นครศรีธรรมราช 3 ธ.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดนครศรีธรรมราช ถือว่าหนักหน่วงที่สุดในรอบหลายสิบปี โดยเฉพาะที่ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช ปรากฏว่าเส้นทางที่เข้าไปพื้นที่ถูกตัดขาด และพบผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมรวมเป็น 4 ราย
สถานการณ์น้ำท่วมส่งผลกระทบในวงกว้างของนครศรีธรรมราช แม้ระดับน้ำลดลงหลายจุดในวันนี้ (3 ธ.ค.) แต่มีบางจุดที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งภาพรวมหน้าโรงพยาบาลมหาราชระดับน้ำลดลงประมาณ 10 เซนติเมตร หลังจากที่เมื่อคืนมีน้ำทะลักข้ามกำแพงโรงพยาบาลฯ เข้าท่วมในพื้นที่หน้าห้องฉุกเฉิน ขณะที่การเคลื่อนย้ายและรักษาผู้ป่วยเป็นไปอย่างยากลำบาก ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปีที่มีน้ำท่วมสูงและทะลักเข้าไปยังโรงพยาบาล ซึ่งตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำกระสอบทรายมาปิดกั้น ไม่ให้น้ำทะลักเข้าไปในห้องที่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีมูลค่าสูง
ย้อนกลับไปเมื่อคืนที่ผ่านมา มวลน้ำจากเทือกเขาหลวงได้ไหล่เข้าท่วมเขตเทศบาลนครฯ และถนนราชดำเนิน ซึ่งเป็นถนนสายหลัก ตั้งแต่สี่แยกหัวถนนไปจนถึงพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาตินครศรีธรรมราช ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร และที่หนักสุดคือ หน้า รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช มีน้ำสูงประมาณ 1 เมตร หรือเหนือเอว ทั้งรถเล็กและรถใหญ่ไม่สามารถผ่านได้ แม้เจ้าหน้าที่ได้นำกระสอบทรายปิดประตูหน้าโรงพยาบาล เพราะคิดว่าระดับน้ำจะไม่สูงไปกว่ากำแพง แต่ปรากฏว่าเวลาประมาณ 2 ทุ่มเศษ มีน้ำได้ไหลผ่านกำแพงเข้าภายในโรงพยาบาล
ขณะที่ในวันนี้ (3 ธ.ค.) ถนนหลายสายไม่สามารถสัญจรไปมาได้ อาทิ สายนครฯ-ร่อนพิบูลย์ หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง อำเภอพระพรหม จนต้องใช้รถทหารขนส่งประชาชน ซึ่งภาพรวมมี 19 อำเภอ 133 ตำบล 942 หมู่บ้านได้รับผลกระทบ และมีผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำ 4 ราย โดยรายล่าสุดเป็นแม่ลูกจมน้ำขณะอพยพมาที่ปลอดภัย
ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า กำลังทหารในพื้นที่ต้องระดมรถขนส่งขนาดใหญ่ เพื่อช่วยประชาชนที่จะเดินทางไปยังท่าอากาศยาน เนื่องจากเส้นทางถูกตัดขาดไม่สามารถสัญจรไปมาได้ จึงต้องใช้รถทหารเดินทางเข้าพื้นที่ ส่วนเที่ยวบินต่างๆ ที่เดินทางเข้า-ออกท่าอากาศยาน ยังเปิดให้บริการตามปกติ และไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด
สถานการณ์น้ำท่วมล่าสุดในนครศรีธรรมราช ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักเป็นวันที่ 2 ภาพรวมทางเข้า-ออกสนามบินวิกฤติแค่ไหน และแนวทางช่วยเหลือประชาชนจะเป็นอย่างไร พูดคุยกับคุณไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช.-สำนักข่าวไทย