ฝูงร็อตไวเลอร์ ระราน–รุมขย้ำชาวบ้านเจ็บเย็บ 7 เข็ม

สมุทรสาคร 1 พ.ย.- ฝูงสุนัขร็อตไวเลอร์ 4 ตัว รุมขย้ำชาวบ้านบาดเจ็บ ขณะที่เจ้าของยอมรับว่าดูแลสุนัขไม่ดีเพราะเมาเหล้า ถูกแจ้งข้อหาและฟ้องศาลสั่งย้ายสุนัขออกจากพื้นที่ไปอยู่ในที่เหมาะสม


กรณีโซเชียลแชร์คลิปเมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา สุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์ 3 ตัว เข้าไปป่วนในร้านโชว์ห่วย หมู่บ้านสุขถาวร อ.เมืองสมุทรสาคร ก่อนที่จะวิ่งออกไปจากร้านแล้วกัดเพื่อนบ้านจนบาดเจ็บ ต่อมาเย็นวันที่ 31 ตุลาคม 2564 ก็ปรากฏมีคลิปภาพสุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์ฝูงเดิม 4 ตัว วิ่งมาที่หน้าบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านสุขถาวร แล้วรุมกัดเจ้าของบ้านขณะยืนอยู่หน้าบ้าน ทราบชื่อผู้บาดเจ็บคือ นายนิพล นวมโคกสูง อายุ 56 ปี บาดเจ็บสาหัสมีบาดแผลที่แขนซ้ายเย็บ 7 เข็ม และขาขวาหลายแห่ง มีรายงานว่า พ.ต.อ.ธนากร วงศ์สิริลักษณ์  ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร มอบหมายให้ พ.ต.ท.ชุมพร ฉัตร์สงวนชัย รอง.ผกก.ป.สภ.เมืองสมุทรสาคร นำกำลังเข้าควบคุมตัวนายณรงค์ ขวัญบุญ อายุ 41 ปี เจ้าของสุนัขไปสอบปากคำที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร นายณรงค์   ไม่มีเจตนาหรือเหตุบาดหมางกับผู้เสียหายมาก่อน พร้อมยอมรับเป็นความประมาทเลินเล่อของตน ซึ่งอยู่ในอาการมึนเมาเนื่องจาดื่มเบียร์ไป 7 ขวด แต่ในตอนนี้อยู่ในอาการปกติและรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า กระทำประมาทและการกระทำเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและปล่อยปละละเลยให้สัตว์นั้นเที่ยวไปโดยลำพังในประการที่อาจทำอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์และจะได้นำตัวส่งฟ้องศาลต่อไป

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่หมู่บ้านสุขถาวร พบกับนายนิพล นวมโคกสูง ผู้เสียหายเล่าว่า วันเกิดเหตุเป็นช่วงเวลาฝนตก ตนยืนอยู่หน้าบ้าน ขณะนั้นมีฝูงสุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์ 4 ตัว วิ่งออกมาจากซอยใกล้เคียงแล้วพุ่งเข้ามารุมขย้ำตนเองทันที ซึ่งตนได้แต่ร้องให้คนช่วย และทำได้แค่ยืนเฉยๆ เพราะสุนัขยิ่งไปสู้มันยิ่งรุมหนักขึ้น จึงต้องยืนนิ่งๆ ให้มันแน่ใจว่าเหยื่อยอมแพ้แล้ว มันจึงยอมปล่อยแล้วก็วิ่งกลับไปยังบ้านเจ้าของในซอย 9  ซึ่งหลังเกิดเหตุตนเองก็ไปเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร โดยเบื้องต้นแพทย์ลงความเห็นให้พัก 15 วัน แล้วดูอาการของบาดแผลต่อไปเรื่อยๆ นอกจากนี้ยังได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร โดยจะต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะทุกวันนี้หลังจากที่เคยเกิดเหตุมาแล้วเมื่อเกือบ 1 เดือนที่ผ่านมา ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้นเลย คนในหมู่บ้านยังคงอยู่กับความหวาดกลัวเรื่อยมา หากเมื่อวานนี้ไม่ใช่ตนเองที่ถูกกัดแต่เป็นเด็กเล็กๆ จะทำอย่างไร อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว


ด้านนายสมนึก เนตรแก้ว อายุ 54 ปี เจ้าของร้านโชว์ห่วย ที่เคยเป็นผู้นำภาพสุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์วิ่งเข้าร้าน ก็บอกว่านับตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ที่สุนัขวิ่งเข้ามาในร้านก่อนออกไปกัดเพื่อนบ้านนั้น ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นเลย เคยมีการนำสุนัขออกไป 1 ตัว แล้วก็เอากลับเข้ามาใหม่ ทางเจ้าของบ้านก็บอกว่า ใครอยากฟ้องก็ไปฟ้องร้องเอาเลย เขาเองไม่มีเงินทำกรงให้หมาก็ต้องปล่อยไว้แบบนี้ ซึ่งทุกวันนี้ทุกคนในหมู่บ้านก็ยังอยู่กับความหวาดกลัวเพราะไม่รู้ว่าสุนัขจะหลุดออกมากัดคนอีกเมื่อไหร่ แล้วก็มีวันนั้นจริงๆ เมื่อวานนี้ที่มันออกมารุมกัดคนอยู่ซอยติดกันจนได้รับบาดเจ็บหนักกว่ารายแรกอีก ทั้งนี้จึงต้องการให้เจ้าหน้าที่มาจับสุนัขทั้ง 6 ตัว ออกไปจากหมู่บ้านนี้ก่อน พร้อมกับดำเนินคดีเจ้าของสุนัขด้วย 

ด้าน พ.ต.อ.ธนากร วงศ์สิริลักษณ์ ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร ปศุสัตว์จังหวัดสมุทรสาคร เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสมุทรสาคร เจ้าหน้าที่ อบต.บ้านเกาะปศุสัตว์อำเภอ เจ้าหน้าที่กรมการปกครอง เดินทางไปที่บ้านเจ้าของสุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์ทั้ง 6 ตัว พบว่าบ้านถูกปิดเงียบ มีการนำแม่กุญแจสภาพใหม่เอี่ยมมาคล้องปิดล็อกไว้ เมื่อตะโกนเรียกก็ไม่มีคนออกมาได้ยินแค่เสียงสุนัขเห่าออกมา เนื่องจากนายณรงค์ ขวัญบุญ เจ้าของสุนัขที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวไปสอบปากคำตั้งแต่เมื่อช่วงค่ำวานนี้ ยังอยู่ในการควบคุมของตำรวจเพื่อเตรียมส่งฟ้อง เพื่อให้ศาลมีคำสั่งให้เคลื่อนย้ายสุนัขทั้งหมดออกจากพื้นที่ภายในวันนี้

โดยตำรวจจะเสนอสำนวนคดีต่ออัยการ เพื่อขอให้ดำเนินการยึดสุนัขทั้งหมดไว้เนื่องจากเป็นการก่อเหตุซ้ำซ้อนหลายครั้ง ก่อให้เกิดความทุกข์ร้อนต่อชาวบ้าน ในการนี้ยังได้มีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งปศุสัตว์จังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อร่วมกันเคลื่อนย้ายสุนัขออกจากพื้นที่ ไปไว้ยังจุดรับเลี้ยงที่มีความเหมาะสม ขณะที่ทางด้านของเจ้าของสุนัข จะต้องถูกดำเนินคดีในฐานะเป็นผู้ควบคุมสัตว์ดุร้ายแล้วปล่อยให้ไปเกิดเหตุอันตรายต่อผู้อื่น ส่วนผลการสอบปากคำเบื้องต้นทางเจ้าของสุนัขก็ให้การยอมรับโดยอ้างว่า สุนัขทั้งหมดเป็นของตนจริงแต่ไม่ได้เจตนาปล่อย สุนัขหลุดออกไปก่อเหตุเอง.-สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยินดีเขมรขนคนเที่ยวโบราณสถานไทย เตือนเคารพกฎ

20 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ฮึ่มป่วน “ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย” เจอมาตรการเบาไปหนัก ยินดีเขมรขนคนมาชมสองโบราณสถานของไทย ส่วนโซเชียลรณรงค์คนไทยเจ้าบ้านใส่เสื้อไทยร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาขนประชาชนกัมพูชาหลายรถบัสขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยว เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของไทยและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน “หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทย พร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า “รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง” -สำนักข่าวไทย

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย

จับตา! กัมพูชาพาทัวร์เขมรเยือน “ตาเมือนธม”

สุรินทร์ 20 ก.ค.- จับตา! กัมพูชาพาทัวร์เขมรเยือนปราสาท “ตาเมือนธม” ด้านทหารไทย-ฝ่ายปกครอง จัดกำลังดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวไทยใกล้ชิด บรรยากาศการท่องเที่ยวช่วงวันหยุดที่ปราสาทตาเมือนธม ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ วันนี้ ถูกจับตามองเป็นพิเศษ หลังมีรายงานว่าทางกัมพูชาเตรียมเกณฑ์นักท่องเที่ยวชาวเขมรขึ้นมาเยือนปราสาทตาเมือนธม ซึ่งขณะนี้ทราบว่า มวลชนมาด้วยรถโดยสารประจำทางของฝั่งกัมพูชาเกือบ 23 คันรถ โดยจอดอยู่ข้างล่างฝั่งกัมพูชาและเริ่มทยอยขึ้นมายังปราสาทตาเมือนธมอย่างต่อเนื่อง บรรยากาศภายในตัวปราสาทฯ ยังคงเนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งไทยและกัมพูชา ท่ามกลางการดูแลอำนวยความสะดวกของเจ้าที่ทหารไทยเป็นอย่างดี ขณะนี้ยังไม่มีปัญหาเกิดขึ้นแต่อย่างใด -สำนักข่าวไทย