รวบหนุ่มใหญ่ตระเวนรีดไถเงินร้านค้าย่านเมืองเก่าสงขลา

สงขลา 15 พ.ย. – ตำรวจสงขลารวบหนุ่มใหญ่ตระเวนข่มขู่รีดไถเงินร้านค้าย่านเมืองเก่าสงขลา พบเคยถูกจับมาแล้ว 2 ครั้ง และเคยรักษาตัวที่โรงพยาบาลจิตเวช สอบสวนก่อเหตุมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง อ้างนำเงินไปซื้อสุราและของใช้ส่วนตัว


เจ้าของร้านกาแฟและเบเกอรี่แห่งหนึ่งในย่าน ถ.นางงาม ต.บ่อยาง อ.เมือง จ.สงขลา โพสต์เฟซบุ๊ก หลังเมื่อช่วง 5 โมงเย็น วันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาภายในร้าน พูดจาข่มขู่ รีดไถเงินจากพนักงานหญิงในร้าน แต่พนักงานไม่ให้ ชายคนดังกล่าวก็ยังข่มขู่อีกว่าถ้าไม่ให้ตามที่ขอจะปล้นเงินในร้านทั้งหมด พนักงานตกใจจึงหยิบเงินจำนวนหนึ่งส่งให้ เมื่อได้เงินชายคนดังกล่าวก็เดินหายไป

หลังเกิดเหตุได้ให้พนักงานเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองสงขลา เพื่อตามตัวชายคนดังกล่าวมาดำเนินคดี พบเคยก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะตามร้านค้าต่างๆ ในย่าน ถ.นางงาม และย่านเมืองเก่าสงขลา และหากปล่อยไว้อาจสร้างความเดือดร้อนวุ่นวายให้กับชาวบ้าน หรือผู้ประกอบการคนอื่นๆ อีก


น.ส.พรลภัส พนักงานในร้าน บอกว่า ขณะเกิดเหตุตนทำงานอยู่ในร้าน จู่ๆ ผู้ชายคนดังกล่าวเดินเข้ามาในร้าน ทำท่าทางแปลกๆ แล้วบอกว่าขอเงิน 20 บาท และยังพูดจาข่มขู่ทำนองว่าถ้าไม่ให้จะปล้น รวมทั้งยังบอกอีกว่ามีพระ ถ้าจะเอาขายแค่ 200 บาท ซึ่งตนดูลักษณะแล้วเหมือนคนเมายา และไม่เคยเห็นชายคนนี้มาก่อน แต่เมื่อตนให้เงินแล้วก็ยังเห็นชายคนดังกล่าวออกไปขอเงินร้านอื่นที่อยู่ละแวกเดียวกันด้วย หลังจากนั้นตนเห็นคนโพสต์ว่าให้ระวังชายลักษณะดังกล่าวด้วย

หลังจากเกิดเหตุการณ์ได้แจ้งให้เจ้าของร้านทราบ และแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองสงขลา เนื่องจากกลัวว่าชายดังกล่าวจะมาที่ร้านอีก และอาจจะไปทำกับร้านอื่นๆ และอยากฝากถึงเจ้าหน้าที่ว่าขอให้จับคนชายคนดังกล่าวให้ได้ เนื่องจากบริเวณนี้เป็นย่านเมืองเก่า และเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัด ที่มีทั้งร้านค้า และนักท่องเที่ยวแวะเวียนกันมาเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ มีรายงานล่าสุดว่าเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.สงขลา สามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว ทราบชื่อคือ นายพิทยา อายุ 40 ปี จับกุมได้ขณะนายพิทยากำลังเดินอยู่บริเวณปากซอย 11 ถ.กาญจนวานิช ต.เขารูปช้าง อ.เมืองสงขลา ก่อนควบคุมตัวไปยัง สภ.เมืองสงขลา


จากการตรวจสอบประวัติพบว่าเคยถูกจับกุมในความผิดเกี่ยวกับทรัพย์จำนวน 2 คดี ในพื้นที่ สภ.ควนขนุน จ.พัทลุง และ สภ.เมืองสงขลา อีกทั้งยังพบว่าได้ตระเวนก่อเหตุในพื้นที่ สภ.เมืองสงขลา เบื้องต้นที่ตรวจสอบพบจำนวน 5 เหตุการณ์ โดยเข้าแจ้งความแล้วจำนวน 1 เหตุการณ์

สอบสวนนายพิทยาบอกว่าจะเอาเงินที่ได้ไปซื้อสุราและของใช้ส่วนตัว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้ง 2 ข้อหา คือ ลักทรัพย์ และกรรโชกทรัพย์ ก่อนคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสงขลา ดำเนินคดีตามกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เผยว่า จากการตรวจสอบประวัติยังพบว่า เคยเข้ารับการรักษาอาการทางจิตที่โรงพยาบาล จิตเวชสงขลาราชนครินทร์ ส่วนใครที่เคยถูก นายพิทยา เข้าไปขอเงิน หรือสร้างความเดือดร้อน ก็สามารถมาแจ้งความได้ที่ สภ.เมือสงขลา

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชียงใหม่อากาศแปรปรวน เจอลมหนาว-ฝนตก 3 วันติด

ชาวเชียงใหม่เจอลมหนาวและฝนตกต่อเนื่อง 3 วันติด อุตุฯ ย้ำอากาศแปรปรวน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ยังมีฝนตกและลมหนาว แนะรักษาสุขภาพ

“อัจฉริยะ” ยื่นสอบปม “ทนายตั้ม” ปูดข่าวผู้บริหารปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ

“อัจฉริยะ” ยื่นหนังสือตรวจสอบข้าราชการช่วยผู้บริหารรัฐวิสาหกิจปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ คาดอาจมีทนายดังเข้าไปเอี่ยว เสนอตำรวจให้สอบพยานรายสำคัญที่เป็นประโยชน์กับ “มาดามอ้อย”

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว

“บิ๊กอ้อ” เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” มีพฤติการณ์หนี-ยุ่งเหยิงพยานฯ

“บิ๊กอ้อ” ชี้ตำรวจต้องออกหมายจับ “ทนายตั้ม” เหตุพบพฤติการณ์เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้ยังมีคดีต่อเนื่อง 3 คดี เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นตอนเช้า-ภาคใต้ฝนหนัก

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นในตอนเช้า เตือนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง พร้อมอัปเดตเส้นทางพายุ “หยินซิ่ง”

MOU44

MOU 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง ตอนที่ 1

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องเอ็มโอยู 44 และเส้นแบ่งอาณาเขตทางทะเล หรือเส้นเคลม กลายเป็นปมร้อน ท่ามกลางความกังวลถึงผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และสิทธิเหนือเกาะกูด ติดตามความเห็นและมุมมองจากผู้เกี่ยวข้องในรายงาน “ปมร้อน เอ็มโอยู 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง”

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” สร้างตัวตนผ่านสื่อ หวังหาผลประโยชน์หรือไม่

หลังจากพนักงานสอบสวนควบคุมตัว “ทนายตั้ม” และภรรยา เข้าเรือนจำไปแล้ว มีคำถามตามมาว่า ทนายคนดังสร้างตัวตนจนโดดเด่นในสังคม เพื่อหาผลประโยชน์จากความน่าเชื่อถือที่สร้างไว้หรือไม่