี เพราะเราจมปลักอยู่ตรงนี้มานานเกือบ 10 ปีแล้ว
ด้านนายวิโรจน์ กล่าวว่า จากข้อมูลที่ได้ ไม่ใช่เฉพาะตำรวจทางหลวง แต่มีตำรวจภูธรและตำรวจจราจรบางคน จึงขอส่งสัญญาณไปยังผู้เกี่ยวข้องด้วย เพราะตอนนี้ตำรวจบางคนที่เป็นปัญหาได้ยุติบทบาทไปชั่วคราวแล้ว แต่ยังไม่ยุติถาวรเลยหรือไม่ ส่วนตำรวจภูธรที่ดูแลด้านจราจรยังชะล่าใจว่าเรื่องราวเหล่านี้จะยังไม่มาถึง จึงขออนุญาตส่งสัญญาณไป รวมทั้งสำนักงานควบคุมน้ำหนักยานพาหนะ ก็มีส่วนเกี่ยวพันด้วย โดยข้อมูลที่ได้ทั้งหมด จะต้องถึงมือ ผบ.ตร. จเรตำรวจ และรักษาการผู้บังคับการตำรวจทางหลวง
ดังนั้น เห็นว่าเรื่องนี้ต้องแก้ไขปัญหาทั้งระบบ ต้องยกเลิกการซื้อขายตำแหน่ง ยกเลิกระบบตั๋วให้ได้ การแก้ไขปัญหาก็จะเป็นไปอย่างยั่งยืน ซึ่งยืนยันว่าจะขับเคลื่อนเรื่องนี้พร้อมกับสมาคมฯ ต่อไป
“คนที่จะรู้ว่าตำรวจคนไหนใหญ่ขนาดไหนที่รับส่วย มันอยู่ในบ้านท่าน ผมเชื่อว่าท่านจเรตำรวจแห่งชาติและผู้การที่มารักษาการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว น่าจะหาได้ไม่ยาก” นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ กล่าวด้วยว่า สำหรับมูลค่าความเสียหายจากส่วยรถบรรทุกประมาณ 2 แสนคัน ความเสียหายระดับ 1,000 ล้านบาท/เดือน และถ้าต่อปี น่าจะถึง 10,000 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย