ฉุนถูกเตือนให้สวมใส่แมสก์ ยกพวกรุมยำเด็กร้านสะดวกซื้อ 

ราชบุรี 29 มี.ค.- หนุ่มร้านสะดวกซื้อ เตือนลูกค้าที่เดินเข้าร้านให้ใส่แมสก์ ด้านลูกค้าไม่พอใจ ลงมือทำร้าย ก่อนเดินออกไปเรียกพวกหน้าร้านมารุมเตะต่อยจนสลบ กล้องวงจรปิดจับภาพเหตุการณ์ทั้งหมดไว้ได้ ล่าสุดรวบได้ยกเเก๊งเเล้ว


เหตุความรุนแรง ที่เพจดังอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 3นำคลิปมาแชร์ เป็นภาพกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายร่างกายพนักงานร้านสะดวกซื้อ ทั้งในร้านและด้านนอก พร้อมกับข้อความ “ทำร้ายขนาดนี้ ลงไปนอนยังซ้ำ คนที่มาด้วยก็ไม่ห้ามปรามอะไรเลย เหตุเกิดที่ร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมัน อำเภอเมืองราชบุรี ตามเวลาในกล้องครับ เตือนเรื่องแมสก์” 

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วง 00.40 น.ของวันที่ 27 มีนาคม ส่วนคนเจ็บคือ นายพัทธมน อายุ 19 ปี พนักงานร้านสะดวกซื้อ ตอนนี้ยังมีร่องรอยบาดแผลตามร่างกายเล่าว่า ช่วงที่อยู่ในร้านมีวัยรุ่นชายเดินเข้ามาในร้านด้วยท่าทางเมาสุรา และไม่ใส่แมสก์ จึงเตือนไปว่าให้สวมแมสก์ก่อนเข้าร้าน ทำให้ชายคนดังกล่าวไม่พอใจ พร้อมกับบอกว่า “มันเรื่องของกู  มึงจะทำไม มีปัญหาไหม”   


จากนั้นชายคนดังกล่าวพยายามชกมาที่ใบหน้า แต่เขาหลบได้ ก่อนที่จะป้องกันตัว สวนกลับไป จนเกิดเหตุชุลมุน แต่ชายคนดังกล่าวสู้ไม่ได้ เดินไปตามพวกอีก 3 คนที่อยู่หน้าร้านมาช่วยรุมเตะต่อย และลากเขาออกมาหน้าร้าน เพื่อรุมกระทืบ ทำให้เขาถึงกับสลบไป โชคดีมีหญิงสาวเข้ามาห้ามคนก่อเหตุทั้งหมดให้หยุด และเข้ามาปลุกจนเขาฟื้นขึ้นมา ยอมรับหลังเกิดเหตุร่างกายสะบักสะบอม จึงเข้ามาแจ้งความกับตำรวจ พร้อมกับไปตรวจร่างกาย ยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นแค่การตักเตือนคู่กรณีไปตามหน้าที่ และข้อกำหนดของร้านค้าที่มีให้เข้มงวดเรื่องมาตรการป้องกันโควิด-19 ที่ผ่านมา ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนในชีวิต ตอนนี้รู้สึกกลัวมาก 

ด้านนายสมเกียรติ ลักษณะวีระ อดีตนายก อบต.น้ำพุ เจ้าของร้านสะดวกซื้อ บอกว่า การกระทำของคนกลุ่มนี้ถือว่าเกินกว่าเหตุ ช่วงที่เกิดเหตุพนักงานในร้านโทรมา ได้รีบออกไปดูเหตุการณ์ ทำให้เห็นว่ากลุ่มคนก่อเหตุเป็นวัยรุ่นขาใหญ่อยู่ในละแวกนี้ ที่ปกติไม่มีใครกล้าเตือน แต่พอพนักงานเตือนตามหน้าที่ ทำให้ไม่พอใจ ส่วนผู้หญิงที่อยู่ในกล้องวงจรปิด และพยายามห้ามกลุ่มวัยรุ่น ขณะนี้สั่งพักงานไปแล้ว เพราะเป็นภรรยาของ 1 ในกลุ่มคนที่รุมทำร้ายพนักงาน  

คดีนี้ตำรวจใช้เวลาไม่นานไม่การติดตามตัวคนก่อเหตุ โดยรวบได้ยกแก๊ง แต่ทั้งหมดยังไม่ยอมให้การใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งตำรวจไม่ว่าอะไรเพราะมีหลักฐานครบ หลังจากนี้ให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยเช้านี้ได้ทำหนังสือส่งตัวทั้งหมดไปฝากขังที่ศาลจังหวัดราชบุรี ทั้งหมดยังไม่ได้ยื่นประกันตัวในชั้นสอบสวน แต่จะยื่นประกันตัวที่ศาลหรือไม่ เป็นสิทธิ์ที่ทำได้ ขณะที่ข้อหาในตอนนี้ที่ตั้งไว้คือ ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ และ ความผิดตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข กรณีไม่สวมแมสก์ ส่วนข้อหาอื่นๆ อยู่ระหว่างรอแพทย์วินิจฉัยอาการของผู้บาดเจ็บ.-สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง