19 ส.ค. – รายงานแผนและผลการติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา ด้านการเกษตร ข้อมูล ณ วันที่ 18 สิงหาคม 2568
จากเหตุการณ์ความไม่สงบเขตชายแดนไทย – กัมพูชา และเกิดการปะทะกันระหว่างทหารทั้งสองฝ่ายในพื้นที่ชายแดน ในวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 พื้นที่เสี่ยง 7 จังหวัด เฝ้าระวัง 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสระแก้ว ตราดและจังหวัดจันทบุรี เกิดเหตุ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดบุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ และจังหวัดอุบลราชธานี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ดำเนินการ ดังนี้
1.จัดตั้ง war room ติดตามและแก้ไขปัญหาสถานการณ์ด้านการเกษตรชายแดนไทย – กัมพูชา ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และที่สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด 7 จังหวัด เพื่อติดตามและรายงานสถานการณ์ รวมทั้งบูรณาการการปฏิบัติงาน
2.การดำเนินการของหน่วยงานในพื้นที่ สรุปได้ดังนี้
1)จัดตั้งศูนย์อพยพสัตว์ 122 จุด ได้แก่ ศรีสะเกษ 6 จุด สุรินทร์ 3 จุด อุบลราชธานี 102 จุด จันทบุรี 10 จุด ตราด 1 จุด อพยพสัตว์ 1,112 ตัว ได้แก่ สุรินทร์ 933 ตัว อุบลราชธานี 179 ตัว
2)จัดเตรียมเสบียงอาหารสัตว์ทุกจังหวัด และได้มอบหญ้าแห้งและพืชอาหารสัตว์แล้ว 239,500 กิโลกรัม ในพื้นที่สระแก้ว บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี การดูแลสุขภาพสัตว์ 140 ซอง และรักษาสัตว์ 84 ตัว
3)ความเสียหายด้านการเกษตร ข้อมูลกรมปศุสัตว์ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง
จังหวัดศรีสะเกษ สัตว์ตาย รวม 17 ตัว แบ่งเป็น โค 12 ตัว กระบือ 5 ตัว พื้นที่ประสบภัย 1 อำเภอ (กันทรลักษ์) 715 ไร่ ได้แก่ ข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง ส่วนด้านประมงไม่ได้รับผลกระทบ
บุรีรัมย์ สัตว์ตาย รวม 8 ตัว แบ่งเป็น โค 3 ตัว สุกร 5 ตัว พื้นที่ประสบภัย 1 อาเภอ (บ้านกรวด) 69 ไร่ ได้แก่ ข้าว ยางพารา อ้อยโรงงาน ยูคาลิปตัส เกษตรกร 1 ราย พื้นที่ 2 กระชัง วงเงินช่วยเหลือ 4,000 บาท
อุบลราชธานี สัตว์ตาย รวม 106 ตัว แบ่งเป็น โค 4 ตัว กระบือ 2 ตัว สัตว์ปีก 100 ตัว พื้นที่ประสบภัย 1 อาเภอ (น้ายืน) เกษตรกร 14 ราย ได้แก่ ข้าว ยางพารา อ้อยโรงงาน ยูคาลิปตัส ด้านประมงไม่ได้รับผลกระทบ
สุรินทร์ สัตว์ตาย รวม 667 ตัว แบ่งเป็น โค 56 ตัว กระบือ 14 ตัว สุกร 2 ตัว แพะ 3 ตัว และสัตว์ปีก 592 ตัว พื้นที่ประสบภัย 2 อำเภอ (สังขะ กาบเชิง) 5.16 ไร่ ด้านประมงไม่ได้รับผลกระทบ
4)จัดตั้งโรงพยาบาลสนามด้านปศุสัตว์จังหวัดสุรินทร์ 1 แห่ง
5)จัดตั้งศูนย์พักพิงในพื้นที่ของหน่วยงานในสังกัด กษ. 4 แห่ง ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์
6)สั่งการให้เจ้าหน้าที่อาเภอที่เกิดเหตุ อพยพออกจากพื้นที่ และให้ WFH ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์
7)กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับบริจาคเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ที่ห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (115) และได้มีพิธีปล่อยขบวนคาราวานของบริจาคไปพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 และได้แจกจ่ายช่วยเหลือประชาชนผู้อพยพตามศูนย์อพยพของจังหวัดเรียบร้อยแล้ว
แผนดำเนินการในระยะต่อไป
1.เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย กรณีเกิดความเสียหายด้านการเกษตร จะเร่งสารวจความเสียหายและช่วยเหลือตาม
ระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 ต่อไป
2.สนับสนุนเสบียงอาหารสัตว์ตามความต้องการของเกษตรกร
3.ดูแลสุขภาพสัตว์และรักษาสัตว์
4.เตรียมสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ผัก จานวน 40,000 ซอง
5.การสร้างแหล่งอาหารในครัวเรือน หรือ การส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์น้ าในบ่อพลาสติกและในกระชังบก
6.โครงการเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ ปี 2568 ในราคาถูก และการสนับสนุนผ่านโครงการศูนย์ข้าวชุมชน และการ
สนับสนุนปุ๋ยอินทรีย์น้ำ
7.การสนับสนุนพันธุ์หม่อนและไข่ไหม
8.การปรับระดับพื้นที่เกษตร/ปรับรูปแปลงนา และ การสนับสนุนสารพด ฟื้นฟุปรับปรุงดิน
9.การลดภาระหนี้ให้เกษตรกรในเขตปฎิรูที่ดินที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในเขตชายแดน
ไทย – กัมพูชา (ผ่อนผัน-ขยายการเก็บค่าเช่าซื้อที่ดิน ส.ป.ก./ผ่อนผัน-ขยายเวลาการชาระหนี้) และการให้การสนับสนุนสินเชื่อ (สำหรับลูกหนี้ใหม่ / ลูกหนี้ไม่มีหนี้ค้าง) โดยปลอดการดอกเบี้ยเงินต้น
10.การลดภาระหนี้สินของสมาชิกสถาบันเกษตรกร/กลุ่มเกษตรกร และขยายเวลาการชาระหนี้สินของ
สมาชิกสถาบันเกษตรกร/กลุ่มเกษตรกร (เบื้องต้นได้รับรายงานสหกรณ์ได้รับผลกระทบ 32 สหกรณ์/6 กลุ่มเกษตรกร)
11.ชดเชยความเสียหายของทรัพย์สินสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน
เขตชายแดนไทย – กัมพูชา
12.การจ้างแรงงานในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในเขตชายแดนไทย – กัมพูชา
(สามารถดำเนินการได้ทันที)
13.ปัญหาการขาดแคลนแรงงานภาคการเกษตร กรณีการเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร เช่น อ้อย ลำไย
ช่วงเดือน พ.ย. 68 – ม.ค.69 ส่วนใหญ่ใช้แรงงานจากประเทศกัมพูชา มีแนวทาง ดังนี้ ผู้ประกอบการจังหวัดสระแก้ว หารือกับผู้ประกอบการจันทบุรี จะใช้แรงงานชาวกัมพูชาจากจังหวัดจันทบุรี โดยจะพิจารณากับฝ่ายความมั่นคงเพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินการต่อไป สำหรับจังหวัดจันทบุรี สำนักงานจัดหางานจังหวัดจันทบุรี ได้ประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ให้กับนายจ้าง และแรงงานชาวกัมพูชาที่ยังปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ให้รับทราบข้อมูลการผ่อนผันให้แรงงานชาวกัมพูชา ตามมาตรา 64 แห่งพระราชกาหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม อยู่ทำงานได้ 6 เดือน (ถึงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2569) โดยที่ประเทศไทยและประเทศต้นทางของคนต่างด้าวซึ่งมีสัญชาติกัมพูชาได้ยกระดับมาตรการควบคุมการผ่านแดนในทุกจุดผ่านแดน ทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย – กัมพูชา เป็นเหตุให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานในราชอาณาจักรในลักษณะไป – กลับ หรือตามฤดูกาลบริเวณชายแดน ตามมาตรา 64 แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่ครบวาระการจ้างงานหรือการอนุญาตให้พำนักในเขตพื้นที่ชายแดนที่ได้รับอนุญาตสิ้นสุด แต่ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศต้นทางได้ สมควรให้คนต่างด้าวดังกล่าวอยู่ในราชอาณาจักรและทำงานต่อไปได้ด้วยเหตุผลทางมนุษยธรรม เป็นไปตามความของมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 ทั้งนี้ ให้แรงงานชาวกัมพูชาตามมาตรา 64 ดำเนินการตามขั้นตอนที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดจันทบุรีกำหนด. – 111 สำนักข่าวไทย