ราชบุรี 27 ม.ค.-หนุ่มยอมรับกุเรื่องร่อนทอง จัดฉากนำพระกับเหรียญเก่าไปโยนไว้ สร้างกระแสอยากดังข้ามคืน อ้างมีผู้สื่อข่าวสร้างสตอรี่ให้ แต่สุดท้ายเบี้ยวไม่พาไปออกรายการ พร้อมขอโทษทุกคน ไม่มีเจตนาหลอกลวง เกิดจากรู้เท่าไม่ถึงการณ์
จากกรณีนายกรภัทร พรของแม่ อายุ 33 ปี โพสต์เรื่องราวของการไปร่อนทองในคลองชลประทาน ต.ดอนตะโก อ.เมือง จ.ราชบุรี พร้อมนำทองที่ร่อนได้ไปตรวจสอบกับทางร้านทอง ซึ่งระบุเป็นทองจริง จนสร้างความแตกตื่น ทำให้ชาวบ้านจากจังหวัดราชบุรี และจังหวัดใกล้เคียง พาอุปกรณ์มาร่อนทองกันเป็นจำนวนมาก จนทางภาครัฐต้องลงมาตรวจสอบ พร้อมสั่งปิดพื้นที่บริเวณคลองชลประทาน เพื่อห้ามชาวบ้านมาร่อนทอง เนื่องจากเกรงจะเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และเข้าข่ายกระทำความผิด พ.ร.บ.แร่ ดังมีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (27 ม.ค.) นายกรภัทร พรของแม่ ผู้ที่ออกมาโพสต์พบทองดังกล่าว ได้ออกมายอมรับกับทางการว่าเรื่องราวทั้งหมดเขาเป็นคนกุเรื่องขึ้นมา ความจริงทองที่นำมาโชว์ก็เป็นทองที่ได้มาจากในคลองชลประทานจริง โดยเมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ไปหาหอยที่คลองดังกล่าว แต่เผอิญเหลือบไปเห็นจี้ทองคำ เลยหยิบขึ้นมาดู ปรากฏว่าเป็นทองจริงๆ เลยตัดสินใจกลับไปที่บ้านแล้วไปเอาเครื่องตรวจจับโลหะ มาค้นหา และไปเจอพวกเศษทองรูปพรรณเพิ่มอีกหลายเม็ด เลยนำกลับมาที่บ้าน แล้วถ่ายรูปเก็บไว้หลังจากนั้นวันที่ 15 ม.ค.จึงนำรูปดังกล่าวโพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว และปรากฏเป็นข่าว จึงทำให้ชาวบ้านหลายคนแห่ไปร่อนทองที่คลองชลประทาน
ส่วนกรณีที่ชาวบ้านเจอพระเครื่องในคลองยอมรับว่า เป็นคนเอาพระกับเหรียญเก่าๆ ไปโยนไว้ในคลอง เพียงแค่หวังว่าหากชาวบ้านไปเจอจะได้มีความเชื่อใจ หลังจากที่เขานำเรื่องราวไปโพสต์ ด้วยสำนึกผิดจึงตัดสินใจออกมายอมรับความจริง พร้อมกล่าวขอโทษชาวราชบุรี ทุกคนที่แห่กันไปร่อนทอง รวมทั้งขอโทษส่วนราชการทุกส่วนที่ทำให้เดือดร้อน ทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ได้มีเจตนาหลอกลวงใคร เกิดจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ด้านนายทศพล เผื่อนอุดม นายอำเภอเมืองราชบุรี กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับคำสารภาพจากน้องเขาแล้วว่าไม่ใช่เรื่องจริงทั้งทั้งหมด มีจริงบ้างเท็จบ้างปะบนกันไปเป็นการคึกคะนอง แต่ถ้าเข้าข้อมูลเป็นเท็จตาม พ.ร.บ.คอมผิวเตอร์ ต้องดูรายละเอียดกัน ซึ่งเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่จะสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ หากมีผู้ใดเสียหายก็จะร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีได้ ก็ไม่อยากให้ใครทำ เพราะวุ่นวายกันไปหมด ยิ่งในช่วงสถานการณ์ไม่ปกติแบบนี้ก็เกรงจะเกิดการติดเชื้อโรคกัน เมื่อมารับสารภาพแล้วจะได้รู้เรื่องจริงเรื่องเท็จ สังคมจะได้รับรู้.-สำนักข่าวไทย