กรุงเทพฯ 17 ม.ค. – กทม.เดินหน้า Sandbox กรุงเทพฝั่งตะวันออก มุ่งยกระดับบริการสาธารณสุขคนเมือง
รศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีเปิดประชุมการขับเคลื่อนนโยบายผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ด้านสาธารณสุข Sandbox กรุงเทพฝั่งตะวันออกพื้นที่ 13 เขต ได้แก่ หนองจอก บางกะปิ พระโขนง มีนบุรี ลาดกระบัง บึงกุ่ม ประเวศ สวนหลวง คันนายาว สะพานสูง วังทองหลาง คลองสามวา และบางนา
“ให้ประชาชนเป็นตัวตั้ง ทำอย่างไรให้ทุกคนได้รับการดูแล ดังนั้น รูปแบบ Sandbox ต้องเริ่มขึ้น และมีการพิจารณาทุก 3 เดือน มาถูกทางหรือไม่ เพื่อออกแบบให้มีความรอบคอบที่สุดและใช้ข้อมูลให้ถี่ถ้วนที่สุด บริการให้เกิดรอยต่อน้อยที่สุด ใช้บริบทของพื้นที่และฟังคนในพื้นที่ให้มากที่สุด เพื่อพัฒนาปรับปรุงต่อไป” รศ.ดร.ทวิดา กล่าว
กทม.เดินหน้า Sandbox กรุงเทพฝั่งตะวันออก 13 เขต เพื่อแก้ปัญหาระบบบริการด้านสาธารณสุขให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ลดภาระประชาชน สู่การยกระดับบริการสาธารณสุขคนเมืองครบวงจร ทุกคนเข้ารับบริการพื้นฐานได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ ลดภาระประชาชน ชุมชน และโรงพยาบาลใหญ่ ๆ สร้างความเชื่อมั่นประชาชน โดย Sandbox กรุงเทพตะวันออกจะดำเนินงานส่งต่อการดูแลผู้ป่วยในระยะเฉียบพลัน ผู้ป่วยระยะกึ่งเฉียบพลัน การดูแลผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง รวมถึงผู้ป่วยระยะท้าย โดยประยุกต์เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการเชื่อมโยงข้อมูลด้านบริการ การส่งต่อและการดูแลต่อเนื่องอย่างเป็นระบบในพื้นที่พิเศษเขตรับผิดชอบของโรงพยาบาลสิรินธร โรงพยาบาลเวชการุณย์รัศมิ์ โรงพยาบาลนพรัตน์ โรงพยาบาลลาดกระบัง และโรงพยาบาลคลองสามวา เพื่อให้ผู้รับบริการสามารถเข้าถึงง่าย ทั่วถึง และครอบคลุมอย่างเป็นองค์รวม ตั้งแต่การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การดูแลรักษา ฟื้นฟู และดูแลต่อเนื่องอย่างเป็นระบบ
ทั้งนี้ จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แสดงให้เห็นถึงช่องว่างของการบริการสาธารณสุขของกรุงเทพมหานคร ที่ระบบบริการขาดการประสานงานและการบริหารทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพเพียงพอ จนกลายเป็นภาระของประชาชนที่ไม่สามารถพึ่งพิงหน่วยบริการพื้นฐานได้ส่งผลต่อเนื่องต่อโรงพยาบาลขนาดใหญ่ในพื้นที่เกิดความแออัด ผู้รับบริการขาดความเชื่อมั่นต่อหน่วยบริการพื้นฐาน ซึ่งหน่วยบริการพื้นฐานหรือสาธารณสุขแบบปฐมภูมิของกรุงเทพมหานครที่กล่าวถึง คือ ศูนย์บริการสาธารณสุข คลินิกอบอุ่น ศูนย์สุขภาพชุมชน เมื่อระบบบริการขาดการเชื่อมโยงกันอย่างแท้จริงระหว่างหน่วยบริการปฐมภูมิและโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ ส่งผลให้เกิดปัญหาต่อผู้รับบริการ การเข้าถึงบริการเป็นไปได้ยาก ระบบบริการที่มีอยู่ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอต่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงในยุคปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องมีการออกแบบระบบและกลไกขึ้นมาใหม่
โมเดล Sandbox จึงเกิดขึ้นจากการถอดบทเรียนจากปัญหาเหล่านั้นเพื่อหาทางออกแก้ปัญหา อุดช่องว่างการรักษาพยาบาลที่ไม่เป็นระบบ แนวคิด Sandbox คือการใช้ระบบปฐมภูมิที่เป็นหน่วยบริการพื้นฐานหรือสาธารณสุขแบบปฐมภูมิ ได้แก่ ศูนย์บริการสาธารณสุข 69 แห่งคลินิกอบอุ่น ศูนย์สุขภาพชุมชน และในอนาคตอาจรวมถึงร้านขายยา โดยจะต้องทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการหรือได้รับการรักษาพยาบาลใกล้บ้านได้ ต้องพัฒนาหรือนำเอาระบบและกลไกต่าง ๆ มาเสริมการบริการและทำให้เป็นมาตรฐานทั้งหมดเพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพ ลดภาระของโรงพยาบาลใหญ่ ๆ และเมื่อจำเป็นหน่วยบริการสามารถที่จะช่วยในการประสานงานในการส่งต่อผู้ป่วยไปสู่โรงพยาบาลได้อย่างเป็นระบบ หากแนวคิดนี้ทำได้สำเร็จจะนำไปสู่ระบบสาธารณสุขที่ดี เกิดการเชื่อมโยงกันอย่างมีประสิทธิภาพ ระบบปฐมภูมิเข้มแข็ง ประชาชนไว้ใจได้ พึ่งพาพึ่งพิงได้ ซึ่งได้มีการดำเนินการนำร่องมาแล้วในส่วนของราชพิพัฒน์โมเดล และดุสิตโมเดล.-สำนักข่าวไทย