ขอนแก่น 9 ก.พ. – ที่ศาลาประชาคม บ้านยางคำ ม.2 ต.ยางคำ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ชาวบ้าน 500 ราย รวมตัวกันลงชื่อและร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอหนองเรือ หลังถูกครู 3 คน นำบัตรประชาชนไปสวมสิทธิ์ใช้ในโครงการคนละครึ่ง และโครงการเราเที่ยวด้วยกัน แลกกับเงิน 200 บาท ซ้ำยังกำชับรับเงินไปแล้วห้ามบอกใครเด็ดขาด
นางชุมพร ส่วยลี อายุ 62 ปี หนึ่งในชาวบ้านที่ถูกสวมสิทธิ์ กล่าวว่า ในช่วงเดือนตุลาคมและเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว มีครูทราบเพียงชื่อเล่นว่าครูอ้อ เป็นครูสอนที่ศูนย์ปฐมวัย ได้ให้ถ่ายสำเนาบัตรประชาชนแล้วจะได้รับเงิน 200 บาท จึงรวบรวมเอาบัตรประชาชนของคนในครอบครัวไปมอบให้ครูอ้อ จากนั้นก็รับเงินมา ครูอ้อ กำชับว่า รับเงินไปแล้วห้ามบอกใครเด็ดขาด
กระทั่งผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ประกาศแจ้งว่า ใครที่รับเงิน 200 บาท แล้วถูกถ่ายรูปเอาบัตรประชาชนไปให้มาลงชื่อกับเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรมอำเภอหนองเรือ จึงได้รู้ว่าตัวเองถูกสวมสิทธิ์ เพราะเป็นคนไม่มีโทรศัพท์มือถือ จึงไม่ทราบเรื่องการลงทะเบียนในโครงการต่างๆ ของรัฐบาล และเมื่อทราบว่าครูซึ่งเสมือนลูกหลานของชาวบ้าน ไม่น่ามาทำแบบนี้ ไม่น่ามาหากินกับคนจน

ด้านนายชัยพร อาจมนตรี อายุ 45 ปี กำนันตำบลยางคำ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุการณ์ชาวบ้านในพื้นที่ อ.บ้านฝาง ถูกครูนำเงินมาให้แล้วถ่ายเอาบัตรประชาชนไปสวมสิทธิ์เข้าใช้ในโครงการของรัฐบาล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น จึงสั่งให้ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ตรวจสอบในพื้นที่ตัวเองว่ามีชาวบ้าน ถูกสวมสิทธิ์หรือไม่ จึงตรวจสอบปรากฏในพื้นที่ตำบลยางคำ ซึ่งมีทั้งหมด 14 หมู่บ้าน มีชาวบ้านที่บ้านยางคำหมู่ที่ 1, 2 และบ้านยางคำ หมู่ที่ 13,14 และบ้านหนองหว้า ม.3 ถูกครู 3 คน คือครูอ้อ ครูเดียว ครูพี้ มาชวนให้รับเงินคนละ 200 บาท แล้วถ่ายเอาสำเนาบัตรประชาชนไป ส่วนใหญ่เป็นคนสูงอายุ รวมแล้ว 500 คน และเมื่อทราบรายละเอียด จึงรายงานไปยังนายอำเภอ กระทั่งมีการจัดเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอมารับคำร้องทุกข์จากชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าว ในขณะเดียวกันก็ประสานให้ตำรวจ สภ.หนองเรือทราบเรื่องดังกล่าวแล้วเช่นกัน. – สำนักข่าวไทย