สมุทรปราการ 23 ธ.ค.-ญาติยืนยันแจ้งความเอาผิดถึงที่สุด ชายดื่มแอลกอฮอล์แล้วซ่า เห็นรถพยาบาลกำลังจะไปรับผู้ป่วยขับตามหลังเปิดไฟฉุกเฉิน เกิดอาการไม่พอใจปาดหน้าโบกให้จอด ลงไปต่อว่า ซ้ำยังโทรศัพท์ไปป่วน 1669 จนผู้ป่วยเสียชีวิต
นี่เป็นคลิปที่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลสมุทรปราการ บันทึกด้วยโทรศัพท์มือถือไว้ ขณะขับอยู่บนถนนสุขุมวิท ใกล้กับทางเข้าฟาร์มจระเข้สมุทรปราการ ก็มีรถโตโยต้า อัลติส สีขาว ขับปาดไปมาและโบกให้รถพยาบาลจอด เมื่อรถพยาบาลจอด ชายที่ขับรถเก๋งสีขาวได้ลงมาต่อว่าเจ้าหน้าที่ที่อยู่บนรถพยาบาล ว่า เปิดสัญญาณฉุกเฉินวิ่งทำไม มีคนเจ็บอยู่บนรถจริงไหม และพยายามที่จะเปิดท้ายรถพยาบาล จนทางเจ้าหน้าที่ที่อยู่บนรถต้องบอกให้ชายคนดังกล่าวขับตามไปดู เพื่อจะได้รู้ว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานอยู่จริงหรือไม่ แล้วชายคนดังกล่าวก็ขับรถตามไปด้วยจริงๆ
เมื่อรถพยาบาลวิ่งเข้าไปในซอยวิทยุการบิน ไปถึงบ้านผู้ป่วยที่มีเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการพยายามปั๊มหัวช่วยชีวิตผู้ป่วยอยู่ เจ้าหน้าที่ได้รีบนำส่งโรงพยาบาลทันที และที่น่าเสียใจคือ ผู้ป่วยรายนี้ได้เสียชีวิตลงหลังจากถึงโรงพยาบาลได้ไม่กี่นาที
ส่วนชายคนที่ขับรถเก๋งสีขาวนี้ เห็นว่า มีเจ้าหน้าที่อยู่เยอะ จึงขับรถกลับเข้าบ้านตัวเอง ซึ่งเป็นซอยเดียวกับบ้านผู้ป่วย ทางอาสาสะกดรอยตามไปที่บ้านของชายคนดังกล่าว ก่อนโทรเรียกตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ ให้มาช่วยควบคุมตัว นอกจากนี้ ก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไปถึงบ้าน ยังพบว่า ชายคนนี้ได้โทรศัพท์ไปที่เบอร์สายด่วน 1669 ที่ใช้สำหรับเหตุที่มีเหตุผู้ป่วยป่วยฉุกเฉิน อ้างว่า จะร้องเรียนรถพยาบาลขับช้าแต่เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน และพูดจาวกวน วนไปวนมา
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวชายคนดังกล่าว ไปสอบสวนต่อที่สภ.เมืองสมุทรปราการ ซึ่งมีอาการคล้ายเมาสุรา และเป่าปริมาณแอลกอฮอล์ได้ 190 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ และตั้งข้อหาขับรถยนต์ขณะเมาสุรา และต่อมาทางเจ้าหน้าที่พยาบาลของโรงพยาบาลสมุทรปราการ ได้เดินทางมาแจ้งความข้อหาพยายามขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของรถพยาบาล เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีญาติของผู้เสียชีวิตเข้าแจ้งความด้วย ขณะที่เจ้าตัว ไหว้ขอโทษ
ล่าสุดนางณัฐฐินันท์ บริบูรณ์ ภรรยาของผู้เสียชีวิต เข้าให้ปากคำกับตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ และขอเอกสารไปรับศพที่สถาบันนิติเวช เพื่อไปรับศพสามีไปบำเพ็ญกุศล ที่วัดสว่างอารมณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์
นางณัฐนันท์ บอกว่า ขณะนี้ยังทำใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ เนื่องจากวันเกิดเหตุมีการเรียกรถกู้ชีพให้มาช่วยเหลือสามี ซึ่งมีอาการหายใจไม่ออก แต่เนื่องจากรถกูชีพคันแรกที่เข้ามาช่วยเหลือ มีอุปกรณ์ไม่เพียงพอต่อการยื้อชีวิต จึงมีการประสานขอรถพยาบาลคันที่สอง ซึ่งมีอุปกรณ์ครบครันเข้ามาช่วยเหลือ แต่ระหว่างทางกลับถูกคนเมาสุราขับขวาง ทำให้รถกู้ชีพเข้ามาช่วยชีวิตล่าช้า โดยเจ้าหน้าที่ประจำรถกู้ชีพได้เปิดคลิปเหตุการณ์ให้ดู จึงเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวของชายเมาสุรา เป็นสาเหตุให้สามีเสียชีวิต ยืนยันจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด พร้อมกับฝากถึงประชาชนท่านใดทีพบเห็นถฉุกเฉินเปิดไซเรนวิ่งขอทางโปรดหลีกเลี่ยงเพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย เหมือนกับครอบครัวของตนเองที่ต้องสูญเสียคนที่รัก
นายขัน ก้านบัว อายุ 50 ปี คู่เขยผู้ตายเปิดเผยว่า ผู้ป่วยไม่เคยมีโรคประจำตัว แต่หมดสติหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ซึ่งตนได้เรียกกู้ภัยที่บ้านอยู่ใกล้กันมาช่วยปั๊มหัวใจ และพยายามโทรศัพท์เรียกรถพยาบาล กระทั่งมีรถของกู้ชีพไปถึงบ้านและช่วยปั๊มหัวใจ จนผู้ตายเริ่มมีอาการตอบสนอง แต่รถกู้ชีพไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ เพราะผู้ตายอาการค่อนข้างวิกฤติ เจ้าหน้าที่กู้ชีพจึงประสานรถพยาบาลสมุทรปราการที่มีเครื่องมือ และพยาบาลวิชาชีพให้มารับ แต่ใช้เวลานาน
กว่ารถพยาบาลของโรงพยาบาลจะมาถึง และต้องปั๊มหัวใจผู้ตายไปตลอดทาง ทั้งนี้จากเหตุการณ์ดังกล่าว ตนและญาติผู้ตายทุกคน รู้สึกห่ดหูใจ ที่ยังมีคนไม่รับผิดชอบ จนเกิดการสูญเสีย และการที่ขับรถขวางรถพยาบาล ไม่ควรอย่างยิ่ง แม้จะเมาแค่ไหนก็ตาม
ขณะที่นายสัมฤทธิ์ มณีฤทธิ์ ถูกแจ้งข้อหาขับรถขณะเมาสุรา โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่ม เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของรถพยาบาล ที่มีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลมาแจ้งความไว้.-สำนักข่าวไทย