ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ให้กำลังใจบุคลากรการแพทย์

กทม. 14 ก.ค.-ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ช่วงหยุดยาว พร้อมติดตามสถานการณ์โควิดและโรคมือเท้าปาก แนะให้นำบทเรียนจากโควิดครั้งก่อนมาพัฒนาระบบสาธารณสุข กทม. ให้ดีขึ้น

เวลา 10.30 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานในช่วงวันหยุดยาว พร้อมติดตามสถานการณ์โควิด-19 และโรคมือเท้าปาก โดยมี นพ.ภูริทัต แสงพานิชกุล รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ พร้อมทีมแพทย์และพยาบาลให้การต้อนรับและให้ข้อมูล ณ โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ สำนักการแพทย์ เขตบางแค


ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกล่าวว่า วันนี้เป็นวันหยุดราชการ แต่จริง ๆ แล้วมีอีกหลายหน่วยงานที่ไม่ได้หยุด เพราะว่าไม่สามารถจะรอได้ เช่น เรื่องขยะ เรื่องกวาดถนน และเรื่องสาธารณสุข ซึ่งหยุดไม่ได้อยู่แล้ว วันนี้ได้มาที่โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแนวหน้า จริง ๆ แล้วโรงพยาบาล กทม. มีทั้งหมด 11 โรงพยาบาล มีเปอร์เซ็นต์เตียงแค่ 11% ของทั้งหมด เรายังมีทั้งสาธารณสุข โรงพยาบาลเอกชน โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย โรงพยาบาลทหาร-ตำรวจ ฉะนั้นในส่วนโรงพยาบาลของ กทม. ไม่ได้มีเยอะ แต่กทม.จะเน้นปฐมภูมิ คือศูนย์บริการสาธารณสุข 69 แห่ง ที่กระจายอยู่ตามชุมชน โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ก็เป็นโรงพยาบาลหลักที่ช่วยดูแลผู้ป่วยโควิด-19

นพ.ภูริทัต ได้รายงานข้อมูลว่า สถิติปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อในกทม. ช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา RT-PCR ประมาณวันละ 2,000-3,000 คน กลุ่ม ATK วันละประมาณ 5,000-6,000 คน โดยผู้ติดเชื้อสามารถรับยาได้ที่ศูนย์บริการสาธารณสุข คลินิกอบอุ่น และโรงพยาบาล แต่ในวันหยุดหรือนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลจะมีบุคลากรมากกว่า


สำหรับผู้ที่ตรวจ ATK แล้วพบว่าขึ้น 2 ขีด สามารถขอรับยาที่ศูนย์บริการสาธารณสุข คลินิกอบอุ่น หรือโรงพยาบาลที่ตนเองมีสิทธิ์ได้เลย เหตุที่ต้องดูตามสิทธิ์เพราะว่าแต่ละที่จะได้ดูแลผู้ป่วยได้ทั่วถึง สำหรับ รพ.ราชพิพัฒน์ สิทธิ์บัตรทองสามารถรับบริการได้ กลุ่มที่ทำ ATK มาแล้วเป็นบวกให้นำผลมายื่น เจ้าหน้าที่จะอธิบายข้อมูลเพื่อเข้าขั้นตอนการรับยา ส่วนกลุ่มที่ไม่มั่นใจหรือตรวจด้วยตัวเองไม่เป็น สามารถมาขอตรวจ ATK ได้เช่นกัน

สำหรับกลุ่มเสี่ยง 608 ถ้ามีผลบวกมา จะมีพยาบาลคัดกรอง ถ้ามีอาการมาก แพทย์ประเมินแล้วจะให้นอนโรงพยาบาล โดยแบ่งเตียงเขียว เตียงเหลือง เตียงแดง ตามอาการ ปัจจุบันมีเตียงเหลือง-แดง 1,200 เตียง เตียงเขียว ประมาณ 300 เตียง และขยายเป็น 500 เตียง ตอนนี้ครองเตียงไม่ถึง 50% แต่ก็ไม่ประมาท ปัจจุบันก็ติดกันคล้าย ๆ โรคหวัด แต่ก็ต้องระวังตัว โดยเฉพาะกลุ่ม 608 และควรแยกกักตัวจากคนในบ้าน กลุ่มสีเขียว รักษาตามอาการ ถ้าเป็นกลุ่มเสี่ยงหรือมีอาการมากขึ้น จะให้ยาฟาวิพิราเวียร์ ซึ่งกลุ่มเสี่ยงหรือผู้ติดเชื้อโควิดยังให้รักษาอาการ 10 วัน และสามารถขอใบรับรองแพทย์ได้ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับการรักษา

จากคาดการณ์สถิติที่คาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อมากขึ้น กระทรวงสาธารณสุข และองค์การเภสัชกรรม ได้ประสานกับ กทม. เตรียมจัดยาไว้พร้อม ของโรงพยาบาลราชพิพัฒน์จะสตอกยาล่วงหน้าไว้ประมาณ 10 วัน บริการผู้ป่วยนอกได้วันละ 300-400 คน สำหรับการเดินทางมาก็จะต้องป้องกันทั้งตนเองและผู้อื่น และเมื่อกลับบ้านไปก็ต้องแยกกับคนในบ้าน ระวังการติดกลุ่มเสี่ยง 608 รวมถึงกลุ่มเด็ก สำหรับการป้องกันนั้น เราสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ถ้ารู้ตัวว่าไปใกล้ชิดสัมผัสกลุ่มเสี่ยง กลับบ้านมาก็ควรใส่หน้ากากอนามัยด้วย แม้ตรวจ ATK ไม่พบ ก็อาจจะแพร่เชื้อได้ สำหรับ Hospitel ตอนนี้ยังปิด เพราะว่ากลุ่มสีเขียวสามารถดูแลตัวเองได้ค่อนข้างเยอะ แต่ถ้าใครไม่สะดวกก็มีโรงพยาบาลสนามให้ ถ้าใครติดเชื้อตอนนี้ก็อย่าไปตกใจแต่ต้องตระหนักว่าเราสามารถแพร่เชื้อให้กลุ่มเปราะบางได้ อย่าลืมใส่หน้ากากเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ


จากนั้น ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เยี่ยมชมศูนย์วิทยุและหน่วยกู้ชีพ และคลินิกประกันสังคม พร้อมชูโมเดล Sandbox มีวัตถุประสงค์ในการดำเนินงาน เพื่อขับเคลื่อนระบบสาธารณสุข การจัดบริการปฐมภูมิ การส่งต่อ การดูแลผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง โดยประยุกต์เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการเชื่อมโยงข้อมูลด้านบริการ การส่งต่อและการดูแลต่อเนื่องอย่างเป็นระบบในพื้นที่พิเศษเขตรับผิดชอบของโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ คือ เขตบางแค เขตหนองแขม เขตทวีวัฒนา เขตตลิ่งชัน และเขตภาษีเจริญ (Sandbox area base) ให้ผู้รับบริการสามารถเข้าถึงง่าย ทั่วถึง และครอบคลุมอย่างเป็นองค์รวม ตั้งแต่การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การดูแลรักษา ฟื้นฟู และดูแลต่อเนื่องอย่างเป็นระบบ จะทำให้การรักษามีประสิทธิภาพและลดภาระของโรงพยาบาลใหญ่ ๆ ได้ ประชาชนในทุกชุมชนจะได้รับการรักษาที่รวดเร็วมีประสิทธิภาพและเท่าเทียมกัน ส่งผลให้สุขภาพชุมชนดีขึ้นตามวัตถุประสงค์ของระบบนี้ คือเน้นความเข้มแข็งของระบบปฐมภูมิ ทำให้ระบบเส้นเลือดฝอยกระจายไปทั่วและประชาชนสามารถเข้าถึงการสาธารณสุขได้ง่าย ซึ่งระบบปฐมภูมิจะมีความเข้มแข็ง ยกตัวอย่างเช่น โรงพยาบาล ศูนย์บริการสาธารณสุข คลินิกอบอุ่นมี telemedicine คือ การให้บริการด้านสาธารณสุขกับประชาชน โดยบุคลากรทางการแพทย์ ผ่านทางเทคโนโลยีและการสื่อสารแบบ Video conference เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการวินิจฉัย การรักษา และการป้องกันโรค โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลาและสถานที่ ซึ่งในภาษาไทยจะเรียกว่า โทรเวชกรรม หรือระบบแพทย์ทางไกล คนไข้ไม่ต้องเดินทางจากคลินิกอบอุ่นไปโรงพยาบาล สามารถคุยกันผ่าน telemedicine ได้ ซึ่งเริ่มทำแล้วตอนนี้ นอกจากนี้ยังมีรถ telemedicine สำหรับตรวจสุขภาพ เข้าไปยังชุมชนที่อาจจะเข้าถึงยาก หรือมีผู้ป่วยติดเตียงจำนวนมากที่เดินทางลำบาก

“หน้าที่ผมคือเตรียมทรัพยากรให้คุณหมอ ขาดเหลืออะไรก็ต้องบอกเลย เราก็อุ่นใจที่มีทีมงานเข้าใจระบบ และทำงานร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขอื่นได้ เป็นแม่งานในการจ่ายยา ต้องคุย ต้องแบ่งงานกัน อย่างวันหยุดหมอก็ไม่ได้หยุดหรอก 5 วัน สิ่งสำคัญคือต้องเราบทเรียนมาพัฒนา อย่าให้ทุกอย่างกลับไปเหมือนก่อนโควิด ทุกอย่างเป็นบทเรียนราคาแพง ต้องปรับปรุงระบบของ กทม. ให้ดี โรคอุบัติใหม่มันจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ ฉะนั้นเราต้องรับมือ และนำมาเป็นบทเรียน” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว

ในส่วนของเรื่องวัคซีนเข็มกระตุ้น ของกรุงเทพมหานครสามารถไปฉีดได้ทั้งศูนย์บริการสาธารณสุข โรงพยาบาลสังกัดสำนักการแพทย์ ซึ่งมีทั้งไฟเซอร์และโมเดอร์นา โดยสามารถจองทาง QueQ และ walk in ได้ด้วย หากมีระยะห่างเข็มล่าสุดเกิน 4 เดือนจากเข็มสุดท้ายควรฉีดเข็มกระตุ้น การที่เราฉีดเพื่อให้เรามีภูมิคุ้มกัน เมื่อเราติดโควิดเราจะได้มีอาการไม่มาก เราจะได้เป็นกลุ่มเขียว ถ้ากลุ่มสีเหลืองและกลุ่มสีแดงมีไม่มากระบบสาธารณสุขและระบบเศรษฐกิจก็จะไปด้วยกันได้หมด สำหรับคนที่ติดโควิดแล้วจะฉีดเข็มกระตุ้นต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ซึ่งภูมิคุ้มกันจะเริ่มตก สามารถฉีดเข็มกระตุ้นได้ แต่ผู้เข้ารับการฉีดจะต้องมีการเซ็นยินยอม เนื่องจากแต่ละที่จะมีคำแนะนำไม่เหมือนกัน

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีโรคมือเท้าปากว่า นอกจากโควิด-19 แล้ว ตอนนี้เราเริ่มเห็นจำนวนการติดเชื้อโรคมือเท้าปากในเด็กเพิ่มขึ้น ต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะเด็กเล็กจะติดเยอะ ต้องระวังแต่อย่าตระหนัก ยังไม่ได้แพร่ระบาดรุนแรงมาก

นพ.ภูริทัต กล่าวเสริมว่า สำหรับโรคมือเท้าปาก คือการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง คือเอนเตอโรไวรัส (Enterovirus) เด็กจะมีอาการไข้ ตุ่มที่ปาก แผลที่ปาก ที่ลิ้น กระพุ้งแก้ม มีตุ่มใส ๆ ที่มือ อาการคล้ายเป็นไข้หวัด เจ็บคอ น้ำมูกได้เล็กน้อย ปัจจุบันเน้นการป้องกันและคัดกรองทั้งผู้ปกครองและโรงเรียนซึ่งได้มีมาตรการการคัดกรองอยู่แล้ว หารใครเป็นต้องหยุดเรียนและเข้าสู่กระบวนการรักษาเพื่อป้องกันการติดต่อไปสู่คนอื่น ส่วนการป้องกันโรคมือเท้าปากนั้นต้องรักษาสุขอนามัย กินร้อนช้อนกลาง และล้างมือ ป้องกันการติดต่อทางสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย ซึ่งการติดต่อของโรคมือเท้าปากยากกว่าโควิด-19 สามารถป้องกันและสังเกตอาการได้ง่าย สามารถรักษาได้ มีอัตราการเสียชีวิตจากโรคน้อย ซึ่งการเสียชีวิตจะเกิดจากภาวะแทรกซ้อน โดยภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายทำให้เสียชีวิตได้ คือ โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ส่วนภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ผู้ปกครองต้องดูแล คือ เมื่อมีไข้สูงให้เช็ดตัวป้องกันการชัก ถ้ามีอาการไอร่วมด้วยให้เข้าตรวจที่โรงพยาบาล ปัจจุบันโรงพยาบาลราชพิพัฒน์พบผู้ป่วยประมาณ 3-5 คน จากเด็กที่เข้าตรวจทั่วไปประมาณ 50 คน

กรณีเกี่ยวกับผู้ป่วยจากกัญชา ที่โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ยังไม่พบ แต่โรงพยาบาลได้มีคลินิกแพทย์ทางเลือก มีการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายกลุ่มอาการปวดแต่เดิมใช้มอร์ฟีน ถ้าเกิดนำกัญชามาใช้ตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์กับกลุ่มที่เหมาะสมก็จะเป็นประโยชน์ ถือเป็นทางเลือกที่ดี ส่วนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ก็ไม่ให้มีการใช้กัญชาโดยเด็ดขาด

จากนั้น ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ตรวจความพร้อมของห้องความดันลบ (Modular ICU) สำหรับรองรับผู้ป่วยโควิดที่อาการรุนแรง (สีแดง) ณ ชั้น 1 โรงพยาบาลสนามราชพิพัฒน์ 1 (ศูนย์การเรียนรู้ของโรงพยาบาลราชพิพัฒน์) ซึ่งมีทั้งหมด 4 อาคาร รองรับผู้ป่วยได้โควิดได้ทั้งหมด 40 เตียง พร้อมทั้งขอบคุณและให้กำลังบุคลากรทางการแพทย์อย่างเป็นกันเองอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.ตร.รับทราบเหตุปะทะเดือดสงขลา ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กต่าย” พยักหน้ารับทราบ เหตุปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ พื้นที่ จ.สงขลา ระบุขอเข้าประชุมก่อน พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาประชุมร่วมกับกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรัฐสภา โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า ได้รับรายงานเรื่องการปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่บ้านห้วยเต่า สงขลา แล้วหรือไม่ โดยพลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พยักหน้า แต่ไม่ได้ตอบคำถาม ระบุเพียงว่าขอเข้าประชุมก่อน -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์ ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์โผล่วันจับ “ทิดอลงกต” ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ พบพิรุธ ยังไม่มารายงานตัว พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงความคืบหน้าคดีทิดอลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ที่มีการเปิดเผยออกมาว่า ตลกชื่อ 3 พยางค์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินวัดพระบาทน้ำพุด้วย ว่า มีตลกอีก 1 คนที่ยังเป็นเป้าหมายยังไม่ได้มาแสดงตัวและยังไม่ได้มาให้การ พนักงานสอบสวนจะเรียกมาเอง ซึ่งพบพิรุธเยอะว่าทำอะไรที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่เป็นไปตามวิธีการที่ทำในการเข้าไปช่วยเหลือ ทิดอลงกต ในการขนย้ายสิ่งของ ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญ และไม่เหมือนดาราท่านอื่น ที่เป็นการรับจ้างงาน แต่คนนี้น่าจะเป็นคนที่สนิทส่วนตัว เป็นคนที่เคยถูกดำเนินคดีอยู่ เมื่อถามว่าเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เลยใช่หรือไม่ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ กล่าวว่าเป็นคนลึกลับซับซ้อน ซึ่งเป็นคนที่เคยโผล่ให้เห็นในวันที่ทิดอลงกตถูกจับ -สำนักข่าวไทย

พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที จนท.สวนสัตว์ ลงจากรถ แล้วถูกสิงโตตะปบรุมขย้ำ

กทม. 10 ก.ย.-พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที สิงโตตะปบเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ จากนั้นสิงโตอีก 5 ตัว รุมขย้ำ โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ขัดขืนหรือร้องขอความช่วยเหลือ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หรือเป็นที่รู้จักในฐานะหมอที่มาช่วยเหลือในคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า วันนี้ตนมาเที่ยวสวนสัตว์ โดยได้ขับรถเข้าไปในโซนซาฟารี ขณะนั้นมีรถนักท่องเที่ยวหลายคันเข้าชม เมื่อมาถึงบริเวณโซนสิงโต ก็พบว่ามีรถของเจ้าหน้าที่รายหนึ่งซึ่งเป็นรถของสวนสัตว์จอดอยู่คันเดียว ตอนนั้นตนเองก็รู้สึกผิดสังเกต เพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่ช่วงเวลาให้อาหารสัตว์และเจ้าหน้าที่รายนี้อยู่คนเดียว ได้ลงมายืนข้างล่างของรถ ฝั่งคนขับ โดยเปิดประตูทิ้งไว้ แต่ไม่ได้ทำอะไร แค่ยืนเฉยๆ ลักษณะยืนหันหน้า เข้าหารถ หันหลังให้สัตว์ ซึ่งตนก็รู้สึกแปลกอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีต้นไม้บัง ตนก็เลยไม่เห็นว่าในมือถืออะไร จากนั้นประมาณ 3 นาที ก็มีสิงโตตัวหนึ่งค่อยๆ ย่องมาทางข้างหลังช้าๆ ก่อนจะตะครุบเข้าข้างหลังเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวทันที โดยที่เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวไม่ได้มีท่าที ขัดขืน ดิ้นรนต่อสู้ หรือร้องขอชีวิตแต่อย่างใด หลังจากนั้น สิงโตตัวอื่นๆ ก็ค่อยๆ เดินตามมารุมกัดตามที่ปรากฏในคลิป ตนเองไม่รู้จะต้องทำอย่างไร ทำได้เพียงแต่บีบแตรรถ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวคันอื่น ที่ช่วยกันบีบแตร ผ่านไปประมาณ 10 […]

สิงโตสวนสัตว์เอกชน ลาก จนท.ไปรุมกัด สาหัส

กทม. 10 ก.ย.-สิงโตในสวนสัตว์เอกชน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ลากไปรุมกัด อาการสาหัส นักท่องเที่ยวบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ พ.ต.อ.นิรุชพล โยธามาตย์ ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.ย.68) ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ ภายในสวนสัตว์ของเอกชน จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่ลงไปให้อาหาร โดยไม่ปฏิบัติตามกฎของบริษัท จึงทำให้ถูกสิงโตรุมทำร้าย เบื้องต้นอาการสาหัส นำตัวส่งโรงพยาบาล ประสานพนักงานสอบสวนเชิญตัวเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์มาสอบปากคำ และลงบันทึกประจำวัน โดยยังไม่มีญาติของเจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายมาแจ้งความแต่อย่างใด ทั้งนี้ ในคลิปเป็นเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวบันทึกไว้ได้ บริเวณส่วนจัดแสดงสิงโต มีรั้วขนาดใหญ่เปิดให้รถเข้า-ออก เป็นพื้นที่เปิด ให้นักท่องเที่ยวขับรถเข้าไปด้านใน มีป้ายกำกับชัดเจนห้ามเปิดกระจกและห้ามลงจากรถ ด้านในจะมีรถของสวนสัตว์จอดดูแลความปลอดภัย และบางช่วงมีการจัดแสดงโชว์ให้อาหารสิงโตที่อยู่ด้านใน.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ผลักดัน “นางเขื่อน” พร้อมครอบครัว 7 คน กลับกัมพูชา

จันทบุรี 12 ก.ย. – ตม.ศรีสะเกษ ประสาน ตม.จันทบุรี ส่งตัว “นางเขื่อน” พร้อมครอบครัว รวม 7 คน กลับกัมพูชา หลังถูกกล่าวหาเป็นไส้ศึก และถูกชาวบ้านรวมตัวขับไล่ ทั้งยังพบอาศัยอยู่ในไทยอย่างผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดศรีสะเกษ นำตัวนางเขื่อน ชาวกัมพูชา และสมาชิกครอบครัว รวมทั้งหมด 7 คน เดินทางไปที่ด่านผ่านแดนถาวรบ้านแหลม จ.จันทบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจันทบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รอรับตัวอยู่ก่อนแล้ว เพื่อผลักดันกลับประเทศกัมพูชา เนื่องจากที่ผ่านมา นางเขื่อน ถูกชาวบ้านในพื้นที่ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ รวมตัวกันขับไล่ หลังจากถูกกล่าวหาว่าเป็น “ไส้ศึก” คอยส่งข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของทหารไทยให้กับฝ่ายกัมพูชา และยังพบว่าทั้งหมดอาศัยอยู่ในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย จึงดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายและระเบียบการต่างประเทศ เพื่อส่งตัวกลับภูมิลำเนา. – สำนักข่าวไทย

“ชัชชาติ” ยืนยันไม่ลาออกผู้ว่าฯ กทม. ก่อนครบวาระ

กรุงเทพฯ 12 ก.ย. – “ชัชชาติ” ยืนยันไม่ลาออกผู้ว่าฯ กทม. ก่อนครบวาระ งบปี 69 เน้นเส้นเลือดฝอยคู่เส้นเลือดใหญ่ สถานการณ์น้ำตอนนี้ เตรียมรับน้ำเหนือ-พายุ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมวิสามัญ สมัยแรก (ครั้งที่ 1) ประจำปีพุทธศักราช 2568 ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า วันนี้เป็นการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วาระที่สองและวาระที่สาม ซึ่งจะมีการพิจารณาเรื่องนี้อย่างเข้มข้น เนื่องจากกว่า 30 วันที่ผ่านมา น่าจะได้ข้อสรุปว่าจะเพิ่มหรือลดงบประมาณอย่างไร ในจุดไหนบ้าง โดยผ่านกระบวนการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบที่สุด เพื่อประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน สำหรับงบประมาณส่วนใหญ่ได้ตามที่ตั้งเสนอของบฯ ไว้ โดยจะเน้นงบประมาณลงพื้นที่เขตมากขึ้น เช่น การก่อสร้างและปรับปรุงถนน การก่อสร้างฝายถนน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายเส้นเลือดฝอย รวมถึงงบประมาณที่จะพัฒนาเส้นเลือดใหญ่ เช่น ก่อสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ การติดตั้งเซ็นเซอร์วัดการสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวที่จะติดตั้งบนอาคารสูงของโรงพยาบาลแห่งใหม่ ก็ได้ตามที่เสนอของบประมาณไว้ […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

เขื่อนเจ้าพระยาระบายแตะ 2,000 ลบ.ม./วินาที หน่วงน้ำเขื่อนป่าสักฯ

กรุงเทพฯ 12 ก.ย. – กรมชลประทานจะระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 2,000 ลบ.ม./วินาที ช่วงบ่ายวันนี้ ห่วงผลกระทบพื้นที่ด้านท้าย จึงปรับลดการระบายจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อให้น้ำเหนือระบายสู่อ่าวไทยได้มีประสิทธิภาพขึ้น ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ กรมชลประทาน ระบุว่า เช้าวันนี้ที่สถานี C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,101 ลบ.ม./วินาที และยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเมื่อคืนที่ผ่านมากรมชลประทานได้ปรับเพิ่มการระบายจากเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท จาก 1,900 ลบ.ม./วินาที เป็น 1,950 ลบ.ม./วินาที ทั้งนี้บริหารจัดการน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ด้วยการหน่วงน้ำไว้ด้านเหนือ พร้อมรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งตามศักยภาพของคลอง แต่เนื่องจากปริมาณน้ำที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นดังกล่าว จะทำให้มีพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำบริเวณด้านเหนือเขื่อนที่ได้รับผลกระทบได้แก่ กรมชลประทานจำเป็นต้องทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาตั้งแต่ 10.00 น. เป็นต้นไป จากอัตรา 1,950 ลบ.ม./วินาที ให้เป็น 2,000 ลบ.ม./วินาที ภายในเวลา 15.00 น. ของวันนี้ (12 ก.ย.) และคงอัตราดังกล่าวต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำทางตอนบนและฝนที่ตกในระยะนี้ […]