รองผู้ว่าฯ กทม. แจงเหตุขอทบทวนการเดินเรือไฟฟ้าคลองผดุงฯ

กทม. 4 ม.ค.- “วิศณุ” รองผู้ว่าฯ กทม. แจงเหตุผลขอทบทวนการเดินเรือไฟฟ้าคลองผดุงฯ ยันไม่ได้ยกเลิก แต่หมดสัญญาแรก ที่ผ่านมาให้ขึ้นฟรีผู้โดยสารมี 400-500 คน/วัน เตรียมศึกษา 3 แนวทางหารูปแบบดำเนินการต่อที่คุ้มค่าที่สุด เช่นเดียวกับเรือคลองแสนแสบและรถ BRT


นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงเรื่องการเดินเรือไฟฟ้าในคลองผดุงกรุงเกษม หลังมีการแชร์เรือคลองผดุงฯ ที่หยุดให้บริการ โดยระบุว่าวันนี้เป็นการนำข้อมูลมาชี้แจงและให้ข้อเท็จจริงในเรื่องของการเดินเรือไฟฟ้าในคลองผดุงกรุงเกษม ซึ่งเป็นโครงการที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่กลางปี 2563 โดยสัญญาแรกจบเมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา (2565) ใช้วงเงินงบประมาณทั้งหมด 106.2 ล้านบาท มีการเดินเรือไฟฟ้าทั้งหมด 8 ลำ บนท่าเรือ 11 ท่า ประเด็นคือเราหยุดการให้บริการตั้งแต่ช่วงตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2565 เป็นต้นมา เพราะมีการพร่องน้ำในคลองผดุงฯ เพื่อเตรียมรองรับสถานการณ์ฝนที่ตกลงมา และเตรียมการระบายน้ำ ทำให้ระดับน้ำในคลองผดุงฯ ไม่สามารถเดินเรือได้

รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวต่อว่า สาเหตุที่วันนี้เรายังไม่ดำเนินการเดินเรือต่อ เนื่องจากข้อมูลจำนวนผู้โดยสารตั้งแต่เปิดให้บริการในช่วงกลางปี 2563 อยู่ที่ 5,000 คน/เดือน แม้ช่วงปลายปี 2563 จะมีการจัดกิจกรรม และการออกร้านต่างๆ บริเวณคลองผดุงฯ ซึ่งทำให้มีผู้ใช้บริการสูงขึ้นมาแตะถึงประมาณ 20,000 คน/เดือน แต่หลังจากนั้น ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ทำให้ผู้ใช้บริการลดลงมาอีก และหลังจากโควิดคลี่คลายลงในปีที่แล้ว ผู้โดยสารก็ค่อนข้างจะคงที่ เฉลี่ยประมาณวันละ 400-500 คน คิดเป็นเดือนได้ประมาณ 13,000-14,000 คน/เดือน


จากจำนวนผู้โดยสารต่อเดือน เมื่อเทียบกับค่าจ้างเดินเรือ 2.4 ล้านบาท/เดือน จะตกเป็นค่าใช้จ่ายประมาณ 171 บาท/คน จึงต้องพิจารณาว่าหากเราจะจ้างรูปแบบเดิมต่อไป แล้วต้องจ่ายค่าจ้าง 2.4 ล้านบาท ไม่รวมค่าซ่อมบำรุงเรือโดยสาร จะคุ้มหรือไม่ ค่าใช้จ่ายรายคนที่ต้องจ่ายนี้ เราจะมีทางเลือกอื่นไหม หรือสามารถปรับปรุงรูปแบบการให้บริการที่สอดคล้องกับ Demand หรือความต้องการใช้จริงๆ ได้หรือไม่ จึงต้องการทบทวน แทนที่จะจ้างแบบเดิมต่อไป

รองผู้ว่าฯ กทม. ระบุว่าที่จริง กทม.มีการเตรียมงบประมาณไว้ คือ การของบประมาณในปี 66 เราตั้งงบแบบเดิมไว้แล้ว คือการจ้าง 5 ปี วงเงิน 140 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าจ้างเดือนละ 2.4 ล้านบาท รวมค่าบำรุงรักษาด้วย โดยในแผนจะมีการประกวดราคาเพื่อหาผู้รับจ้างเดินเรือในช่วงเดือนเมษายน 2566 แต่ในช่วงตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 จนถึงปัจจุบันจะเป็นการทบทวนรูปแบบการให้บริการพี่น้องประชาชนในเส้นทางนี้ว่าควรจะทำแบบไหนที่เหมาะสม เช่น อาจจะมีรถ Feeder หรือใช้รถ EV Shuttle Bus เพราะลักษณะการใช้บริการของผู้โดยสารส่วนใหญ่จะเป็นในช่วงเช้า 180 คน และช่วงเย็น 220 คนโดยประมาณ คือ พีคในช่วงเข้าทำงานและหลังเลิกงาน ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้ หากใช้รถ Shuttle Bus อาจจะถูกกว่า

อย่างไรก็ตาม เราก็ยังไม่ปิดช่องเรื่องเดินเรือ ก็ต้องดูรูปแบบการเดินเรือ เช่น เดินเรือเพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวเป็นแท็กซี่ตามความต้องการ (On-demand) ได้ไหม แทนที่จะวิ่งเรือเปล่าไปเรื่อยๆ ซึ่งศูนย์เสียพลังงานและสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย โดยทั้งหมดนี้ เราไม่ได้ยุติโครงการ เพียงแต่กลับมาทบทวนรูปแบบการให้บริการที่คุ้มค่า และใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด อีกประการหนึ่งคือเราใช้เรือมา 3 ปี แบตเตอรี่จึงค่อนข้างเสื่อม เพราะฉะนั้นต้องมีการเปลี่ยนแบตฯ และปรับปรุงคุณภาพของเรือด้วย โดยจะใช้เวลา 2-3 เดือน ศึกษาพิจารณา 3 ทางเลือก


รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกล่าวว่า ในวันนี้ดำเนินแนวทางคู่ขนาน 3 ทาง โดยทางที่ 1 คือ ดูรูปแบบ Feeder รูปแบบอื่น ว่าเทียบแล้วเป็นยังไง ศึกษาความเป็นไปได้ ดูเส้นทางประกอบกับพฤติกรรมต่างๆ ทางที่ 2 คือ เปิดให้เอกชนที่สนใจมาเดินเรือในคลองผดุงฯ วันนี้ก็ทำ Market Sounding (รับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชน) ถ้าเราเปิดมีใครสนใจไหม อาจจะทำเป็นเรือท่องเที่ยว เพราะเราส่งเสริมให้เป็นเส้นทางการท่องเที่ยวด้วย ซึ่งถ้ามีคนสนใจ เราก็จะอาจจะเปิดให้เอกชนทำ และทางที่ 3 คือ ทางเลือกแบบเดิม หมายถึงถ้าไม่มีคนสนใจ แต่เป็นสิ่งจำเป็นที่ภาครัฐยังต้องให้บริการอยู่ ก็อาจจะเดินเรือต่อ แต่จะเดินเรือรูปแบบใด ความถี่ขนาดไหน จำนวนเรือเท่าไร จะต้องวิเคราะห์อีกครั้งหนึ่ง แต่หลังจากนี้จนถึงเดือนเมษายน 2566 อาจจะไม่มีการเดินเรือ หรืออาจจะจ้างเดินเรือชั่วคราว ขึ้นอยู่กับระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างของเราด้วย ตอนนี้กำลังให้ศึกษาอยู่ว่างบประมาณที่เราเตรียมไว้ 140 ล้านบาท 5 ปี สามารถแบ่งส่วนหนึ่งมาจ้างชั่วคราวได้ไหม เพื่อบรรเทาผลกระทบและช่วยคนที่เดินทางเส้นนี้เป็นประจำอยู่ หรืออาจจะใช้ Feeder แทน ก็ต้องให้สอดคล้องกับระเบียบจัดซื้อจัดจ้างว่าทำได้เร็วขนาดไหน โดยหากจะมีการเปิดประมูลฯ จะต้องเริ่มภายในเดือนนี้ เพราะการหาผู้ประกอบการในเดือนเมษายนนี้ ต้องใช้เวลา 2-3 เดือน สำหรับกระบวนการ e-bidding

ในส่วนที่มีข้อเสนอให้ กทม.จัดเก็บค่าโดยสารเรื่อไฟฟ้าได้ หากประชาชนยินดีจะเสียค่าใช้จ่ายตรงนี้ จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าเรืออาจจะกลับมาเดินได้เหมือนเดิม รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า จากตัวเลขในวันนี้ เมื่อเอา 2.4 ล้านบาท หาร 30 วัน เท่ากับเราต้องเสียค่าใช้จ่ายวันละ 80,000 บาท ขนาดให้ใช้ฟรียังมีคนใช้แค่ 400 คน/วัน สมมุติเก็บคนละ 10 บาท ก็ได้แค่ 4,000 บาท/วัน ยังไงไม่มีทางคุ้มอยู่แล้ว ฉะนั้นจึงต้องปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการในรูปแบบที่มีความเป็นไปได้ ยังไง กทม.ก็ต้องสนับสนุนอยู่แล้ว เพียงแต่จะสนับสนุนอย่างไรให้คุ้มค่าเงินที่ลงไป

การให้บริการเดินเรือไฟฟ้าในคลองผดุงกรุงเกษมที่ผ่านมายังเป็นการให้บริการฟรีอยู่ เพราะระบบการจัดเก็บค่าโดยสารยังไม่คุ้มทุน คือเราอาจจะไปเสียเงินกับระบบการจัดเก็บค่าโดยสารมากกว่าค่าโดยสารที่ได้ หรือจากสัดส่วนแล้วอาจจะไม่ค่อยคุ้ม แต่เราไม่ได้นิ่งนอนใจ เดี๋ยวจะต้องหารูปแบบการจัดเก็บที่เหมาะสมต่อไป

ขณะเดียวกัน กทม.เร่งทบทวนรูปแบบโครงการ เดินเรือคลองแสนแสบ และ BRT ด้วย สำหรับกรณีเรือคลองแสนแสบ และ BRT ที่มีคนใช้น้อยนั้น รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า เรือคลองแสนแสบสัญญาจ้างจบเดือนกันยายน 2568 ยังมีเวลาอีกประมาณ 40 เดือน ระหว่างนี้ก็คงทบทวนหรือปรับเปลี่ยนรูปแบบให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้ของผู้ใช้บริการ ส่วน BRT น่าจะหมดสัญญาเดือนสิงหาคมปีนี้ ก็ต้องทบทวนรูปแบบเช่นกัน เพราะได้รับ feedback มาจากผู้ดำเนินการว่าขาดทุนเยอะ ไม่คุ้ม และอาจจะไม่เดินต่อ อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องหารูปแบบการให้บริการรูปแบบอื่นที่ลดค่าใช้จ่ายลงได้ และทำให้โครงการเดินได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์รูปแบบการให้บริการ ดูเส้นทาง และความคุ้มค่า ซึ่งจะต้องทบทวนแล้วเสร็จเร็วๆ นี้ เพราะการจะดำเนินการต่อเนื่องต้องมีการเตรียมการล่วงหน้า.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทหารกัมพูชาขุด “คูเลต” ลากยาว 650 เมตร

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- เปิดภาพ! “คูเลต” ทหารกัมพูชาขุดลากยาว 650 เมตร จากต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว จุดปะทะทหารไทย เมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี หลังพบขุดคูเลต จากจุดต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว ระยะทาง 650 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา เพราะเป็นการละเมิด MOU 2543 เป็นครั้งที่ 2 แต่ทางทหารกัมพูชากับยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน โดยช่วงนี้อยู่ระหว่างการเจรจาของผู้นำในพื้นที่ทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายทหารไทยยืนยันว่าให้ทหารกัมพูชา ออกจากพื้นที่อ้างสิทธิพร้อมกัน-313 .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ ทหารไทยเข้าเจรจากลับยิงสวน ลั่นปกป้องอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 เต็มที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึง เหตุปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา กำลังพลของกองกำลังสุรนารีได้ลาดตระเวนและพบว่า ทหารกัมพูชาขุดคูเลต เช่นเดียวกับเนิน 745 ช่องบก ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา แต่ทางกัมพูชา ยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน อย่างที่เป็นข่าว สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อจากนี้ ผู้บังคับบัญชาในระดับพื้นที่กำลังพูดคุยเจรจา “ยืนยันว่าทหารไทยทำหน้าที่รักษาอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 ซึ่งในพื้นที่ทับซ้อนของทั้ง 2 ประเทศ จะมีการออกลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายล้ำเข้ามา ซึ่งทุกฝ่ายต้องยึดตาม MOU 2543”.-313.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารกัมพูชา

ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณช่องบก คลี่คลายแล้ว

กองทัพบก 28 พ.ค.-ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว อยู่ระหว่างรอการเจรจา พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา โดยระบุว่าได้รับรายงานจาก กองกำลังสุรนารีเกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เวลา 05.30 น. โดย หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ได้รับการรายงานว่ามีทหารกัมพูชาเข้ามาวางกำลังในพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลง ฝ่ายไทยจึงจัดชุดประสานงานเพื่อเข้าพูดคุยเจรจาตามแนวทางการปฏิบัติที่เคยกระทำมา เมื่อถึงบริเวณดังกล่าว กำลังส่วนระวังเหตุของทหารกัมพูชา ได้เข้าใจผิด และเริ่มใช้อาวุธ ฝ่ายไทยจึงใช้อาวุธตอบโต้กลับไป โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ต่อมาเวลา 05.55 น. พลตรี ทล โซะวัน รองผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ฝ่ายกัมพูชา ได้โทรศัพท์ประสานงานกับ พันเอก บุญเสริม บุญบำรุง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยุติ โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงหยุดยิงและตรึงกำลังบริเวณจุดปะทะ ปัจจุบันทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการเจรจาผ่านกลไกทวิภาคี เพื่อจัดการกรณีอ้างสิทธิในพื้นที่ และกำหนดแนวทางร่วมกันในการปฏิบัติอย่างสันติ ตามข้อตกลงที่มีอยู่ […]

มติเอกฉันท์ สภาอนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล”

รัฐสภา 28 พ.ค.- สภาเอกฉันท์อนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล” ให้ธนาคารร่วมชดใช้ค่าเสียหายจาก “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” เร่งคืนเงินผู้เสียหาย ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ วาระการพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 และ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ ซึ่งแบ่งเวลาในการอภิปรายฝ่ายละ 2 ชั่วโมง รวม 4 ชั่วโมง และจะเป็นการรวมพิจารณา และแยกลงมติทีละฉบับ โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอหลักการว่า เนื่องจากปัจจุบัน มี พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ยังมีมาตรการบังคับทางกฎหมายที่ยังไม่เพียงพอ กับรูปแบบอาชญากรรม กลุ่มมิจฉาชีพ จึงต้องแก้ไขปรับปรุงให้ทันสมัย เช่น การเร่งคืนเงินให้ผู้เสียหาย, การอาญัติบัญชีม้า, การกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ และมาตรการการโอนเงินผิดกฎหมาย ผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล จากนั้น ได้เปิดโอกาสให้ สส.อภิปรายอย่างกว้างขวาง โดยนายจุติ […]

ข่าวแนะนำ

บินโดรนกระชับพื้นที่ไล่ล่าผู้ต้องหาฆ่ายัดถัง

นครสวรรค์ 29 พ.ค. – คดีฆ่ายัดถังที่นครสวรรค์ เช้านี้ตำรวจใช้โดรนบินไล่ล่าผู้ต้องหา รวมถึงจัดชุดเดินเท้ากระชับพื้นที่ หลังปิดล้อมข้ามคืนแต่ยังไร้วี่แวว กรณีพบศพนายจุฑาเพชร หรือ อ้วน ชาวอยุธยา ถูกฆ่ายัดถังพลาสติก 200 ลิตร โยนทิ้งอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ตะคร้อ อำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม โดยสภาพศพอยู่ในท่านั่งขัดสมาธิ สวมกางเกงขายาวคล้ายกางเกงวอร์มสีดำ เสื้อยืดแขนยาวสีเขียว ถูกยิงด้วยปืนลูกซองที่อกซ้าย กระสุนฝังกระจายทั่วอก ศีรษะมีรอยยุบ ส่วนตามตัวผู้ตายมีรอยสักหลายแบบ ทั้งพระนารายณ์แผลงศร พระนารายณ์สี่กร ยันต์เก้ายอด ยันต์มหาอุด และพ่อปู่ฤาษีนารอด เสียชีวิตมาแล้ว 3-5 วัน เมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.ตะคร้อ ได้นำหลักฐานขอศาลนครสวรรค์ ออกหมายจับนายปารวี หรือเกม อายุ 35 ปี เนื่องจากมีหลักฐานว่า เป็นคนใช้ปืนยิงเหยื่อเสียชีวิตในพื้นที่หมู่ 4 บ้านหนองมะค่า อำเภอโคกเจริญ จังหวัดลพบุรี ก่อนนำศพใส่รถกระบะมาทิ้งอำพรางที่อ่างเก็บน้ำตะคร้อ นครสวรรค์ […]

ปิดเส้นทางงดให้ชาวบ้านขึ้น “ช่องบก” หลังเหตุปะทะไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 29 พ.ค. – บรรยากาศภายในจุดเฝ้าระวัง ภจ12 (ฐานมรกต) อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย ในหมู่บ้านโนนสูง หมู่ 3 ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นทางขึ้นสู่ช่องบก ยังคงตึงเครียดต่อเนื่อง หลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาเมื่อวานนี้ (28 พ.ค.68) เช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้ปิดเส้นทางไม่ให้ชาวบ้านขึ้นไปยังพื้นที่ด้านบน พร้อมมีการตรึงกำลังทหารเพื่อดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ขณะเดียวกัน มีรถพยาบาลทยอยขึ้นไปยังพื้นที่เกิดเหตุอย่างต่อเนื่อง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้มีการบันทึกภาพบริเวณที่ตั้งกำลังของทหารไทย นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งจุดอำนวยการฉุกเฉิน โดยขนย้ายเต็นท์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ขึ้นไปเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ ชาวบ้านในพื้นที่แสดงความกังวลต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายสิทธิ์ อายุ 73 ปี กล่าวว่า ปกติจะขึ้นป่าเป็นประจำ แต่ตอนนี้เจ้าหน้าที่ห้ามเข้าพื้นที่ ทำให้ขาดรายได้ ขณะที่นางพวย อายุ 61 ปี เล่าว่า นี่เป็นครั้งที่ 3 ที่พบเหตุการณ์ในลักษณะนี้ ก่อนหน้านี้เคยมีกระสุนตกลงมาในหมู่บ้าน แม้รู้สึกกลัว แต่ก็พอทำใจได้ เพราะเคยผ่านเหตุการณ์คล้ายกันมาแล้ว ในช่วงบ่ายวันนี้ นายอำเภอน้ำยืนเตรียมเรียกประชุมหน่วยงานราชการในพื้นที่ เพื่อวางแนวทางรับมือและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขณะที่เวลา […]

นายกฯ ยันศาลเบรกภาษี “ทรัมป์” ไม่กระทบแผนเจรจาไทย

กรุงเทพฯ 29 พ.ค. – นายกฯ ยันศาลการค้ารัฐบาลกลางเบรกภาษี “ทรัมป์” ไม่ส่งผลกระทบแผนเจรจาไทย ทีมงานยังเดินหน้าต่อ จนถึงวันนี้ยังไม่ได้วันนัดชัดเจน รู้สึกสบายใจหลายประเทศอาเซียนก็อยู่ระดับเดียวกับไทย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ มีคำวินิจฉัยว่า ทรัมป์ ไม่สามารถใช้อำนาจฉุกเฉินในการกำหนดภาษีศุลกากรทั่วโลกได้ เรื่องนี้จะส่งผลกับประเทศไทยที่กำลังรอเจรจาเรื่องภาษีสหรัฐอเมริกาอยู่หรือไม่ ว่า ก็ให้เป็นไปตามกระบวนการไปตกลงจะมีผลอย่างไร ซึ่งตนเองก็ไม่แน่ใจแต่เราก็ต้องทำต่อ เตรียมความพร้อมต่อไป จะหยุดชะงักเลยก็คงไม่ได้และไม่แน่ใจว่ารับฟังหรือยัง เพราะระหว่างที่ไปประชุมที่มาเลเซียได้มีโอกาสได้คุยกับทุกประเทศ ได้คุยกันเรื่องของภาษีสหรัฐอเมริกา ทุกคนพูดเหมือนกันว่าหลายประเทศอยู่ในระดับเดียวกับประเทศไทย คือส่งรายงานเข้าไปและรอวันที่จะตอบกลับมาว่าจะได้ไปคุยวันไหน ยืนยันว่าเราไม่ได้ช้าและอยู่ในขั้นตอนของการรอวันที่จะไปคุยเช่นกันตามกรอบ 90 วัน จึงขอให้สบายใจได้ และจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้วันชัดเจนว่าจะได้คุยวันไหนต้องรอให้ทางสหรัฐอเมริกานัดมา แต่ในทีมทำงานไม่เป็นทางการยังติดต่อกันได้ ยังได้คุยและอัพเดทสถานการณ์กันอยู่ และก็เป็นสัญญาณบวก และย้ำอีกครั้งว่า ตนเองไม่ได้ถูกแบนวีซ่าสหรัฐอเมริกาขอให้สบายใจได้. -420-สำนักข่าวไทย

หุ้นบวก-บาทอ่อน-ทองลง รับข่าวศาลระงับมาตรการภาษีตอบโต้ของ “ทรัมป์”

กรุงเทพฯ 29 พ.ค. – หุ้นไทยบวก-บาทอ่อนค่า-ทองลง รับข่าวที่ศาลฯ ระงับมาตรการภาษีตอบโต้ของ “ทรัมป์” ขณะ บล.กรุงศรี คาด SET จะกลับเหนือ 1,200-1,210 จุด ใน 1-3 วัน เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 32.84-32.86 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (เวลา 09.56 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 32.62 บาทต่อดอลลาร์ฯ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุเงินบาทอ่อนค่าลงสอดคล้องกับสกุลเงินเอเชียอื่นๆ เงินเยน และเงินฟรังก์ สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่แข็งค่าขึ้น รับข่าวที่ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ในนิวยอร์กระงับการใช้มาตรการภาษีศุลกากรของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ออกมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต ในการเก็บภาษีแบบครอบคลุมจากประเทศที่ส่งออกสินค้ามายังสหรัฐฯ มากกว่าที่นำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ด้านทำเนียบขาวได้ยื่นอุทธรณ์คำตัดสินดังกล่าว และอาจยื่นเรื่องต่อไปจนถึงศาลสูงหากจำเป็น แต่ในระหว่างนี้ ตลาดมองว่าเป็นสัญญาณบวกว่าทรัมป์อาจยอมถอยจากการกำหนดภาษีในระดับสูงสุดที่เคยขู่ไว้ นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับการปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก และสัญญาณสะท้อนสถานะ outflows ของนักลงทุนต่างชาติออกจากตลาดพันธบัตรไทยในวันนี้ด้วยเช่นกัน สมาคมค้าทองคำ […]