วันหยุดยาว แหล่งท่องเที่ยวคึกคัก หลังเงียบเหงามานาน

สุราษฏร์ธานี 23 ต.ค.- หยุดยาว 4 วัน พบว่าตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังเงียบเหงาจากสถานการณ์โควิด-19 มานาน 


ท่องเที่ยวเกาะสมุยกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ตั้งแต่โรงแรมจนถึงระบบขนส่ง ไม่มีนักท่องเที่ยวต้องหยุดให้บริการ บางรายเลิกทำธุรกิจไปเลยเนื่องจากขาดทุนติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง แต่วันนี้หลังเกาะสมุยผ่อนคลายมาตรการในการเดินทางเข้าเกาะสมุย ทำให้วันหยุดยาวมีนักท่องเที่ยวทั้งคนไทย และต่างชาติเดินทางเข้าเกาะสมุยเพิ่มขึ้น จนบรรยากาศคึกคักอย่างมาก บริษัท เรือเร็วลมพระยา จำกัด ที่ให้บริการจากเกาะสมุยไปเกาะพะงัน เกาะเต่า และเกาะนางยวน นำเรือแคทตามารันกลับมาให้บริการอีกครั้งลังหยุดให้บริการมาเกือบ 2 ปี    

จ.กาญจนบุรี  นักท่องเที่ยวล้นสะพานไม้อุตมานุสรณ์ 


เช่นเดียวกับที่ชุมชนชาวมอญ บ้านวังกะ หมู่ 2 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของอำเภอสังขละบุรี คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาร่วมทำบุญตักบาตรตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อความเป็นศิริมงคล ส่วนใหญ่ใส่ชุดพื้นเมืองสีสันสวยงาม ถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก ก่อนไปเดินเล่นบนสะพานไม้อุตมานุสรณ์  สะพานไม้ยาวที่สุดในประเทศไทย ซึ่งอากาศตอนนี้กำลังเย็นสบาย พร้อมทั้งใช้บริการปะแป้งทานาคา และเลือกซื้อดอกไม้ เพื่อนำไปไหว้พระที่เมืองบาดาล เป็นภาพบรรยากาศที่หายไปนานนับปี หลังจากเกิดวิกฤติโควิด -19 ในปี 2563 ส่งผลให้ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก โรงแรม ต่างได้รับอานิสงค์ไปด้วย คาดว่าในช่วงวันหยุดยาวนี้ มีเงินสะพัดในพื้นที่กว่า 3 ล้านบาท

ส่วนที่ภูกระดึงช่วงเช้า แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดเลย มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากหลั่งไหลขึ้นไปสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติ ท่ามกลางอากาศที่เริ่มหนาวเย็น อุณหภูมิ 16.5 องศาเซลเซียส มีหมอกลงจัด เมื่อคืนที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวพักแรมบนยอดภูกระดึง 1,025 คน  ส่วนหนึ่งพากันตื่นเช้า เดินฝ่าหมอกหนาไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น แม้จะผิดหวังกับแสงแรกยามเช้า แต่ทดแทนด้วยบรรยากาศการสุดฟินในม่านหมอก ทั้งนี้ อุทยานฯได้กำหนดจำนวนนักท่องเทียวที่เดินขึ้นพักแรมบนยอดภูกระดึงไม่เกินวันละ 1,000 คน จากปกติ 5,000 คน ตามมาตรการป้องกันแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นักท่องเที่ยวต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม หรือมีผลตรวจเป็นลบไม่เกิน 72 ชั่วโมง ซึ่งทางอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ได้ให้บริการตรวจเบื้องต้นให้แก่นักท่องเที่ยวด้วย.-สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”