เปิดใจลูกสาว หลังแม่ดูดไขมันเสียชีวิต

กทม. 22 ก.พ.- ลูกสาวหญิงดูดไขมันเสียชีวิต เข้าให้ปากคำกับตำรวจ ยืนยันแม่ร่างกายแข็งแรงไม่เคยแพ้ยา คาใจไม่รีบนำตัวส่งโรงพยาบาล ยืนยันเอาเรื่องถึงที่สุด


จากกรณีที่ อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ร้องเรียนกับสื่อมวลชนว่า น้องสาวของตน (นางศรัณย์ภัทร์ กาญจนสุวรรณ์) อายุ 54 ปี ได้ไปดูดไขมันที่คลินิกชื่อดังแห่งหนึ่งย่านรามคำแหง เมื่อวันที่20 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาและเสียชีวิตในวันนั้น มีการตั้งข้อสังเกตว่าคลินิกอาจไม่ได้มาตรฐาน เนื่องจากน้องสาวเป็นคนสุขภาพดีไม่มีโรคประจำตัว 

ล่าสุดวันที่ที่สน.หัวหมาก ลูกสาวของผู้เสียชีวิตเข้าให้ปากคำกับตำรวจที่ต้องการสอบปากคำทางฝั่งผู้เสียหายเพิ่มเติม และลูกชายผู้ตายได้แจ้งความร้องทุกข์ เพิ่มเติมอีกด้วยเพื่อให้มีการดำเนินคดีกับแพทย์และพยาบาลที่คลินิกแห่งที่ทำให้แม่เสียชีวิต พร้อมเล่าว่าแม่ตั้งใจจะดูดไขมันที่ช่วงหลังออก เพราะก่อนหน้านี้ที่ออกกำลังกายมาตลอด แต่ไม่สามารถกำจัดไขมันที่หลังได้ แม่เคยเล่าให้ฟังว่าทางแพทย์ของคลินิกได้ให้ข้อมูลและการันตีผลที่จะได้รับการรักษา รวมทั้งมีการโฆษณาและพยายามโน้มน้าวใจว่าสามารถทำได้สำเร็จ จนแม่เชื่อใจและตกลงค่าใช้จ่ายรวมทั้งนัดวันที่จะทำการดูดไขมัน ซึ่งก็คือวันเกิดเหตุ 20 กุมภาพันธ์ ซึ่งในวันดังกล่าว แม่ได้แจ้งให้ตนเดินทางไปรับกลับบ้านช่วงเวลา 14.00 น. แต่ช่วง 13.06 นาฬิกา ทางคลินิกฯ ได้พยายามติดต่อผ่านไลน์ ทั้งข้อความและการโทรไลน์  แต่เพราะบัญชีไลน์ยังไม่ได้เป็นเพื่อนกัน จึงทำให้ไม่สามารถติดต่อได้ ทางคลินิกจึงเปลี่ยนไปติดต่อทางน้องชายว่า แม่เริ่มมีอาการผิดปกติซึ่งในเวลานั้นน้องชายได้พยายามแจ้งให้คลินิกนำแม่ไปส่งโรงพยาบาล จากนั้นเมื่อตนทราบจึงรีบเดินทางไปที่คลินิกดังกล่าว


แล้วได้เข้าไปหาแม่ซึ่งขณะนั้นร่างกายของแม่เย็นแล้ว ครอบครัวได้ตั้งข้อสังเกตว่าก่อนที่จะติดต่อหาญาติ ทำไมทางคลินิกไม่มีการนำตัวคุณแม่ส่งโรงพยาบาล ทั้งที่สถานที่ตั้งของคลินิกเองอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลขนาดใหญ่ถึง 2 แห่ง อีกทั้งหลังจากที่เข้าไปในคลีนิก เห็นว่าอุปกรณ์รวมทั้งสถานที่ดูแล้วอาจไม่ได้มาตรฐานทั้งตัวคลินิกตั้งอยู่ในตึกแถว อุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้ทำศัลยกรรมและกู้ชีพ รวมถึงในถังขยะภายในห้องเจอหลอดฉีดยาที่ภายในบรรจุน้ำสีขุ่นคล้ายยาสลบแต่ไม่ทราบใช่หรือไม่ ซึ่งจากการพูดคุยกันระหว่างแม่และคลินิกระบุว่าจะใช้เพียงยานอนหลับเท่านั้น 

ส่วนที่หลายคนตั้งคำถามว่าแม่ของตนเสียชีวิตเพราะรับยาเกินขนาดหรือไม่ ต้องรอผลตรวจพิสูจน์จากทางเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ตนได้มีโอกาสคุยกับแพทย์เจ้าของเคสของคลินิก ซึ่งแพทย์ได้แจ้งว่าหลังจากที่เริ่มลงมือดูดไขมันได้เพียง 20 นาที แม่เริ่มมีอาการผิดปกติ ซึ่งต่อจากนั้นทางพยาบาลและหมอพยายามกู้ชีพด้วยการซีพีอาร์ แต่ไม่เป็นผลทั้งนี้ก่อนแม่จะใช้บริการดูดไขมันที่คลินิกแห่งนี้ ได้ไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล และพูดคุยกับพยาบาลของคลินิกเองถึงความกังวล ว่ายานอนหลับจะทำให้หลับได้นานขนาดไหนกลัวตาย และจะฟื้นหรือไม่ซึ่งได้รับการยืนยันว่าฟื้นแน่นอน

ยืนยันว่าแม่ของตนไม่เคยแพ้ยาแพ้อาหารใดๆ และที่ผ่านมาสุขภาพแข็งแรงมากเพราะมีการดูแลตัวเองอย่างดีและออกกำลังกายมาสม่ำเสมอ และก่อนหน้าแม่เคยผ่านการดูดไขมันมาแล้วที่อื่น ซึ่งในครั้งนั้นไม่เคยมีปัญหาหรืออาการแทรกซ้อนทั้งตอนทำและหลังทำ ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตในใบแพทย์ระบุระบบหายใจ และระบบโลหิตไหลเวียนล้มเหลว สำหรับคำให้การนั้นอยู่ในสำนวนทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ หลังจากนี้จะมีการเชิญฝั่งญาติของผู้ตายเข้าให้ปากคำ  ยืนยันจะทำสำนวนอย่างรอบคอบให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย


ขณะเดียวกัน กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หรือสบส.ลงพื้นที่ตรวจสอบคลินิกเสริมความงามที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่ในซอยรามคำแหง 24 เขตบางกะปิ กรุงเทพ เบื้องต้น พบว่าเป็นอาคาร 3 ชั้น เปิดให้บริการประเภทไม่รับผู้ป่วยค้างคืน ชั้นล่างเป็นเคาท์เตอร์ต้อนรับ ชั้น 2 ให้บริการเรื่องความงาม และเก็บอุปกรณ์ยา ชั้น 3 เป็นห้องผ่าตัดขนาดเล็ก มีใบจดแจ้งสถานประกอบคลินิกเวชกรรมถูกมาตรฐานตามที่ขออนุญาต และมีการขออนุญาตจัดทำห้องผ่าตัดขนาดเล็ก ภายในห้องผ่าตัดที่เกิดเหตุ พบว่าตำรวจได้นำอุปกรณ์วัดสัญญาณชีพ และเครื่องฟื้นคืนชีพไปเป็นพยานหลักฐานทางคดีแล้ว อย่างไรก็ตามพบว่า คลินิกดังกล่าวเปิดบริการไม่ตรงกับเวลาที่ขออนุญาตโดยขอไว้ช่วงเวลา 17.00-20.00 น.แต่ความจริงเปิดตั้งแต่ 12.00 น.  เบื้องต้น สบส.จะแจ้งความฐานประกอบกิจการสถานพยาบาลไม่ได้รับอนุญาต ตาม พรบ.สถานพยาบาล 2541 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ

ส่วนกรณีผู้ป่วยเสียชีวิตจะทำหนังสือเชิญหมอที่ดำเนินการหัตถการกับผู้เสียชีวิตไปให้ข้อมูลกับทางแพทย์สภา เพื่อพิจารณาว่าดำเนินการไปตามมาตรฐานวิชาชีพหรือไม่ซึ่งได้รับการบอกเล่าว่า หมอที่ทำการหัตถการได้พยายามช่วยฟื้นคืนชีพแล้วแต่ไม่สำเร็จ เมื่อสอบถามว่าเหตุใดจึงไม่ส่งผู้ตายไปโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ทางคลินิกชี้แจงว่าอยู่ในขั้นตอนระหว่างการส่งต่อ ซึ่งอาการของผู้เสียชีวิตในขณะนั้นไม่เหมาะกับการเคลื่อนย้ายเอง ส่วนปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้เสียชีวิตในระหว่างการดูดไขมัน อาจเกิดจากยาบางชนิด ทำให้ความดันตกหรือเกิดจากการใช้เครื่องมือสอดเข้าไป หากดูดไขมันออกในปริมานที่มากและรวดเร็ว อาจทำให้ร่างกายช็อกได้ เบื้องต้นยังไม่สั่งปลดสถานประกอบการ เพราะยังไม่ใช่ข้อหาร้ายแรง.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิด 13 ข้อตกลงหยุดยิง ไทย-กัมพูชา เห็นพ้องรักษาสันติภาพ

มาเลเซีย 7 ส.ค.-เสร็จสิ้นแล้ว การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ที่ 2 ชาติ เห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อระหว่างกัน โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้1.ยุติการใช้อาวุธทุกประเภท การโจมตีต่อพลเรือน เป้าหมายพลเรือน และเป้าหมายทางทหาร ในทุกพื้นที่และทุกกรณี2.รักษาสถานะการวางกำลังในที่ตั้งปัจจุบัน สถานะตั้งแต่ 28 ก.ค.68 โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง และไม่มีการลาดตระเวนไปยังที่ตั้งของอีกฝ่าย3.ไม่เพิ่มเติมกำลังตลอดแนวชายแดนไทย – กัมพูชา4.ไม่กระทำการอันเป็นการยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียด การมีกิจกรรมทางทหารเข้าไปยังดินแดน เขตน่านฟ้า หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย ตามสถานะการหยุดยิง ตั้งแต่ 28 ก.ค.68 และไม่สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกไปนอกขอบเขตของฝ่ายตน5.ไม่ใช้กำลังต่อพลเรือน หรือเป้าหมายทางพลเรือนในทุกกรณี6.การปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา: การปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกจับกุมตัว การขอส่งตัวผู้บาดเจ็บมารักษาในสถานพยาบาลของอีกฝ่าย โดยจะขึ้นอยู่กับศักยภาพในการรองรับของสถานพยาบาลแล้วแต่กรณี สำหรับทหารที่อยู่ในความควบคุมของอีกฝ่ายหนึ่งจะได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศ หลังจากยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติโดยเร็ว และจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะและด้วยความเคารพ7.กรณีมีความขัดแย้งกันด้วยอาวุธ ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งสองฝ่ายจะหารือกันในระดับปฏิบัติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เพื่อป้องกันการขยายตัวของสถานการณ์8.เห็นชอบให้เพิ่มในเรื่องของการปฏิบัติดังนี้8.1 ดำรงการติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่องระหว่างหน่วยทหารในพื้นที่8.2 จัดการประชุม RBC ภายใน 2 สัปดาห์ นับจากการประชุม […]

มท.1 เด้งฟ้าผ่า ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี

เมืองทองธานี 7 ส.ค.-รมว.มหาดไทย สั่งเด้งฟ้าผ่า “ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี” ก่อนประชุมมอบนโยบายกระทรวงมหาดไทย เหตุมีปัญหาเบิกจ่ายงบประมาณดูแลประชาชนได้รับผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยก่อนการประชุมมอบนโยบายสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ว่า ได้มีการสั่งย้าย ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ให้มาช่วยราชการที่กระทรวงมหาดไทย หลังมีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณในการช่วยเหลือดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีการเบิกงบทดรองราชการจ่ายเพียง 55,600 บาท จากที่รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้ 100 ล้านบาท ส่วนจะย้ายชั่วคราว หรือถาวรน้้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากัน เมื่อถามว่า จะรอผลสอบก่อนใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากันในรายละเอียด โดยคำสั่งจะออกในช่วงเช้าวันนี้ อย่างไรก็ตาม มีการยืนยันจากผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ว่าได้เดินทางมาร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย​ แต่ปฏิเสธที่จะแสดง​ความเห็น​ และไม่ขอให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน.-315.-สำนักข่าวไทย

ผบช.ก.สั่งสอบญาติพระวัดพระบาทน้ำพุ ร่ำรวยผิดปกติ

7 ส.ค. – ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สั่งการชุดสืบสวนตรวจสอบความผิดปกติของญาติพระในวัดพระบาทน้ำพุ ร่ำรวยผิดปกติ รวมทั้งคดีของหมอบี นำเงินวัดไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยถึงกรณีของหมอบี หมอดูชื่อดัง ที่ถูกกล่าวหาว่า เปิดบัญชีในนามของวัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรี แต่กลับนำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ หรือส่งเงินให้วัดไม่ครบทั้งหมดว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม ตรวจสอบข้อร้องเรียนอย่างละเอียดแล้ว ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก โดยมีการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง ทั้งฝั่งของผู้ร้องและผู้เกี่ยวข้องกับเงินบริจาค ไปมากกว่า 10 ปากแล้ว แต่อีกส่วนหนึ่งที่อยู่ระหว่างการเร่งตรวจสอบคือ กรณีการทุจริตเงินบริจาคที่จะให้กับวัด และการใช้จ่ายเงินบริจาค ภายในวัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียด ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าวัดมีลักษณะพฤติการณ์ใช้นอมินีไปกว้านซื้อที่ดินและสนามกีฬาภายในจังหวัดลพบุรี โดยใช้ชื่อของมูลนิธิ เรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียด โดยก่อนหน้านี้มีประชาชนรายหนึ่งได้โทรศัพท์แจ้งว่าญาติของพระในวัด ร่ำรวยผิดปกติ โดยไม่ทราบว่านำทรัพย์สินต่างๆ มาจากส่วนใด ขณะนี้ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนสอบสวน ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบกรณีนี้แล้วเช่นกัน.-415-สำนักข่าวไทย

รวบไฮโซคนดังพร้อมปืน 20 กระบอก กระสุน และโคเคน

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – รวบ “ไฮโซลูกนัท” คนดัง พร้อมปืนกว่า 20 กระบอก กระสุนอื้อ-ยาโคเคน หลังชักปืนตบหน้าเหยื่อสาวบังคับเสพยา เมื่อวันที่ 7 ส.ค. กองกำกับการสวัสวัสภาพเด็กและสตรี (กก.ดส.) นำหมายค้นศาลอาญาพระโขนงเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งในเขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร และจับกุมนายธนัตถ์ หรือไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี สัญชาติไทย พร้อมของกลางที่ตรวจค้นพบในบ้านเป็นอาวุธปืนหลายขนาด และเครื่องกระสุนหลายขนาดกว่า 2,000 นัด ทั้ง ปืนกึ่งอัตโนมัติขนาด 9 มม. ปืนลูกซอง 1 กระบอก แมกกาชีนปืนสั้น 16 อัน แมกกาชีน smg 9 มม. 5 อัน แมกกาชีน ปลย.(AR) 5 อัน กระสุนขนาด .308 60 นัด กระสุนขนาด 5.56 […]

ข่าวแนะนำ

ไร้คู่แข่ง “ไชยา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1

รัฐสภา 7ส.ค. – “ไชยา พรหมา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 แบบไร้คู่แข่ง ประกาศพร้อมจับมือทุกฝ่ายทำให้สภาฯ เป็นที่พึ่งของประชาชน การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาลงมติเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 แทนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง โดยนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอชื่อนายไชยา พรหมา สส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย เพียงชื่อเดียว จากนั้นนายไชยา ได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมสภาฯ ว่า ขอบคุณประธานฯ และสมาชิก ที่ให้ความไว้วางใจให้ทำหน้าที่เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ขอยืนยันว่าจะใช้ความรู้ความสามารถและประสบการณ์การทำงานทางการเมืองตลอดชีวิตการทำงานเพื่อสภาฯ แห่งนี้ อย่างน้อยสถาบันนิติบัญญัติเป็นกลไกที่มีความสำคัญไม่แพ้อำนาจฝ่ายบริหาร ประธานฯ และตัวไชยาเอง อยู่สภาฯ นี้มานาน ได้ผ่านกงล้อประวัติศาสตร์ทางการเมือง สถานการณ์การเมืองที่แตกต่างกันแต่ละยุคสมัย อยากเห็นองค์กรนิติบัญญัติแห่งนี้เป็นที่พึ่งของที่น้องประชาชนต่อไป และสิ่งหนึ่งที่อยากจะเห็นในขณะที่ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 คือ อยากเห็นความร่วมมือร่วมใจ ไม่ว่าจะฝ่ายค้าน […]

เปิด 13 ข้อตกลงหยุดยิง ไทย-กัมพูชา เห็นพ้องรักษาสันติภาพ

มาเลเซีย 7 ส.ค.-เสร็จสิ้นแล้ว การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ที่ 2 ชาติ เห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อระหว่างกัน โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้1.ยุติการใช้อาวุธทุกประเภท การโจมตีต่อพลเรือน เป้าหมายพลเรือน และเป้าหมายทางทหาร ในทุกพื้นที่และทุกกรณี2.รักษาสถานะการวางกำลังในที่ตั้งปัจจุบัน สถานะตั้งแต่ 28 ก.ค.68 โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง และไม่มีการลาดตระเวนไปยังที่ตั้งของอีกฝ่าย3.ไม่เพิ่มเติมกำลังตลอดแนวชายแดนไทย – กัมพูชา4.ไม่กระทำการอันเป็นการยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียด การมีกิจกรรมทางทหารเข้าไปยังดินแดน เขตน่านฟ้า หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย ตามสถานะการหยุดยิง ตั้งแต่ 28 ก.ค.68 และไม่สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกไปนอกขอบเขตของฝ่ายตน5.ไม่ใช้กำลังต่อพลเรือน หรือเป้าหมายทางพลเรือนในทุกกรณี6.การปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา: การปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกจับกุมตัว การขอส่งตัวผู้บาดเจ็บมารักษาในสถานพยาบาลของอีกฝ่าย โดยจะขึ้นอยู่กับศักยภาพในการรองรับของสถานพยาบาลแล้วแต่กรณี สำหรับทหารที่อยู่ในความควบคุมของอีกฝ่ายหนึ่งจะได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศ หลังจากยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติโดยเร็ว และจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะและด้วยความเคารพ7.กรณีมีความขัดแย้งกันด้วยอาวุธ ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งสองฝ่ายจะหารือกันในระดับปฏิบัติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เพื่อป้องกันการขยายตัวของสถานการณ์8.เห็นชอบให้เพิ่มในเรื่องของการปฏิบัติดังนี้8.1 ดำรงการติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่องระหว่างหน่วยทหารในพื้นที่8.2 จัดการประชุม RBC ภายใน 2 สัปดาห์ นับจากการประชุม […]

แม่ทัพภาค 2 เชื่อผลประชุม GBC เป็นทิศทางที่ดี

7 ส.ค. – มทภ.2 ขอรอผลอย่างเป็นทางการหลังประชุม GBC เชื่อจะไปในทิศทางที่ดี เมิน “ฮุนเซน” ขอไทยงดใช้ F-16 ร้องนานาชาติ หยุดขายเครื่องบินรบให้ไทย ส่วนกรณีสายลับเขมร รอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับมอบอุปกรณ์โดรนโลเคเตอร์ เครื่องจับพิกัดตัวโดรน รวม 30 เครื่อง มูลกว่า 8 ล้านบาท เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงของใช้ที่จำเป็นเพื่อนำไปมอบให้ทหารแนวหน้า จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้จะได้ข้อสรุปในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร พลโท บุญสิน บอกว่ารอการชี้แจงอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าจะดีขึ้น ย้ำว่า ในข้อเสนอ 8 เรื่อง 6 ประเด็น ตนให้ความสำคัญ ทหารไทย ณ ปัจจุบันนี้อยู่ตรงไหนก็ให้อยู่ตรงนั้น คำนึงถึงเรื่องนี้เป็นหลัก เน้นย้ำให้ทหารหน้าแนวตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และตรึงกำลังไว้ตลอด เรื่องแผ่นดินไม่สามารถคุมได้ด้วยเครื่องมือ ต้องใช้คนเฝ้า เมื่อเปรียบเทียบกับท่าทีของกัมพูชาแล้ว เราจะต้องประกบไว้แบบนี้ […]

“พล.อ.ณัฐพล” เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย

มาเลเซีย 7 ส.ค.- “พล.อ.ณัฐพล” รมช.กลาโหม เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย ก่อนถก GBC ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ บ่ายนี้ เมื่อเช้าวันนี้ (7 ส.ค. 68) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าเยี่ยมคำนับ ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในขณะนี้และเป็นเจ้าภาพของสถานที่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(General Border Committee: GBC) ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาเข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นโอกาสแรกที่ฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้พบกันในระดับรัฐมนตรีก่อนที่จะเข้าร่วมประชุม GBC สมัยวิสามัญ ที่จะมีขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้ Deputy Minister of Defence pays courtesy call on Malaysian Prime Minister before Extraordinary Session […]