นครปฐม30มี.ค.-สภามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยมีมติเลือก “พระเทพวัชรเมธี” เป็นอธิการบดี มมร อีกสมัย
พระมหาฉัตรชัย สุฉตฺตชโย รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย หรือ มมร ในฐานะเลขานุการสภามหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ตามที่ พระเทพวัชรเมธี อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ได้ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2562 และจะครบวาระสี่ปี สภามหาวิทยาลัยจึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาอธิการบดีตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย โดยมีเจ้าประคุณ สมเด็จพระพุทธพจนวชิรมุนี วัดเครือวัลย์ เป็นประธานกรรมการคณะกรรมการสรรหาอธิการบดีได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้เสนอชื่อ พระเทพวัชรเมธี เป็นอธิการบดี มมร อีกวาระหนึ่ง และในการประชุมสภามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมาได้มีมติเห็นชอบ จากนี้ จะได้ดำเนินการนำความกราบทูลเจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช เพื่อขอรับพระบัญชาแต่งตั้งต่อไป
สำหรับการพิจารณาแต่งตั้งอธิการบดีครั้งนี้ สภามหาวิทยาลัยได้พิจารณาทิศทางการพัฒนามหาวิทยาลัย โดยเฉพาะการจัดกลุ่มสถาบันอุดมศึกษา กลุ่มพัฒนาปัญญาและคุณธรรมด้วยหลักศาสนาที่มุ่งเน้นการพัฒนาด้านการศึกษาและวิจัยทางพระพุทธศาสนาสู่ระดับสากล สร้างและพัฒนาศาสนทายาทที่มีศักยภาพสูง ส่งเสริมการสร้างสังคมวิถีพุทธและความสามัคคีของคนในชาติ ตลอดจนบูรณาการศาสตร์และศิลป์สมัยใหม่เพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่เหมาะสมกับบริบทสังคมยุคดิจิทัล จึงได้พิจารณาเห็นว่า พระเทพวัชรเมธี เป็นผู้มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์เหมาะสม โดยได้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมาแล้ววาระหนึ่ง ได้พัฒนาระบบบริหารงานภายในอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้เกิดความก้าวหน้าเป็นที่ประจักษ์ อีกทั้งยังสามารถสนองงานคณะสงฆ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พระเทพวัชรเมธี (สมคิด จินฺตามโย) ปัจจุบันอายุ 53 ปี ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และผู้ช่วยเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เกิดที่อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง อุปสมบท ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เมื่อปีพุทธศักราช 2533 โดยมีเจ้าประคุณ สมเด็จพระพุทธปาพจนบดี อดีตเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็นพระอุปัชฌาย์ และ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เป็นพระภิกษุที่มีผลงานทางด้านวิชาการพระพุทธศาสนาและการบริหารการศึกษา นอกจากนี้ในการดำรงตำแหน่งวาระที่ผ่านมา ยังได้ปรับโครงสร้างองค์กรและพัฒนามหาวิทยาลัยให้ก้าวหน้าไปมาก ทั้งยังมีผลงานวิชาการสำคัญคือ คืนธรรมชาติสู่ธรรม (Green Buddhism for Sustainable Development) และกระบวนทัศน์พระพุทธศาสนาในโลกดิจิทัล (Buddhist Paradigms in the Digital World) ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายอีกด้วย .-สำนักข่าวไทย