กสพท. 8 ส.ค.-กสพท.เผยการรับสมัครแพทย์-ทันต-สัตวแพทย์-เภสัชกร ประจำปี 2567 หลักเกณฑ์เหมือนเดิม แต่หลักสูตรทันตแพทย์ เปิดโอกาสให้เด็กสายอื่นเข้าศึกษาต่อได้ ปีนี้รับ 2,380 คน ยันแม้มีปัญหาหมอลาออก ไม่จำเป็นต้องรับเพิ่ม เพราะปัญหาคือการกระจายตัวของแพทย์
รศ.นพ.สรนิต ศีลธรรม ประธานอนุกรรมการสอบคัดเลือก กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.) แถลงการสอบ คัดเลือกเข้าศึกษาหลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิต, หลักสูตรทันตแพทย์ศาสตร์บัณฑิต, สัตวแพทย์บัณฑิตและหลักสูตรเภสัชศาสตร์บัณฑิตประจำปี 2567 มีรวม 18 สถาบัน กับจำนวนทั้งสิ้น 2,380 คน ซึ่งในปีนี้หลักเกณฑ์และคุณสมบัติของผู้สอบยังคงเหมือนเดิมทุกประการ แตกต่างเพียงการสอบคัดเลือกของหลักสูตรทันตแพทย์ศาสตร์บัณฑิตที่เปลี่ยนแปลงเปิดกว้างไม่จำกัด แผนการเรียน เดิมระบุสอบเฉพาะคนที่เรียนแผนกวิทยาศาสตร์เท่านั้น ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบสัดส่วนของ จำนวนผู้ศึกษาต่อในกลุ่ม กสพท. เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่ผ่านมา มีผู้สมัคร 2,308 คน โดยจำนวนของการรับสมัครที่เพิ่มขึ้นมาจากการเพิ่ม 4 สาขาวิชาการ ได้แก่ คณะแพทย์ศาสตร์ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์, คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น, คณะทันตแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยธนบุรีและมหาวิทยาลัยสยาม ซึ่งการสอบวิชาเฉพาะ หรือ TPAT 1 ซึ่งเป็นวิชาเฉพาะของ กสพท. จะเปิดรับสมัครสอบในวันที่ 1- 20 กันยายน 2566 และจะดำเนินการสอบในวันที่ 16 ธันวาคม 2566 ส่วนค่าสมัครสอบยังคงอัตราเดิมที่ 800 บาท
ทั้งนี้สัดส่วนของการสอบเข้าศึกษาต่อยังสถาบันแพทย์ทั้ง 18 สถาบันนั้น จะแบ่งสัดส่วนเป็นวิชา TPAT 1 ร้อยละ 30 วิชาสามัญร้อยละ 70 พร้อมกันนี้ในการสอบทาง กสพท. ยังได้จัดห้องสอบไว้สำหรับผู้ที่ติดเชื้อโควิดโดยเฉพาะ แม้ว่าสถานการณ์ในขณะนี้อัตราการติดเชื้อจะลดลงก็ตาม
รศ.นพ.สรนิต ยังได้กล่าวถึง ปัญหาและภาระงานของแพทย์ รวมถึงการลาออกระหว่างการใช้ทุนของแพทย์ว่า ปัจจุบันการทำงานของแพทย์ยังคงเหมือนเดิมภาระงานไม่ได้แตกต่างไปจากเดิม การคงแพทย์ไว้ในระบบ หรือการเพิ่มแพทย์ไม่ใช่การแก้ปัญหา ปัจจุบันการรับแพทย์เข้าศึกษาต่อมีการคำนวณเข้ากับอัตราส่วนของประชากรอยู่แล้ว แต่ปัญหาที่พบในปัจจุบันเป็นเรื่องของการกระจายตัวของบุคลากรทางการแพทย์ที่กระจุกตัวอยู่ในเขตเมืองเป็นหลัก การรับแพทย์เพิ่มจึงไม่ใช่ทางออกของการแก้ไขปัญหา โดยปัจจุบันแพทย์หนึ่งคนใช้งบลงทุนโดยรัฐให้การสนับสนุนในการศึกษาต่อคน ปีละ 300,000 บาท แพทย์หนึ่งคนเรียน 6 ปี ใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท สำหรับสัดส่วนของแพทย์ที่ลาออกระหว่างการใช้ทุนยังคงพบว่าไม่ได้มากไปกว่าเดิม แต่ไม่สามารถลงลึกในรายละเอียดได้.-สำนักข่าวไทย