กรุงเทพฯ 18 มี.ค. – แพทย์แผนไทยฯ ปฏิบัติสายฟ้าแลบ หลังประชาชนแจ้งเบาะแสรถเร่ขายช่อดอกกัญชา ย่านสุขุมวิท 11 ผิดกฎหมายสมุนไพรควบคุม (กัญชา) 2565
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมมือกับสถานีตำรวจนครบาลลุมพินี กรุงเทพฯ ลงพื้นที่กวดขัน จับกุม ผู้ประกอบการรถเร่ แผงลอย กรณีจำหน่ายช่อดอกกัญชา พื้นที่เขตปทุมวัน ซอยสุขุมวิท 11 ในเขตความรับผิดชอบของ สน.ลุมพินี หลังประชาชนร้องเรียน พบผู้กระทำผิดกฎหมาย ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องสมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. 2565 จำนวน 2 ราย จับทันที สั่งปรับ รอลงอาญา 2 ปี ดังนั้น ขอให้ผู้ประกอบการธุรกิจกัญชาดำเนินการทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อช่วยกันคุมการใช้กัญชาในสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ
นายแพทย์ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า มีเหตุร้องเรียนของประชาชน ณ พื้นที่เขตปทุมวัน ซอยสุขุมวิท 11 กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกได้มอบหมายให้ ดร.นันทศักดิ์ โชติชนะเดชาวงศ์ ผู้อำนวยการกองคุ้มครองฯ และนายวรพจน์ ภู่จินดา ผอ.กลุ่มกฎหมายและจริยธรรม พร้อมด้วยพนักงานเจ้าหน้าที่ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงที่พื้นตรวจสอบสถานประกอบการที่มีเหตุร้องเรียนของประชาชน ณ พื้นที่ เขตปทุมวัน ซอยสุขุมวิท 11 ในเขตความรับผิดชอบของ สน.ลุมพินี นำโดย พ.ต.อ.นิมิตร นูโพธิ์ทอง ผกก.สน.ลุมพินี มอบหมายให้ พ.ต.ท.ปกป้อง อุไรพันธ์ สว.สส., ร.ต.ท.จตุรวิศศ์ ไตรสูงเนิน รอง สว.สอบสวน ปฏิบัติงานสืบสวน, ร.ต.ต.ประเสริฐ สุวรรณกนิษฐ์ รอง สว.สส.สน., ด.ต.มนตรี สุขประสงค์, ด.ต.ยศพนธ์ คำดี, ส.ต.ท.สุกฤษฏิ์ สึนา ผบ.หมู่ สส. ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานประกอบการ จำนวน 2 ร้าน พบว่าผู้ประกอบการจำหน่ายสมุนไพรควบคุมโดยไม่ได้รับอนุญาตทั้ง 2 ราย มีลักษณะเป็น Food truck และแผงลอยริมถนน จึงได้ยึดของกลางและดำเนินการส่งเจ้าพนักงานตำรวจดำเนินการ ศาลสั่งลงโทษ ผู้ต้องหารับสารภาพ ศาลสั่งจำคุก 2 เดือน โดยโทษจำคุกศาลให้รอลงอาญา 2 ปี สั่งปรับและริบของกลาง
ผู้กระทำความผิดทั้ง 2 ราย ได้กระทำความผิดตามกฎหมาย ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง “สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. 2565
ทั้งนี้ พนักงานเจ้าหน้าที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกได้แจ้งให้เจ้าพนักงานตำรวจยึดอายัดของกลาง สั่งปิด พร้อมส่งเจ้าพนักงานตำรวจดำเนินการจับกุมดำเนินคดี ตามขั้นตอนกฎหมาย โดยเจ้าพนักงานตำรวจตั้งวงเงินประกันรายละ 20,000 บาท เพื่อนำส่งฟ้องศาลแขวงในพื้นที่ โดยศาลศาลสั่งลงโทษปรับทั้ง 2 ราย เป็นจำนวนเงินรายละ 10,000 บาท เนื่องจากผู้ต้องหารับสารภาพ ศาลจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือรายละ 5,000 บาท
ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อ สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. 2565 ฉบับล่าสุด ได้เน้นย้ำให้ประชาชนใช้กัญชาให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะช่อดอกต้องไม่นำไปใช้ในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ของการคุ้มครองและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากสมุนไพร ในส่วนที่เป็นข้อห้ามของประกาศดังกล่าวที่มีความชัดเจนคือ ห้ามจำหน่ายให้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์หรือสตรีให้นมบุตร ห้ามจำหน่ายให้กับนักเรียน นิสิต หรือนักศึกษา ห้ามให้บริการสูบกัญชาในสถานประกอบการทั่วไป ห้ามจำหน่ายเพื่อการค้าผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ห้ามโฆษณากัญชาในทุกช่องทางเพื่อการค้า และห้ามสูบกัญชาในสถานที่ต้องห้าม เช่น วัดหรือสถานที่สำหรับปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา หอพักตามกฎหมายว่าด้วยหอพัก สวนสาธารณะ สวนสัตว์ และสวนสนุก เป็นต้น
การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 46 กรณีจำหน่ายหรือแปรรูปสมุนไพรควบคุม โดยมิได้รับอนุญาต มีบทกำหนดโทษเป็นไปตามมาตรา 78 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 ระบุโทษจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้ผู้ประกอบการกัญชาส่งแบบรายงานข้อมูลแหล่งที่มากัญชา การนำไปใช้ และจำนวนที่เก็บไว้จำหน่าย ณ สถานประกอบการ ตามกำหนดทุกสิ้นเดือน ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือสแกนคิวอาร์โค้ด แบบรายงานฯ บันทึกข้อมูล พร้อมนำส่งต่อผู้อนุญาตในท้องที่แต่ละจังหวัด และสำหรับส่วนกลาง เขตพื้นที่ กทม. ส่งผ่านทาง E-mail : indi2565@gmail.com
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกได้เน้นย้ำพนักงานตำรวจเร่งตรวจสอบ ติดตาม รวมถึงสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชน และผู้ประกอบการในพื้นที่ เกี่ยวกับบทบาทของกัญชาในทางที่ถูกกฎหมายอีกด้วย
อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวอีกว่า การดำเนินการลงพื้นที่ตรวจตรา สื่อสาร ทำความเข้าใจ เรามีกำหนดการไว้แน่ชัดว่าจะลงพื้นที่ใด แต่หากมีการร้องเรียนจากประชาชน ทีมปฏิบัติจะประสานและเร่งลงพื้นที่ ดังนั้น การดำเนินการเป็นไปตามตัวบทกฎหมาย ผู้ฝ่าฝืนหรือกระทำผิด ต้องโทษตามกฎหมาย จึงขอย้ำไปยังผู้ประกอบการทุกคน ดำเนินการให้ถูกต้องตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อร่วมกันควบคุมกัญชาในสังคมให้เกิดประสิทธิภาพ.-สำนักข่าวไทย