กทม.รื้อระบบฝึกซ้อมดับเพลิงใหม่เปลี่ยนเป็นซ้อมแห้ง

กรุงเทพฯ 24 มิ.ย. – กทม.รื้อระบบฝึกซ้อมดับเพลิงใหม่เปลี่ยนเป็นซ้อมแห้ง ตรวจสอบถังแดงในชุมชนทุกจุดต้องได้มาตรการความปลอดภัย


(24 มิ.ย.66) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุถังดับเพลิงระเบิดระหว่างซ้อมดับเพลิงที่โรงเรียนราชวินิต มัธยม​​ เขตดุสิต

รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนนี้ทางตำรวจก็ได้สอบปากคำเจ้าหน้าที่ของเราทั้งหมดแล้ว ในส่วนการดำเนินการของ กทม. เมื่อเช้านี้ได้เรียกหน่วยงานทั้งหมดมา โดยให้ยุติการซ้อมทั้งหมด จนกว่าอุปกรณ์ทั้งหมดจะได้รับการตรวจเช็ก ขอชี้แจงว่า อุปกรณ์ที่ใช้ในการซ้อมเมื่อวานนี้ที่เป็นถังคาร์บอนไดออกไซด์ ไม่ใช่ถังที่อยู่ในชุมชนและสถานที่ราชการที่เราติดไว้ ถังคาร์บอนไดออกไซด์เป็นถังที่จะถูกเก็บไว้ที่สถานีดับเพลิงของเรา ซึ่งตอนนี้ถูกเรียกเก็บทั้งหมด และไม่ให้มีการซ้อมโดยใช้ถังคาร์บอนไดออกไซด์ และสัปดาห์หน้าจะเริ่มให้ทางสถานีดับเพลิงทุกสถานี และสำนักงานเขต ร่วมกับประธานชุมชน ลงตรวจพื้นที่ทั้งหมดที่มีถังดับเพลิงที่เป็นถังเคมีแห้งอยู่ หากเป็นถังเก่า ใช้ไม่ได้ หรือถังที่ประชาชนอาจไม่มั่นใจ จะให้ทำการเก็บทั้งหมด ส่วนถังที่ได้มาตรฐานและมีการทดสอบพร้อมการเติมสารเคมีให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้


สำหรับการซ้อมดับเพลิงให้หยุดทั้งหมด และออกขั้นตอนในการตรวจสอบที่เรียกว่า visual inspection คือ การตรวจสอบในเบื้องต้น โดยอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) ชุมชน ประชาชน และเจ้าหน้าที่ อาทิ การดูเกจ์วัดค่าความดัน สลัก ความกรอบของสายดับเพลิง ขนาด ความบวมของถัง สนิมที่ถัง เป็นต้น ถ้าพบสามารถแจ้งย้ายถังกับสำนักงานเขตพื้นที่ สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ซึ่งมีความกังวลใจ พบถังดับเพลิงที่มีลักษณะไม่ปลอดภัย สามารถแจ้งผ่านทาง Traffy Fondue

รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวต่อไปว่า หากจะกลับมาฝึกซ้อม จะรื้อระบบการฝึกซ้อมทั้งหมด ต่อไปนี้เป็นการซ้อมแห้ง ที่ไม่มีการฉีดพ่น เป็นการใช้ถังเปล่าที่ไม่มีการอัดแรงดันใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าซ้อมกับโรงเรียนหรือนักเรียนที่ต้องการความปลอดภัยสูง ใช้เกณฑ์การเว้นระยะ ไม่อนุญาตให้มีการซ้อมในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม การใช้อุปกรณ์ในการซ้อมต้องได้มาตรฐานและผ่านการตรวจสอบทุกครั้ง ปรับการฝึกซ้อมให้เป็นการให้ความรู้โดยปลอดภัย และจะร่วมมือกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ปรับมาตรฐานความปลอดภัยทั้งหมด โดยการใช้มาตรฐานร่วมกัน

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวด้วยว่า ถังที่ใช้ฝึกซ้อมมีแรงดันสูงมากกว่า 800 PSI ถังทั่วไปที่อยู่ในชุมชนจะเป็นถังเคมีแห้ง แรงดัน 190 PSI เรียกได้ว่าข้อแตกต่างคือ ถังแบบเคมีแห้งจะมีเกจ์ที่วัดความดันอยู่ แต่ถังที่ใช้ซ้อมไม่มีเกจ์ จะใช้วิธีวัดน้ำหนักเอา จะมีวาล์วที่ปล่อยเวลาเกิดความดันสูง ถังที่เราซื้อให้สำหรับการฝึกซ้อม อันนี้ก็คงต้องใช้ถังที่ได้มาตรฐาน เพราะถังนี้ต้องมีการตรวจสอบทุก 5 ปี มีการทดสอบด้วยแรงดันไฮโดรสแตติก ก็คืออัดแรงน้ำเข้าไปให้เกินค่ามาตรฐานกี่เท่า เพื่อให้มั่นใจว่าตัวนี้จะรองรับได้อยู่ ต้องปรับแล้วก็ได้สั่งการให้ทำบัญชีของถังทั้งหมด ต่อไปจะมีระบบ GPS ให้รู้เลยว่าชุมชนนี้มีถังอยู่ที่ไหนบ้าง แต่ละถังตรวจสอบเมื่อไหร่ คือเราใช้เป็นระบบที่ขึ้นพิกัด GPS ทำให้เราสามารถตรวจสอบได้ง่ายขึ้น ก็จะให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการชุมชน ร่วมกับอาสาสมัครเทคโนโลยี ในการเอาผังพวกนี้ขึ้น ซึ่งเริ่มทำแล้วบางที่ในเขตบางกอกใหญ่ พอเราได้ทั้งหมดทุกชุมชนแล้วขยายไปยังชุมชนอื่น เมื่อประกอบร่างกันหลายชุมชน ก็จะเห็นถังทั้งกรุงเทพฯ เลยว่า ถังแดงอยู่ตรงไหนบ้าง จะรู้ว่าถังนี้หมดอายุเมื่อไหร่ แล้วก็ตรวจสอบล่าสุดเมื่อไหร่ นำพวกเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น


รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวอีกว่า ถังดับเพลิงที่มีอยู่ ถ้าเป็นถังปฏิบัติการจะเป็นถังที่สั่งซื้อทั้งหมดอยู่แล้ว ส่วนถังที่ใช้ในการฝึกซ้อม มีทั้งถังที่เราสั่งซื้อ ส่วนอีกจำนวนหนึ่งซึ่งเจ้าหน้าที่ไปเป็นวิทยากร แล้วได้รับการสนับสนุนมา หรือมีการซื้อถังเพื่อให้จำนวนมีมากพอกับความต้องการในการฝึกซ้อม จึงมีถังที่ถูกจัดซื้อในลักษณะนี้อยู่ ที่ไม่ใช่การจัดซื้อโดยตรงจากงบประมาณของ กทม. อย่างไรก็ตาม แม้เป็นถังที่ซื้อมาเพื่อฝึกซ้อม สาธิต ก็ต้องซื้อตามมาตรฐานที่กำหนด

รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวด้วยว่า สำหรับเจ้าหน้าที่ที่ถูกดำเนินคดีทั้งหมด ขณะนี้ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อให้สอดคล้องกับที่ทางตำรวจมีสำนวนมา อีกทั้งยังรอสำนวนของพิสูจน์หลักฐานอยู่ด้วย เพื่อระบุให้แน่ชัดว่าเป็นความผิดในลักษณะไหน เป็นการปฏิบัติงานในหน้าที่แล้วทำตามมาตรฐานอย่างที่ควรจะเป็นหรือไม่ ซึ่งตอนนี้ทางพิสูจน์หลักฐานยังไม่ได้ส่งข้อมูลให้ แต่จะมีการเกาะติดเรื่องนี้และไม่ปล่อยแน่นอน ไม่ว่าจะเกิดจากประมาทเลินเล่อ ไม่ว่าจะเกิดจากการที่ไม่ดำรงอยู่ในมาตรฐานการฝึก ทางคณะกรรมการสอบสวนจะทำการอย่างรัดกุมและเคร่งครัดที่สุด ไม่ลดหย่อน

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของการฝึกซ้อมที่โรงเรียนราชวินิต มีหนังสือขอความสนับสนุนมาจากโรงเรียนชัดเจน และมีการอนุมัติจาก ผอ.สปภ. ซึ่งการขอความสนับสนุนการฝึกซ้อมก็เคยมีมาอยู่แล้ว จากที่ได้คุยกับพนักงานดับเพลิงหลายคน ทุกคนบอกว่าไม่เคยมีกรณีถังคาร์บอนไดออกไซด์ระเบิดแบบนี้ ซึ่งเหตุการณ์นี้ทาง กทม.ก็รับไม่ได้เช่นกัน เพราะเรามีหน้าที่ดูแลประชาชน แต่ประชาชนต้องมาบาดเจ็บเสียชีวิตจากการดำเนินการ หรืออุปกรณ์ที่เรานำไปสอน ต้องตรวจสอบให้ละเอียด และต้องเกิดขึ้นอีกไม่ได้เลยในอนาคต

เรื่องการเยียวยาผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต มีเงินเยียวยา แต่ไม่ใช่จำนวนมาก เพราะเป็นไปตามระเบียบราว 29,700 บาท สำหรับผู้เสียชีวิต ส่วนผู้ประสบภัย 4,000 บาท ที่เรียกว่าค่าปลอบขวัญ ส่วนการรักษาพยาบาล โรงพยาบาลกรุงเทพมหานครออกให้ทั้งหมด แต่เงินเท่าไรก็ไม่มีทางคุ้มกับชีวิตของน้องที่เสียไป. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก บอกสื่อ “คิดถึงนะคะ”

สนามหลวง 12 ส.ค.- “แพทองธาร” ยิ้ม ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก ก่อนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน บอกสื่อฯ “คิดถึงนะคะ” ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคู่สมรส ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 ส.ค.2568 ณ ท้องสนามหลวง ทันทีที่พบผู้สื่อข่าว นางสาวแพทองธาร หันมาพูดเพียงสั้น ๆ ว่า “คิดถึงนะ” ผู้สื่อข่าวจึงพยายามสอบถามเรื่องกระแสข่าวการลาออกจากตำแหน่ง ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสิน คดีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งนางสาวแพทองธาร ยิ้มและไม่ตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ หรือสุดท้ายจะอยู่ รวมถึงขอให้ยืนยันว่าจะลาออกหรือไม่ ซึ่งนางสาวแพทองธาร ไม่ได้ตอบคำถาม และเดินทางขึ้นรถทันที.-315 -สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” นำทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันแม่แห่งชาติ

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา “พระพันปีหลวง” 12 สิงหาคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานองคมนตรีและภริยา คณะองคมนตรีและภริยา ประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญ หน่วยราชการในพระองค์ คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพและภริยา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและภริยา ปลัดกระทรวงทุกกระทรวง และผู้แทนภาคเอกชน ร่วมพิธี โดยเมื่อนายภูมิธรรม เดินทางถึงปะรำพิธีท้องสนามหลวง สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน 10 รูป ขึ้นนั่งอาสน์สงฆ์ นายภูมิธรรม จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ถวายคำนับและถวายธูปเทียนแพหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เจ้าหน้าที่อาราธนาศีล สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน […]

เตือนทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง ‘ตะวันออก’ หนักสุด

กทม. 12 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง เตือนภาคตะวันออกรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “โพดุล” (PODUL) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไต้หวัน และเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกของประเทศจีนในช่วงวันที่ 13 – 14 ส.ค. โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย