ไทย-ภูฏาน เร่งพัฒนาโครงสร้างการจัดตั้งศูนย์ส่องกล้องโรคทางเดินอาหาร

28 เม.ย. – ราชอาณาจักรไทย ร่วมกับราชอาณาจักรภูฏาน เร่งพัฒนาโครงสร้างการจัดตั้งศูนย์ส่องกล้องโรคทางเดินอาหารในราชอาณาจักรภูฏาน ครอบคลุมการคัดกรองประชาชนทั่วประเทศ


กรมการแพทย์ โดยโรงพยาบาลราชวิถี เผยปัญหาสุขภาพโลกมีความซับซ้อนและมีขอบเขตที่กว้างไกล อีกทั้งมีการเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างประชากรสู่ประชากรสูงอายุและด้านระบาดวิทยาของโรค ทำให้มีโรคเพิ่มขึ้นจากทั้งโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและโรคติดต่อจากเชื้ออุบัติใหม่ นอกจากนี้การระบาดของโรคโควิด-19 ยังส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของโลกในหลายมิติ ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินงานด้านสุขภาพโลกของไทยสามารถตอบสนองต่อบริบทดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงต้องมีการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านสุขภาพโลกเชิงรุกให้มากยิ่งขึ้น โดยการพัฒนาสมรรถนะของบุคลากรและขีดความสามารถของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้สุขภาพโลกเป็นเครื่องมือในการพัฒนาประเทศให้มีความมั่นคง

นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีกลไกขับเคลื่อนประเทศในหลายรูปแบบ รวมทั้งการประชุมในระดับต่างๆ โดยเฉพาะความรู้ทางวิชาการแพทย์ที่มีการปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว และเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาด้านสาธารณสุขภายในประเทศและในภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยเฉพาะราชอาณาจักรภูฏานที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศไทยมานาน ทั้งในระดับราชวงศ์ รัฐบาล และประชาชน โดยกระทรวงสาธารณสุขของทั้งสองประเทศได้ลงนามความร่วมมือด้านสาธารณสุขในการสร้างความเข้มแข็งและพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางการแพทย์ร่วมกัน เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ในราชอาณาจักรภูฏานมีความเข้มแข็งทัดเทียมนานาอารยะประเทศ โดยบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับใหม่ได้มีการลงนามเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2561 แทนที่ฉบับเดิมซึ่งได้ลงนามความร่วมมือกันมานานกว่า 30 ปี (ความร่วมมือด้านสาธารณสุขฉบับเก่า พ.ศ.2530) เพื่อกระชับความร่วมมือในสาขาเดิม และขยายสาขาความร่วมมือใหม่ใน 11 สาขา ได้แก่ การควบคุมโรค อาหารปลอดภัยและการทดสอบคุณภาพยา การแพทย์ดั้งเดิม ผลิตภัณฑ์ยาและเครื่องสำอาง การรับรองคุณภาพห้องปฏิบัติการ ทรัพยากรบุคคลด้านสาธารณสุข การประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ การให้บริการด้านการบำบัดและรักษายาเสพติด การวิจัยและการศึกษาด้านการแพทย์ ระบบการกำกับดูแลยาของประเทศ และสาขาความร่วมมืออื่นๆ นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือด้านการศึกษาในสาขาการแพทย์และการสาธารณสุขเพื่อสนับสนุนการสร้างศักยภาพในการดำเนินงาน สร้างเสริมความเข้มแข็งของการสร้างหลักประกันสุขภาพของประเทศภูฏาน รวมถึงความร่วมมือในการส่งผู้ป่วยที่มีภาวะซับซ้อนมารักษาต่อที่ประเทศไทย และการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรทางการแพทย์เฉพาะทางในสาขาที่ขาดแคลน เช่น แพทย์เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ โรคไต และโรคทางเดินอาหาร เป็นต้น


นพ.จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กล่าวเพิ่มเติมว่า ศูนย์ส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร โรงพยาบาลราชวิถี ได้เพิ่มบทบาทในการเป็น National Policy Advocacy โดยเฉพาะกับบทบาทการพัฒนาด้านการดูแลรักษาเฉพาะทาง ที่ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการแพทย์ในการรักษาผู้ป่วยโรคทางเดินอาหารด้วยการส่องกล้องให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ภายในประเทศอย่างต่อเนื่องในทุกเขตสุขภาพ มากกว่า 100 โรงพยาบาลทั่วประเทศ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่ทีมบุคลากรทางการแพทย์ภายในประเทศให้มีความเชี่ยวชาญและสามารถตรวจรักษาผู้ป่วยโรคระบบทางเดินอาหารได้ในเขตสุขภาพ เพื่อลดการส่งต่อมารักษาในกรุงเทพมหานคร ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างเท่าเทียม และพัฒนากลไกการให้บริการด้านการรักษาประชาชนอย่างมีคุณภาพ ดำเนินการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางวิชาการแพทย์เพื่อจะได้เกิดเป็นเครือข่ายที่ยั่งยืน สอดคล้องตามภารกิจและยุทธศาสตร์ของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

นอกจากนี้ยังได้ดำเนินการถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการแพทย์และร่วมกันพัฒนาองค์ความรู้ให้กับต่างประเทศ ได้แก่ ประเทศพม่า ลาว กัมพูชา อินโดนิเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม สิงคโปร์ อินเดีย ฮ่องกง เกาหลี ญี่ปุ่น และราชอาณาจักรภูฏาน ที่ได้ส่งทีมศัลยแพทย์ที่ขาดแคลนในประเทศเข้ารับการศึกษาหลักสูตรเฉพาะทางด้านการผ่าตัด และการส่องกล้องในระบบทางเดินอาหาร เพื่อนำไปพัฒนาประเทศในการป้องกันและยับยั้งโรคระบบทางเดินอาหารซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะราชอาณาจักภูฏานที่ส่งทีมแพทย์เข้ามาศึกษาหลักสูตรเฉพาะทางโรคระบบทางเดินอาหารในโรงพยาบาลราชวิถีในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาเพื่อนำไปพัฒนาโครงสร้างศูนย์ส่องกล้องโรคทางเดินอาหารในประเทศของตนเองให้มีความเข้มแข็ง โดยโรงพยาบาลราชวิถีมีภารกิจหลักที่ให้การช่วยเหลือในทุกมิติเพื่อให้โครงสร้างด้านสาธารณสุขในราชอาณาจักรภูฏานมีความเข้มแข็งและประชาชนทุกระดับเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างเท่าเทียมกัน

นพ.ทวี รัตนชูเอก ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคระบบทางเดินอาหาร ศูนย์ส่องกล้องทางเดินอาหาร และกลุ่มงานศัลยศาสตร์ โรงพยาบาลราชวิถี กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการ Thai-Bhutan Laparoscopic Endoscopic Surgery มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะให้ความช่วยเหลือราชอาณาจักรภูฏานในการพัฒนาทางโครงสร้างด้านการตรวจคัดกรองและรักษาผู้ป่วยโรคทางเดินอาหารด้วยการส่องกล้อง การผ่าตัด ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านสาธารณสุขของทั้งสองประเทศในการร่วมกันพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การเข้าถึงบริการทางการแพทย์ของประชาชนในราชอาณาจักรภูฏาน ให้ความรู้ทางวิชาการแพทย์ และเพิ่มบทบาทการพัฒนาแพทย์ส่องกล้องโรคระบบทางเดินอาหาร รวมทั้ง การให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์ความรู้ การพัฒนากำลังคน และเพิ่มขีดความสามารถขององค์กรในการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านสุขภาพโลกเชิงรุกได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องตามแผนยุทธศาสตร์โรงพยาบาลราชวิถีในการเป็นสถาบันต้นแบบทางการแพทย์ (Excellent Institute) และสอดคล้องตามแผนปฏิบัติราชการกรมการแพทย์ในการทำงานแบบเปิดกว้างและเชื่อมโยง (Open platform organization) อีกทั้ง เป็นการตอบสนองโครงการความร่วมมือเครือข่ายทางการแพทย์เฉพาะทางภายใต้แฟลตฟอร์มด้านวิชาการ/บริการทางการแพทย์กับต่างประเทศ (Global Health) ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ อีกด้วย. -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“แพทองธาร” ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก บอกสื่อ “คิดถึงนะคะ”

สนามหลวง 12 ส.ค.- “แพทองธาร” ยิ้ม ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก ก่อนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน บอกสื่อฯ “คิดถึงนะคะ” ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคู่สมรส ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 ส.ค.2568 ณ ท้องสนามหลวง ทันทีที่พบผู้สื่อข่าว นางสาวแพทองธาร หันมาพูดเพียงสั้น ๆ ว่า “คิดถึงนะ” ผู้สื่อข่าวจึงพยายามสอบถามเรื่องกระแสข่าวการลาออกจากตำแหน่ง ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสิน คดีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งนางสาวแพทองธาร ยิ้มและไม่ตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ หรือสุดท้ายจะอยู่ รวมถึงขอให้ยืนยันว่าจะลาออกหรือไม่ ซึ่งนางสาวแพทองธาร ไม่ได้ตอบคำถาม และเดินทางขึ้นรถทันที.-315 -สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” นำทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันแม่แห่งชาติ

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา “พระพันปีหลวง” 12 สิงหาคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานองคมนตรีและภริยา คณะองคมนตรีและภริยา ประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญ หน่วยราชการในพระองค์ คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพและภริยา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและภริยา ปลัดกระทรวงทุกกระทรวง และผู้แทนภาคเอกชน ร่วมพิธี โดยเมื่อนายภูมิธรรม เดินทางถึงปะรำพิธีท้องสนามหลวง สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน 10 รูป ขึ้นนั่งอาสน์สงฆ์ นายภูมิธรรม จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ถวายคำนับและถวายธูปเทียนแพหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เจ้าหน้าที่อาราธนาศีล สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน […]

เตือนทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง ‘ตะวันออก’ หนักสุด

กทม. 12 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง เตือนภาคตะวันออกรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “โพดุล” (PODUL) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไต้หวัน และเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกของประเทศจีนในช่วงวันที่ 13 – 14 ส.ค. โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

เสียงสะท้อนจากวีรบุรุษแนวหน้าถึงแนวหลัง

11 ส.ค. – แม้สถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชาเหมือนจะดีขึ้น แต่ยังวางใจไม่ได้ เช่นข่าวทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บอีก 3 นาย วันนี้จะพาไปดูความพร้อมของหน่วยแพทย์ในการดูแลทหารของชาติในฐานะวีรบุรุษ พร้อมข้อคิดจากจ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญชูกล้า หรือจ่าเต้ 1 ในวีรบุรุษ ฝากถึงแนวหลัง.-สำนักข่าวไทย