กรุงเทพฯ 15 ต.ค.-มูลค่ากินเจปีนี้โตขึ้น แพทย์แนะผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) กินเจหากไม่ระวัง อาจทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายและอาจทำให้โรคที่เป็นอยู่รุนแรงขึ้นได้
นายแพทย์ภควัต ตั้งจาตุรนต์รัศมี แพทย์ทางด้านโภชนาการ โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า อาหารเจเป็นอาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ซึ่งอาจรวมถึงไข่และนมด้วย เพราะฉะนั้นในช่วงเทศกาลกินเจ หลายคนจึงมักไปเน้นการกินผักและผลไม้เป็นหลัก
อย่างไรก็ตามอาหารเจส่วนใหญ่มักมีการประกอบอาหารด้วยการผัด ทอด และปรุงรสชาติที่เข้มข้น ซึ่งอาจเป็นอันตรายกับผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคเบาหวาน, โรคความดันโลหิตสูง, โรคไตวายเรื้อรังได้ ดังนั้น ผู้ป่วยกลุ่มโรคดังกล่าวควรกินเจอย่างระมัดระวัง หลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นปัจจัยทำให้โรครุนแรงขึ้น
คำแนะนำการกินเจสำหรับผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
-ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด ควรเลือกกินอาหารเจที่มีไขมันต่ำ เช่น อาหารเจต้ม ผัด นึ่ง ย่าง หลีกเลี่ยงอาหารเจทอด
-ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ควรเลือกกินอาหารเจที่มีน้ำตาลต่ำ เช่น อาหารเจต้ม ผัด นึ่ง ย่าง หลีกเลี่ยงอาหารเจที่มีน้ำตาลสูง เช่น ขนมหวานเจ น้ำหวานเจ
-ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและโรคไตวายเรื้อรัง ควรเลือกกินอาหารเจที่มีโซเดียมต่ำ เช่น อาหารเจต้ม ผัด นึ่ง ย่าง หลีกเลี่ยงอาหารเจที่มีโซเดียมสูง เช่น อาหารเจสำเร็จรูป อาหารเจกระป๋อง
ผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังควรได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างครบถ้วน เช่น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามินและแร่ธาตุ เพื่อส่งผลดีต่อสุขภาพในระยะยาว หากจำเป็นต้องกินเจ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์หรือนักกำหนดอาหารเพื่อขอคำแนะนำในการกินเจที่เหมาะสมกับโรคของตัวเอง
ทั้งนี้ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดการณ์ว่าในช่วงเทศกาลกินเจปีนี้(14-23ต.ค.)เงินจะสะพัด 44,558 ล้านบาท ขยายตัว 5.5%เหตุเศรษฐกิจฟื้นตัวมีผลต่อการใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 4,587 บาท สูงสุดในรอบ 16 ปี นับตั้งแต่มีการสำรวจในปี 2551.-สำนักข่าวไทย