อธิบดี พช. ติดตามโครงการโคกหนองนาโมเดล

16 พ.ย.-อธิบดี พช. ลงพื้นที่ร่วมกับอนุกรรมการฯ ตรวจติดตามการดำเนินงานโครงการโคกหนองนาโมเดล ในพื้นที่ศรีสะเกษ

วันที่ 16 พฤศจิกายน 2563 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับคณะติดตามโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ โคกหนองนาโมเดล และโครงการ 1 ตำบล 1 เกษตรทฤษฎีใหม่ ในโอกาสการลงพื้นที่ของคณะอนุกรรมการติดตามโครงการภายใต้แผนงานสร้างความเข้มแข็งแก่เศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ 1 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 16-17 พฤศจิกายน 2563 ณ จังหวัดศรีสะเกษและจังหวัดอุบลราชธานี นำโดยนายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ ประธานฯ นายมนตรี ดีมานพ ผอ.สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและคณะ เพื่อติดตามความพร้อมการดำเนินงาน ศึกษาปัญหาอุปสรรค และให้คำแนะนำการดำเนินโครงการแก่ผู้เกี่ยวข้อง


โดยช่วงเช้าได้ลงพื้นที่แปลงเกษตรทฤษฎีใหม่ของนางแหวน ลาดบาศรี บ้านหนองแค ต.หนองแค อ.ราษีไศล ซึ่งนางสาวนิพาดา ลาดบาศรี บุตรสาวของนางแหวน เป็นผู้นำเสนอข้อมูล มีนายจรินทร์ รอบการ พัฒนาการจังหวัดศรีสะเกษ น.ส.พิชชากร แจ่มศรี เกษตรและสหกรณ์จังหวัดศรีสะเกษ นายกิตติพงษ์ ลีลาศสง่างาม ประมงจังหวัดศรีสะเกษ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจังหวัดศรีสะเกษ นายภานรินทร์ ภาณุพินทุ ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามูลล่าง นางผา กองธรรม นายกสมาคมคนทาม นายอุบล อยู่หว้า ที่ปรึกษาสมาคมคนทาม ได้ร่วมต้อนรับคณะและให้ข้อมูล และช่วงบ่ายลงพื้นที่แปลงพื้นที่ต้นแบบนางพรรณณี ต้อไธสง หมู่ 10 ต.เมืองหลวง อ.ห้วยทับทัน โดยมีนายอำเภอห้วยทับทัน ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนันผู้ใหญ่บ้าน และหัวหน้าส่วนราชการอำเภอห้วยทับทัน ได้ร่วมต้อนรับและให้ข้อมูล โดยนางพรรณี ต้อไธสง เป็นผู้นำเสนอข้อมูลต่อคณะผู้ติดตาม

นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่ได้มาจับผิดแต่อย่างใด เป็นการมาเพื่อแลกเปลี่ยนและให้คำแนะนำในการดำเนินงาน ให้ประสบผลสำเร็จ บรรลุวัตถุประสงค์ที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ สภาพัฒน์ฯ ได้ตั้งคณะอนุกรรมการติดตามโครงการ ถือเป็นครั้งแรก เนื่องจากโครงการนี้มันไม่ใช่โครงการงบประมาณปกติ เป็นโครงการที่ขอจากงบเงินกู้ 4 แสนล้าน โครงการของกระทรวงเกษตรฯ และโครงการของกระทรวงมหาดไทย รวมเป็น 2 โครงการแรกที่ทางสภาพัฒน์อนุมัติ รวมแล้ว 1.4 หมื่นล้านบาท เราเป็นกังวลว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ดีมีประโยขน์ต่อพี่น้องประชาชนถ้าไม่มีการติดตามดูแลให้ถูกต้องเหมาะสม ก็จะละลายหายไปแล้วจะถูกโจมตี เพราะเป็นโครงการเงินกู้ที่รัฐบาลต้องจ่ายดอกเบี้ย จะกลายเป็นสร้างปัญหาเพิ่มเติม ต้องทำแล้วคุ้มค่า เราจึงมีความเป็นกังวลว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องมีความเข้าใจตรงกันหรือไม่ เพราะพื้นที่บางพื้นที่ก็จะมีทั้งผู้ที่เคยมีประสบการณ์และไม่มีประสบการณ์ ถ้าเจ้าหน้าที่ ประชาชน เกษตรกรไม่มีประสบการณ์ถือว่าอันตราย และระยะเวลาสั้นมาก 12 เดือน ถือเป็นเรื่องสำคัญ เราจะทำอย่างไรให้โครงการประสบความสำเร็จได้ จึงได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาติดตามตั้งแต่เริ่มต้นเพื่อจูนความคิดความเข้าใจให้ตรงกัน ซึ่งในที่ประชุมได้เห็นตรงกันว่าต้องมีการลงพื้นที่ติดตามงานเพื่อดูพื้นที่จริง เป็นการปรับจูนเพื่อให้ข้าราชการทำงานร่วมกับประชาชนได้ตามสภาพภูมิประเทศที่เหมาะสม ดังนั้น ในการทำงานถ้ามีอะไรติดขัดต้องบอกอย่าไปปกปิดเอาไว้ เป็นเรื่องที่ต้องจูนเข้าหากัน ไม่ว่าจะเป็นเกษตรทฤษฎีใหม่ หรือ โคก หนอง นา โมเดล ก็ถือเป็นศาสตร์พระราชา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องเดียวกัน แตกต่างกันที่รูปแบบการทำงานเท่านั้น ซึ่งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ดังนั้นผมก็อยากฝากทางเกษตรจังหวัด ทางพัฒนาการจังหวัด ให้ไปร่วมกัน แลกเปลี่ยนความคิดซึ่งกันและกัน เพราะเป็นเรื่องยากสำหรับหน่วยใดหน่วยหนึ่ง ต้องช่วยกัน ร่วมมือกัน ยิ่งเป็นยุคโควิด ปัญหาเยอะไปหมด เราต้องช่วยกันคิดช่วยกันทำประเทศไทยถึงจะอยู่รอด เพราะ 2 โครงการนี้ถือเป็นศาสตร์พระราชา ทำให้เราต้องพึ่งพาตนเองอย่าไปพึ่งพาต่างชาติ อย่างการปลูกผัก ปลูกกินเอง ขายเอง หรือนำมาแปรรูปทำเป็นสลัดใส่กล่องขาย ทำเป็นอาหารสำเร็จรูปแล้วขายผมมั่นใจว่าจะขายได้ราคาดี


“ขอฝากโครงการนี้ดีแล้ว แต่วิธีการต้องให้เกิดประโยชน์ที่แท้จริงกับพื้นที่ ถ้ากฎเกณฑ์ข้อไหนไม่เอื้อ อนุกรรมการจะเสนอเข้า ครม.แก้ไขให้อำนวยความสะดวก เราต้องช่วยกันให้โครงการเกิดประโยชน์อย่างจริงจัง การดำเนินงานเปรียบเหมือนเรากลัดกระดุม หากสามารถกลัดกระดุมเม็ดแรกถูก ก็มีแนวโน้มที่ทุกอย่างจะสำเร็จได้โดยง่าย หากเรามีการเริ่มต้นที่ดี แต่ใช่ว่าในระหว่างทางจะไม่เกิดปัญหาขึ้น อาจมีกระดุมบางเม็ดที่หลุดหายไป เราก็ต้องสามารถแก้ปัญหา หากระดุมเม็ดใหม่มาติดแทนให้ได้ จึงขอเป็นกำลังใจให้ข้าราชการทำงานให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเราไม่ได้ทำงานแค่เพื่อกระทรวง กรม แต่สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคืองานเพื่อประชาชน ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน เราทำเพื่อประชาชน ประชาชนก็ต้องร่วมมือกัน และขอให้คิดบวก ความคิดในทางบวกจะทำใหเรามีความสุข” นายเอ็นนู กล่าว

ด้านนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ กล่าวว่า กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ให้ความสำคัญในการที่จะน้อมนำศาสตร์พระราชา แนวพระราชดำริเรื่องปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และทฤษฎีใหม่ มาปรับใช้ในการพัฒนาชีวิตของพี่น้องประชาชน เรื่องใหญ่เรื่องแรกเป็นเรื่องของคน การพัฒนาชีวิต เรื่องคนเป็นเรื่องใหญ่ก่อนที่จะมีเครือข่าย ตัวเรา ต้องมีความรู้ความเข้าใจ จากการลองผิดลองถูก “Learning by doing” สุดท้ายทำให้เราได้เรียนรู้ เรื่องใหญ่ของงบประมาณเงินกู้ที่กรมการพัฒนาชุมชน ได้รับจัดสรรพิจารณาจากรัฐบาลในการสนับสนุนจากสภาพัฒน์ฯ จำนวน 4,700 กว่าล้านบาท ขั้นต้นคือการให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนก่อน คนที่จะทำ และคนที่จะช่วยแนะนำ เป็นเรื่องของเพื่อนคู่คิดมิตรคู่ใจ คือข้าราชการกรมการพัฒนาชุมชน คนที่ทำโคก หนอง นา ประกอบไปด้วย คนที่เป็นเจ้าของแปลง และคนที่จะมาช่วยเจ้าของแปลง ซึ่งกรมการพัฒนาชุมชนรับสมัครงานอยู่ในขณะนี้ จะเป็นคนที่เคยติดคุกมาเราก็รับ เพราะเชื่อว่าทุกคนอยากจะทำความดี โดยกรมการพัฒนาชุมชนพร้อมให้โอกาสดี ๆ ไม่ว่าจะจบการศึกษาใด วุฒิอะไรเราก็รับได้หมด เพียงขอให้มีความตั้งใจ ซึ่งจะรับถึงวันที่ 17 พฤศจิกายน 2563 นี้ ซึ่งทั่วประเทศ รับจำนวน 9,188 คน เหลือเพียง 3 จังหวัด ที่ยังรับสมัครไม่ครบตามจำนวน ได้แก่ ปทุมธานี ระยอง และกาญจนบุรี นอกจากนั้นสมัครเกินหมด ซึ่งจะครบแน่นอนในเร็ว ๆ นี้

เป้าหมายของกรมการพัฒนาชุมชน ไม่ได้เพียงต้องการจ้างลูกจ้าง แต่มองไปถึงการพัฒนาคน ที่ต้อง “Learning by doing” เพื่อที่จะน้อมนำศาสตร์พระราชาไปใช้ในชีวิตประจำวัน กรมการพัฒนาชุมชนหวังว่า คนที่มาเรียนรู้งาน ร่วมงานพัฒนาพื้นที่ตามทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา โมเดล สามารถนำกลับไปปรับใช้ เป็นมนุษย์พอเพียง ที่สามารถน้อมนำศาสตร์พระราชาไปใช้ และไม่ได้กำหนดว่าต้องเป็นอาชีพอะไร สามารถสมัครได้ ตามที่ท่าน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราจะไม่ทิ้งใคร ไว้ข้างหลัง


สำหรับขั้นตอนต่อมา คือการเตรียมฝึกอบรม กรมฯ ได้จัดสรร โอนงบประมาณไปยังจังหวัดแล้ว กระบวนการขั้นตอนเป็นไปตามลำดับ อบรมก่อน ซึ่งจะสามารถออกแบบพื้นที่ของตนเองได้ ซึ่งมีแบบมาตรฐานที่ออกแบบ โดยสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กับสมาคมศิษย์เก่าวิศวะ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกันออกแบบและรับรองแบบด้วย ขึ้นอยู่กับภูมิสังคม รสนิยม ของแต่ละพื้นที่แต่ละสังคม คนที่เข้าไปอบรมเสร็จแล้วนั้น เปิดโอกาสให้มีการออกแบบใหม่ได้

การลงมือปรับพื้นที่ งบประมาณได้จัดสรรจังหวัดแล้ว รายครัวเรือนจะไม่ต้องดำเนินการ e-bidding เพราะว่ารายครัวเรือน ปรับพื้นที่ครัวเรือนละ 1 – 3 ไร่ งบประมาณไม่เยอะ สามารถให้พี่น้องประชาชนเลือกใช้ผู้ประกอบการในท้องถิ่นได้ มีกิจกรรมเอามื้อ “ลงแขก” เจ้าของแปลง ต้องนำเงินงบประมาณไปประกอบอาหารเลี้ยงคนที่มาเอามื้อ คนที่มาช่วยกัน ลักษณะแบบนี้จะทำให้เงินหมุนเวียนอยู่ในตลาด ซื้อของจากในท้องถิ่นของตนเอง อันเป็นเป้าหมายตามที่รัฐบาลและสภาพัฒน์ฯ ต้องการ

โครงการเงินกู้ รอบที่ 1 อยู่ในงบ 4,700 ล้านบาท อยู่ในจังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 1,050 แปลง สำหรับงบประมาณปี 2564 กรมการพัฒนาชุมชน จัดสรรงบประมาณ ซึ่งผ่านการกลั่นกรอง อนุมัติแล้ว 40 ล้านบาท 500 ครอบครัว กรมการพัฒนาชุมชนมั่นใจว่าการดำเนินตามรอยพระราชดำริ จะทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น และเกิดความยั่งยืน งบประมาณรอบแรกนั้น กรมการพัฒนาชุมชน ดำเนินกิจกรรมการฝึกอบรม บูรณาการทำงานร่วมกับมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ร่วมกันทำงาน โดยงบประมาณปี 2563 กรมการพัฒนาชุมชนได้จัดฝึกอบรมผู้นำต้นแบบ จำนวนกว่า 1,500 คน และข้าราชการกรมการพัฒนาชุมชน ประมาณ 1,000 คน ปรับศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนให้เป็นศูนย์เรียนรู้ โคก หนอง นา โมเดล จำนวน 11 ศูนย์ บวกกับภาคีเครือข่ายของมูลนิธิกสิกรรม อีกกว่า 22 เครือข่าย

ทั้งหลายทั้งปวง ต้องเรียนทุกภาคส่วน ข้าราชการได้รับเงินเดือนจากภาษีประชาชน เป็นข้าราชการของประชาชน ผมมั่นใจว่าข้าราชการทุกท่านมีความปรารถนาที่จะทำความดีที่สร้างผลประโยชน์ให้กับประชาชน หรือที่เรียกว่า “passion” บางทีสภาพแวดล้อมหรือกาลเวลา ก็อาจทำให้อุดมการณ์ของคนภาครัฐเปลี่ยนไป ซึ่งในขณะนี้ประเทศชาติของเรา อยู่ท่ามกลางวิกฤติ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา “COVID-19” ซึ่งทำลายระบบเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ในช่วงวิกฤติ กรมการพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน รณรงค์คนไทยทุกบ้านทุกครัวเรือน ปลูกพืชผักสวนครัว เพื่อให้ทุกครัวเรือนมีความมั่นคงทางอาหาร อีกทั้งเค้นภูมิปัญญาไทย ในเรื่องของเครื่องนุ่งห่ม เสื้อผ้าไทย ใส่ผ้าไทย อย่างจังหวัดศรีสะเกษ ใช้มะเกลือในการย้อมสีผ้า มีการพัฒนาสี ไม่ใช่แค่เพียงสีดำเท่านั้น ยังมีการตอบสนองรสนิยมของผู้คนได้ด้วย

“เป้าหมายสูงสุดของโครงการ คือ เราอยากให้ทุกคนมีความมั่นคงในชีวิต หาเลี้ยงตัวเองได้ หาเลี้ยงลูกหลานได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” นายสุทธิพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับนางแหวน ลาดบาศรี อายุ 50 ปี และครอบครัว ทั้งสามี ลูกสาว และลูกเขย ได้ทำเกษตรทฤษฎีใหม่ ในที่ดิน จำนวน 9 ไร่ มีการดำเนินงานตามหลักทฤษฎีใหม่ ปลูกพืชผักสวนครัว เลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา ทำให้พออยู่พอกิน โดยนางนิพาดา ลูกสาวและลูกเขยได้เรียนรู้ทฤษฎีใหม่จากเครือข่ายและเรียนรู้ด้วยตนเอง ลองผิดลองถูก มาตลอด 2 ปี จนมีผลผลิตออกมาได้รับการยอมรับจากชุมชน

ด้าน นางพรรณณี ต้อไธสง อายุ 47 ปี บ้านเตาเหล็ก หมู่ที่ 10 ตำบล เมืองหลวง อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ มีพื้นที่จำนวน 8 ไร่ 1 งาน เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเตาเหล็ก ครัวเรือนเป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านเตาเหล็ก โดยมีฐานการเรียนรู้สวนเศรษฐกิจพอเพียง เกษตรประณีต การทำเกษตรแบบอินทรีย์ มีรายได้ที่เกิดจากการดำเนินชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ เดือนละประมาณ 10,000 บาท โดยมีการปรับสภาพพื้นที่ ขุดสระ ทำคลองไส้ไก่ ปลูกป่า 5 ระดับ และคันนาทองคำ ซึ่งสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับสภาพพื้นที่ และสร้างสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืน ได้สมัครเข้าร่วมโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ของกรมการพัฒนาชุมชน โดยได้เข้ารับการอบรมเป็นผู้นำต้นแบบ ช่วงเดือนมกราคม 2563 ณ ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนอุบลราชธานี และได้สมัครเข้าร่วมโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 พื้นที่ 3 ไร่.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

แอร์อินเดียบินกลับเดลีแล้ว หลังตรวจไม่เจอระเบิด

ภูเก็ต 13 มิ.ย. – เครื่องบินแอร์อินเดีย พร้อมผู้โดยสาร 155 คน ออกจากสนามบินภูเก็ต กลับเมืองเดลีแล้ว หลังตรวจละเอียดยิบ ไม่พบระเบิดตามจดหมายขู่ สอบเครียด 3 ผู้ต้องสงสัยชาวอินเดีย แต่ต้องปล่อยไป เพราะไร้หลักฐานมัด ยันไม่กระทบการให้บริการท่าอากาศยานฯ เมื่อเวลา 09.30 น. หอบังคับการบินสนามบินภูเก็ต ได้รับแจ้งเหตุจากศูนย์ควบคุมการบิน บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ว่าลูกเรือสายการบิน AIR INDIA เที่ยวบินที่ AI 379 เส้นทางบิน HKT-ภูเก็ต-DEL (เดลี) ผู้โดยสารจำนวน 156 คน พบข้อความขู่วางระเบิดในแผ่นกระดาษระบุว่า ‘F… you all bomb’ วางไว้ในห้องน้ำ จากนั้นสายการบินได้ประกาศเข้าสู่แผนฉุกเฉิน ให้นักบินนำเครื่องบินมาลงที่สนามบินภูเก็ต โดยทางสนามบินภูเก็ต ได้ประกาศใช้แผนเผชิญเหตุของสนามบิน Airport Contingency Plan และดำเนินการตั้งศูนย์อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ EOC เพื่อควบคุมและบริหารจัดการสถานการณ์ตามแผนฯ […]

คดี “ทักษิณ” ชั้น 14 ศาลเรียกพยาน 20 ปาก-นัดไต่สวนอีก 6 นัด ก.ค.นี้

กรุงเทพฯ 13 มิ.ย. – คดี “ทักษิณ” วันนี้ ศาลเตรียมเรียกพยาน 20 ปาก พร้อมนัดไต่สวนอีก 6 นัด ช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ถือเป็นการเริ่มกระบวนการไต่สวนเรื่องการบังคับคดีของอดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

ผู้ว่าฯ สระแก้ว ยืนยันไม่มีการปิดด่านบ้านคลองลึก

สระแก้ว 13 มิ.ย. – ผู้ว่าฯ สระแก้ว ลงพื้นที่สยบข่าวลือปิดด่านคลองลึก หลังชาวไทย-กัมพูชา ตื่นตระหนกแห่ข้ามฝั่ง จนเกิดความวุ่นวายหน้าด่าน ขณะฝั่งปอยเปตเริ่มตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เกิดความวุ่นวายขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 12.30 น. หลังจากมีกระแสข่าวลือในกลุ่มผู้ค้าชาวกัมพูชาและชาวไทย ว่าทางการจะมีคำสั่งปิดด่านชั่วคราวในช่วงบ่าย ระหว่างเวลา 13.00-14.00 น. ทำให้ประชาชนทั้ง 2 ฝั่งเร่งรีบข้ามแดนและสอบถามข้อมูลกันอย่างจ้าละหวั่น โดยข่าวลือดังกล่าวแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากเดินทางข้ามแดนก่อนถึงช่วงเวลาที่เข้าใจกันว่าจะปิดด่าน ทำให้บรรยากาศหน้าด่านเต็มไปด้วยความตึงเครียดและสับสน ด้านผู้ว่าฯ สระแก้ว ลงพื้นที่ชี้แจงเรื่องดังกล่าว ยืนยันไม่มีคำสั่งปิดด่าน พร้อมขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และย้ำชัดว่าเวลาการเปิด-ปิดด่านยังคงเป็นไปตามประกาศเดิมของกองกำลังบูรพา คือเปิด 08.00-16.00 น. ทุกวัน โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือคำสั่งใหม่ ฝั่งปอยเปตเริ่มตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากไทยแหล่งข่าวด้านความมั่นคงกัมพูชา เปิดเผยว่า ฝ่ายปกครองในฝั่งปอยเปตได้ดำเนินการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่เชื่อมโยงกับฝั่งไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมข้อมูลและสื่อสารในพื้นที่ชายแดน ฝั่งกัมพูชาปิดด่านบ้านแหลมไม่แจ้งล่วงหน้าส่วนบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี เมื่อเวลา 10.45 น. เกิดความวุ่นวาย หลังฝั่งกัมพูชา มีการปิดประตูด่านฝั่ง ต.บึงรัง […]

ผู้รอดชีวิตจากแอร์อินเดียเผยหนีออกทางประตูฉุกเฉินที่เสียหาย

นิวเดลี 13 มิ.ย. – ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากเหตุเครื่องบินแอร์อินเดียตก ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 240 คน กล่าวว่า เขาเดินออกมาจากประตูฉุกเฉินที่พังเสียหาย หลังจากเครื่องบินชนเข้ากับหอพักวิทยาลัยแพทย์ในเมืองอาห์เมดาบัด นายราเมศ วิศวาศกุมาร ซึ่งตำรวจระบุว่า เขานั่งอยู่ที่นั่ง 11เอ (11A) ใกล้ประตูฉุกเฉิน และสามารถหนีรอดมาได้ทางช่องทางประตูฉุกเฉินที่ชำรุดเสียหาย เขาถูกบันทึกภาพไว้หลังเหตุเครื่องบินตกเมื่อวันพฤหัสบดี ขณะกำลังเดินกะเผลกๆ อยู่บนถนนในสภาพเสื้อยืดเปื้อนเลือดและมีรอยฟกช้ำบนใบหน้า คลิปภาพชาวอังกฤษเชื้อสายอินเดียผู้นี้ที่เผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ ถูกนำไปออกอากาศในสถานีข่าวเกือบทั้งหมดของอินเดีย หลังจากเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ลำดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุตกหลังออกเดินทางจากสนามบินได้ไม่นาน นายวิศวาศกุมาร ให้สัมภาษณ์ขณะนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลว่า เขาไม่อยากจะเชื่อว่ารอดชีวิตมาได้อย่างไร และคิดว่าต้องตายแน่ ๆ แต่พอเขาลืมตา เขาก็รู้สึกตัวว่ายังไม่ตาย และพยายามปลดเข็มขัดนิรภัย เพื่อออกจากที่นั่ง และพยายามหนีออกมาจากตัวเครื่องบิน นายวิศวาศกุมาร เล่าว่า เครื่องบินดูเหมือนจะหยุดนิ่งกลางอากาศเป็นเวลา 2-3 วินาที หลังจากที่ขึ้นบินไปในอากาศ และไฟในห้องโดยสารที่เป็นสีเขียวและสีขาวก็สว่างขึ้น เขารู้สึกได้ว่าแรงขับเคลื่อนของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น แต่แล้วเครื่องบินก็ชนเข้ากับหอพักด้วยความเร็ว แพทย์ระบุว่า นายวิศวาศกุมารไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงใด ๆ ในขณะที่เขากล่าวว่า เขาเดินออกจากจุดเครื่องบินตก โดยบาดเจ็บจากบาดแผลไฟไหม้ที่แขนซ้ายเท่านั้น นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี […]