3 ก.พ. – ยังคงเป็นปัญหาต่อเนื่อง สำหรับสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 แม้วันนี้คุณภาพอากาศใน กทม. จะดีขึ้นเล็กน้อย แต่ปริมาณฝุ่นยังเกินค่ามาตรฐาน เช่นเดียวกับอีกหลายจังหวัด
“ชัชชาติ” ชี้ลมเปลี่ยนทิศช่วยสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ดีขึ้น
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ใน กทม. ร่วมกับหน่วยงานมี่เกี่ยวข้อง โดยผู้ว่าฯ กทม. ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่า สถานการณ์วันนี้ดีขึ้นจากปัจจัยการเปลี่ยนทิศของลม ตามการคาดการณ์วันอาทิตย์นี้ สถานการณ์จะค่อยๆ ดีขึ้น และวันนี้มีรายงานว่ากรมฝนหลวงก็ทำฝนหลวงที่ระยอง อาจช่วยให้มีฝนตกลงมา ก็จะช่วยบรรเทาความรุนแรงของฝุ่นได้ระดับหนึ่ง
ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการแก้ปัญหาของ กทม. ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ยืนยันว่าตั้งแต่มารับตำแหน่งก็พยายามแก้ปัญหานี้ตามที่หาเสียงไว้ ทั้งการปลูกต้นไม้มากกว่า 200,000 ต้น ทำสวน 15 นาที แต่ต้นไม้มันจะได้ผลในระยะยาว ตรวจแหล่งต้นตอของฝุ่น ตรวจก่อสร้าง ตรวจรถควันดำไปแล้ว 5 หมื่นคัน ก็ทำในส่วนที่ กทม.จะมีอำนาจทำได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าปัญหานี้ต้องให้ทุกหน่วยงานร่วมมือกัน จะแก้ปัญหาได้ต้องลดต้นตอแหล่งกำเนิด สำคัญคือต้องให้ประชาชนรู้เท่าทันภัยของฝุ่น ป้องกันตนเอง และแจ้งเตือนล่วงหน้าที่แม่นยำ
ส่วนมาตรการลดฝุ่นด้วยการฉีดละอองน้ำ ที่ยังมีการถกเถียงกันว่าช่วยลดได้จริงหรือไม่ เมื่อคืนนี้ก็ไปทดลอง พบว่าช่วยได้ในระยะสั้นและในวงจำกัด เมื่อหยุดฉีดค่าฝุ่นก็กลับมาเยอะเหมือนเดิม ส่วนการจะเข้าไปฉีดลดฝุ่นในชุมชนก็ต้องใช้ความระมัดระวัง ซึ่งก็ต้องฟังชุมชนด้วยว่าต้องการไหม ก็ได้ขอความร่วมมือกับการประปานครหลวงไป
ขณะที่ในช่วง 13-00-15.00 น.ที่ผ่านมา ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร รายงานการตรวจวัดค่า PM2.5 ได้ 45-78 มคก./ลบ.ม. ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 61.7 มคก./ลบ.ม. ค่า PM2.5 มีแนวโน้มลดลง เกินมาตรฐานจำนวน 68 พื้นที่ อยู่ในระดับสีส้มทั้งหมด ลดลงจากเมื่อช่วงเช้า ซึ่งเกินมาตรฐาน 70 พื้นที่ และอยู่ในระดับสีแดง 4 พื้นที่
ส่วนสถานการณ์ทั่วประเทศ ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ รายงานปริมาณ PM2.5 วันนี้ (3 ก.พ.) ณ เวลา 12.00 น. ในประเทศพบเกินค่ามาตรฐานใน 41 จังหวัด ภาคเหนือเกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 32-154 มคก./ลบ.ม., ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเกินค่ามาตรฐาน 6 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 23-92 มคก./ลบ.ม. ภาคกลางและตะวันตก เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 47-115 มคก./ลบ.ม. ภาคตะวันออก เกินค่ามาตรฐาน 3 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 27-65 มคก./ลบ.ม. มีเพียงภาคใต้ ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ตรวจวัดได้ 9-27 มคก./ลบ.ม.
ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ สั่งห้ามเผาทุกชนิด-ล้างทำความสะอาดเมือง
จ.เชียงใหม่ เป็นจังหวัดหนึ่งซึ่งปริมาณ PM 2.5 อยู่ในระดับสูง นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ สั่งการทุกอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งช่วยกันนำรถน้ำดับเพลิงออกฉีดพ่นล้างทำความสะอาดถนนทุก 7 วัน และสั่งทุกอำเภอชะลอการบริหารจัดการเชื้อเพลิงในการกำจัดวัชพืชออกไปก่อน โดยห้ามเผาทุกชนิดในพื้นที่โล่งแจ้ง เพื่อลดหมอกควัน แม้ประกาศของจังหวัดที่สั่งห้ามเผาทุกชนิดในพื้นที่โล่งแจ้งตั้งแต่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดี จะยังไม่มีผลทางกฎหมาย
ขณะที่ท้องฟ้าเมืองเชียงใหม่หมอกควันไฟป่ายังปกคลุมจนทัศนวิสัยขุ่นมัว ในพื้นที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ค่า PM 2.5 แบบเรียลไทม์ช่วงบ่าย อยู่ที่ 78-124 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ส่วนดัชนีคุณภาพอากาศ หรือ AQI อยู่ระหว่าง 162-168 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร มีผลต่อสุขภาพ ควรสวมหน้ากากอนามัย หากอยู่ในพื้นที่โล่ง
อ่างทอง ฝุ่น PM2.5 พุ่งทะลุโซนแดงต่อเนื่อง
จ.อ่างทอง ปริมาณฝุ่น PM 2.5 ยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลายวันติดต่อกันปกคลุมทั่วทั้งจังหวัด แม้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาจะมีฝนตกลงมาเล็กน้อย แต่ข้อมูลจากแอปพลิเคชัน AirVisual ค่าฝุ่น PM 2.5 ยังพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 132 ไมโครกรัม ค่า AQI อยู่ที่ 191 สูงอยู่ในโซนสีแดง เช่นเดียวกับค่าฝุ่น PM 10 พุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 161 ไมโครกรัม โดยทั้ง 7 อำเภอของ จ.อ่างทอง ปริมาณฝุ่นเกินค่ามาตรฐานอยู่ในโซนแดงทั้งหมด
นายบรรจง โพธิวงศ์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอ่างทอง เผยจากการตรวจสอบในพื้นที่ไม่พบจุดความร้อน หรือฮอตสปอต ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญการก่อให้เกิดฝุ่น PM 2.5 คาดว่าจะเกิดจากพื้นที่ใกล้เคียง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตือนประชาชนหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง การออกกำลังกายกลางแจ้งในช่วงเช้า และหากพบอาการผิดปกติ มีอาการแสบจมูก หายใจติดขัด วิงเวียนศีรษะ ขอให้ไปพบแพทย์ทันที .-สำนักข่าวไทย