กรุงเทพฯ 14 ก.ย. – มท.1 ควง “ชัชชาติ” ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมลาดกระบัง ตระเวนไปหลายจุด ยืนยันทุกหน่วยพร้อมช่วยกรุงเทพฯ เต็มที่ ผู้ว่าฯ จะเอาอะไรขอให้บอก
จุดแรกที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่ากทม.ลงพื้นที่ คือ จุดติดตั้งเครื่องสูบน้ำของ ปภ. บริเวณสะพานคลองพระยาเพชร ถนนหลวงแพ่ง เขตลาดกระบัง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ให้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม ภายหลังกรุงเทพมหานครมีฝนตกมากถึง 30 เขต จาก 50 เขต และตกพร้อมๆ กัน จนเกิดปัญหา แม้กรุงเทพมหานครได้เตรียมการไว้แล้ว แต่เพราะปริมาณน้ำฝนมาก ส่วนการระบายน้ำได้ทำร่วมกันกับกรุงเทพมหานคร และมีหลายหน่วยร่วมดำเนินการเร่งระบายเต็มที่ หากฝนไม่ตกซ้ำมาอีกมากนัก สถานการณ์ก็จะกลับสู่ปกติได้ ส่วนเรื่องเครื่องมือผลักดันน้ำไม่มีปัญหา สามารถช่วยเหลือได้ทันที พลเอกอนุพงษ์ ยังกล่าวชมว่า ผู้ว่าฯ ชัชชาติ เป็นคนทำงานเร็วและหากต้องการความช่วยเหลือก็พร้อมช่วยได้ทันที
อย่างไรก็ตามภาพรวมการรับมือมวลน้ำตอนบน หากฝนตกเหนือเขื่อนก็ยังพอรับสถานการณ์ได้ ส่วนใต้เขื่อนก็มีการบริหารจัดการไประดับหนึ่งแล้ว ที่สำคัญมีทุ่งรับน้ำที่ยังไม่ได้ใช้ 10 ทุ่ง มั่นใจหากมีพายุเข้ามาอีก 1-2 ลูก ก็ยังสามารถบริหารจัดการได้ และสถานการณ์จะไม่เลวร้ายเท่าปี 2554
จากนั้นได้เดินทางไปมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมที่ชุมชนมัสยิดซิรอตุ้ลญันนะห์ เขตลาดกระบัง ซึ่งถูกน้ำท่วมนานกว่าสัปดาห์ บ้านเรือนประชาชนรอบมัสยิดกว่า 60 ครัวเรือน ถูกน้ำท่วม บางจุดลึกกว่า 50-60 เซนติเมตร โดยน้ำที่ท่วมในชุมชนเป็นน้ำที่เอ่อมาจากคลองลาดกระบังซึ่งอยู่หลังมัสยิดประมาณ 10 เมตร และส่วนหนึ่งเป็นน้ำจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก
นาย ชัชชาติ ระบุว่า ฝนที่ตกในเดือนกันยายนปีนี้มากกว่าค่าเฉลี่ย 2 เท่า จากเมื่อก่อนประมาณ 100 กว่ามิลลิเมตร ตอนนี้มากกว่า 300 มิลลิเมตร น้ำไหลลงสู่ลาดกระบังเร็วมากกว่าที่เคยเห็น ทำให้การระบายน้ำช้า ไม่ใช่เฉพาะลาดกระบัง แต่รวมถึงพื้นที่โดยรอบ ทั้งแปดริ้ว ปากน้ำ ทำให้การระบายออกทำได้ยาก น้ำในพื้นที่มากกว่า 726 ล้านลูกบาศก์เมตร ระบายได้เพียง 400 ล้านกว่าลูกบาศก์เมตร ทำให้ไม่สามารถระบายออกด้านข้างได้ .-สำนักข่าวไทย