สุราษฎร์ธานี 23 ธ.ค.-ตำรวจนำตัวมือฆ่าข้าราชการสาว สำนักปลัด กทม.หมกเก๋ง สอบปากคำเครียด รับทำจริงเหตุผู้ตายบอกเลิกเพราะหลอกว่ารวย
จากกรณีพบศพ น.ส.ฐิติรัตน์ สีห์ราช อายุ 35 ปี เจ้าพนักงานธุรการชำนาญกลุ่มงานประเมินผล สำนักงานการเจ้าหน้าที่สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร ภายในรถเก๋ง ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภาพศพสวมหน้ากากอนามัย ใส่เสื้อยืดสีชมพูทับด้วยเสื้อเจ็ตเก็ตยีนส์สีน้ำเงิน คาดเข็มขัดนิรภัยนั่งอยู่ในสภาพคอพับไปด้านขวา ที่ใบหน้ามีบาดแผลถูกทำร้ายปูดบวมเป็นรอยเขียวช้ำที่ขอบตาด้านขวา ที่บริเวณหน้าท้องมีรอยคล้ายกระสุนปืน 3 แห่งเป็นแนวขึ้นชายโครงด้านขวา เมื่อเย็นวันที่ 20 ธันวาคม ที่ผ่านมา
คืบหน้าล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจได้นำตัวนายโอชา สวนจันทร์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหา มาสอบปากคำที่กองกำกับสืบสวนภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี หลังศาลออกหมายจับ และญาติผู้ต้องหาประสานติดต่อมอบตัว ทางตำรวจจึงไปรับตัว ที่บ้านใน จ.นครศรธรรมราช ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง ในช่วงเช้าวันที่ 19 ธันวาคม ได้รับผู้ตายจากหอพักเพื่อเดินทางมายังจังหวัดนครศรีธรรมราช และเพิ่งคบหากับฝ่ายหญิงมาได้ระยะหนึ่ง โดยตนเองได้โกหกผู้ตายว่า เป็นคนมีฐานะ และมีสวนอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช วางแผนจะแต่งงานกัน หลังจากนั้นได้พาผู้ตายไปบ้านที่ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อฝ่ายหญิงทราบว่าไม่ได้เป็นเหมือนที่พูด เลยรู้สึกว่าเหมือนถูกหลอก และได้โทรศัพท์กลับไปบอกที่บ้านว่าเหมือนโดนหลอก ถ้าตนเองโทรศัพท์ไปไม่ต้องรับสาย
ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถมาจาก กทม. เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านที่อำเภอหัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ระหว่างทางในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร เกิดมีปากเสียงกันเรื่องที่ตนเองหลอกฝ่ายหญิงว่าเป็นคนรวย จึงได้ใช้อาวุธปืนขนาด .38 มม. ยิงใส่ผู้ตายหลายนัดจนเสียชีวิต และได้นำเสื้อแจ๊กเก็ตมาคลุมตัวไว้ และใส่แมสก์ที่จมูก ทำเหมือนคนนอนหลับ หลังจากก่อเหตุได้นำอาวุธปืนไปทิ้งในพื้นที่แยกวังมะนาว จ.ประจวบคีรีขันธ์ จากนั้นได้ขับรถพาศพนั่งมาในรถนานกว่า 6 ชั่วโมง จนถึงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้โทรศัพท์ไปบอกกับน้องชายว่า ได้ทำปืนลั่นใส่แฟนจนตาย และได้นำรถมาจอดที่จุดเกิดเหตุ ก่อนที่จะให้น้องชายขับรถมารับเพื่อหลบหนีไปอำเภอหัวไทร จนทางญาติพี่น้องติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อประสานเข้ามอบตัว ระหว่างตำรวจนำตัวผู้ต้องหาไปส่งยัง สภ.พุนพิน มีผู้สื่อข่าวพยามถามถึงสาเหตุและถามว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ แต่ผู้ต้องหาไม่ยอมปริปากพูดสักคำ.-สำนักข่าวไทย