เดินทางปีใหม่ ห่างไกลโควิด-19 ลงทะเบียนรับฟ้าทะลายโจรฟรี

กรมการแพทย์แผนไทยฯ 20 ธ.ค.- ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ กรมการแพทย์แผนไทยฯ ห่วงใยประชาชน ผนึกกำลังผู้ประกอบการสมุนไพรไทย ผุดแคมเปญ “พกฟ้าทะลายโจรอุ่นใจ เดินทางปีใหม่ ห่างไกลโควิด-19” ลงทะเบียนรับฟ้าทะลายโจรฟรีทางไลน์ Line Official Account “Fah First Aid” ตั้งแต่ 20 ธ.ค.65-31 ม.ค.66


กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ผนึกกำลังผู้ประกอบการผลิตฟ้าทะลายโจร เตรียมส่งมอบ “ฟ้าทะลายโจร” จำนวน 6,700 ชุด ให้ประชาชน ผ่าน Line OA “Fah First Aid” เหมาะที่จะพกติดตัวสำหรับเดินทางไกล ช่วงเทศกาลปีใหม่ ใช้ได้ทั้งผู้ป่วยโรคหวัดธรรมดา และรักษาผู้ป่วยโควิด-19 หลังผลการศึกษาวิจัยยืนยันสามารถรักษาผู้ป่วยที่มีอาการในระยะเริ่มต้นเป็นที่น่าพอใจ หวังลดค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล และสร้างความมั่นคงทางยาให้มีประสิทธิภาพ

นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทุกประเทศเร่งฉีดวัคซีนป้องกันให้ประชาชน และไม่ประมาทในการใช้ชีวิตประจำวัน ยังคงต้องดูแลตัวเองตามมาตราการ และต้องร่วมมือกันยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อให้การใช้ชีวิตและเศรษฐกิจของประเทศเดินหน้าต่อได้ ในการควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 และจากการศึกษาวิจัยที่ผ่านมากรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายได้ดำเนินการศึกษาผลของการรับประทานยาฟ้าทะลายโจรที่มีสารแอนโดรกราโฟไลด์ขนาด 180 มิลลิกรัม/วัน ติดต่อกัน 5 วัน สามารถใช้รักษาผู้ป่วยโควิดที่มีไม่มีอาการหรืออาการน้อยในระยะเริ่มต้นได้ โดยผ่าน 3 กลไกที่เกี่ยวข้องในการรักษาโควิด-19 คือ 1.การยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัส (ไม่ใช่ฆ่าเชื้อไวรัส) 2.ลดการอักเสบ ซึ่งมีผลในการลดอาการไข้ ลดอาการหวัด บรรเทาอาการ ไอ และเจ็บคอ 3.เพิ่มสารคุ้มกันบางชนิดในร่างกาย ดังนั้น แม้ว่าเชื้อโควิด-19 จะเปลี่ยนสายพันธุ์ไปเรื่อยๆ ฟ้าทะลายโจรยังเป็นสมุนไพรที่สามารถใช้รักษาผู้ป่วยโควิดที่มีไม่มีอาการหรืออาการน้อยในระยะเริ่มต้นได้ และในปัจจุบันยาฟ้าทะลายโจรได้รับการบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติ โดยมีข้อบ่งใช้ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการไม่รุนแรงอีกด้วย


ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้มีความเป็นห่วงว่าการใช้ฟ้าทะลายโจรจะส่งผลข้างเคียง โดยเฉพาะส่งผลต่อตับ ต่อไต หากใช้ติดต่อกันเกิน 5 วันนั้น ยืนยันว่าไม่มีผลต่อตับต่อไตอย่างที่เป็นกังวลกัน โดยผลการวิจัยและรักษาของกรมการแพทย์แผนไทยฯ และสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ วิจัยยืนยันว่าการใช้ฟ้าทะลายโจรที่มีปริมาณสารสำคัญแอนโดรกราโฟไลด์ ในขนาด180 มิลลิกรัม/วัน ทั้งในรูปแบบกินครั้งเดียว และกินต่อเนื่องเป็นเวลา 7 วัน ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข พบว่ามีความปลอดภัย และไม่พบความผิดปกติการทำงานของตับและไต

การใช้ยาฟ้าทะลายโจรในผู้ป่วยโรคโควิด-19 กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกแนะนำให้ใช้ยาฟ้าทะลายโจรที่ปริมาณ 180 มิลลิกรัม/วัน ติดต่อกัน 5 วัน โดยในเด็กจะต้องพิจารณาปรับขนาดยาตามน้ำหนักตัว ซึ่งหากร่างกายได้รับปริมาณสารสำคัญในแต่ละวันอย่างถูกต้อง จะทำให้ยาฟ้าทะลายโจรสามารถออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ การใช้ฟ้าทะลายโจร สามารถใช้ได้ทั้งคนที่ได้รับการตรวจยืนยันว่ามีการติดเชื้อโควิด-19 รวมทั้งในคนที่ติดเชื้อโควิดแต่ไม่แสดงอาการ รวมทั้งมีอาการน้อย อย่างไรก็ตาม การใช้ยาฟ้าทะลายโจร ยังมีข้อควรระวัง คือ ไม่ควรใช้ในสตรีตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร และหากมีอาการแพ้หลังรับประทาน เช่น ผื่นขึ้น หายใจลำบาก หน้าบวม ริมฝีปากบวม ให้หยุดทันที และภายใน 3 วันอาการยังไม่ดีขึ้นควรขอรับคำปรึกษาจากแพทย์อีกครั้ง

นพ.ธงชัย กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาตั้งแต่มีการระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกจ่ายยาฟ้าทะลายโจร ให้แก่ ภาคีเครือข่ายสาธารณสุข และประชาชนรวม 1,232,232 ราย หรือจำนวน 50,354,665 แคปซูล และทางกรมจัดทำช่องทางสำหรับขอรับความช่วยเหลือและ ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับยาฟ้าทะลายโจร รวมถึงการใช้ยาสมุนไพร แนะนำอาหารเป็นยา และการดูแลรักษาอาการโควิด-19 เบื้องต้น โดยแพทย์แผนไทย ผ่าน Line Official Account (Line OA) Fah Fiest Aid ในการรักษาตัวของผู้ป่วยโควิด-19 และผู้สัมผัสเสี่ยงสูง โดยมีผู้ลงทะเบียนกว่า 77,884 ราย เป็นผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 15,570 ราย ดำเนินการจัดส่งยาฟ้าทะลายโจรถึงบ้านผู้ป่วย 12,076 ชุด


และเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นที่จะส่งเสริมให้ประชาชนได้ใช้ฟ้าทะลายโจร ในช่วงปีใหม่นี้ประชาชนมีการเดินทางกลับภูมิลำเนาและอาจเจ็บป่วยระหว่างการเดินทาง ทั้งไข้หวัด ไอ เจ็บคอ หรืออาจมีอาการโควิด-19 การใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษาโรคดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ทางกรม ร่วมกับบริษัทผู้ผลิตยาฟ้าทะลายโจร เตรียมส่งมอบฟ้าทะลายโจร 6,700 ชุด โดยดำเนินโครงการผ่านแอปพลิเคชัน “Fah First Aid” ให้แก่ประชาชนผู้ที่มีความเสี่ยงสูงจากการสัมผัสผู้ป่วย หรือจากการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งสามารถติดต่อผ่านช่องทาง Line Official Account “Fah First Aid” ที่พร้อมให้บริการในการสอบถาม ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้ฟ้าทะลายโจร และสามารถลงความประสงค์ในการรับฟ้าทะลายโจรได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยพร้อมจะให้บริการตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2565-31 มกราคม 2566 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน

นพ.ธงชัย กล่าวในตอนท้ายว่า สำหรับประชาชนที่ต้องการยาฟ้าทะลายโจรหรือสอบถามข้อมูลเรื่องการใช้ยาฟ้าทะลายโจรครบวงจร สามารถรับบริการผ่าน Line Official Accout “FahFirstAid” สามารถลงทะเบียนโดยการเพิ่มเพื่อน พิมพ์ในช่องทางไลน์ไอดีว่า @fahdtam แล้วกดยอมรับยินยอมและรับทราบตามลำดับระบบจะให้กรอกข้อมูลส่วนตัว และกดบันทึกหน้าจอยืนยัน หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับบริการทางการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก สามารถสอบถามได้ที่ เบอร์สายด่วน 06-3-267-4154 Facebook กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก www.facebook.com/dtam.moph.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]